สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (27 พฤศจิกายน  2561)

การที่บริษัทเอสไอเอสบี จำกัด(มหาชน) หรือ SISB ซึ่งประกอบธุรกิจให้คำปรึกษาและบริหารจัดาร รวมทั้งให้บริการด้านอื่นๆที่เกี่ยวกับการศึกษา และเป็นผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในระบบตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน ประเภทโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งบริษัทเป็นผู้นำหลักสูตรการศึกษาของประเทศสิงคโปร์มาใช้เป็นหลักสูตรพื้นฐานเป็นแห่งแรกของไทย และเป็นหลักสูตรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ติดอันดับ Top 5 ของโลก

SISB มีทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 470 ล้านบาท ราคาพาร์หุ้นละ 0.5O บาท ซึ่งเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 260 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.66% ของทุนชำระแล้ว โดยเสนอขายราคาหุ้นละ 5.20 บาท ซึ่งจัดสรรให้กับประชาชนทั่วไป จำนวน 124 ล้านหุ้น นักลงทุนสถาบัน จำนวน 110 ล้านหุ้น คิดเป็น 40% ของจำนวนหุ้นไอพีโอ ส่วนที่เหลือ 26 ล้านหุ้นได้เสนอขายให้กับกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานบริษัทฯ ซึ่งเปิดให้จองซื้อ วันที่ 22-23 และวันที่ 26 พ.ย.61 โดยหุ้น SISB จะเข้าซื้อขายกลุ่มบริการในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอวันที่ 29 พ.ย.2561

จุดเด่นของ SISB

เป็นหุ้นที่มีการเติบโตในทุกๆด้าน โดยเฉพาะล่าสุดงวด 9 เดือนของปีนี้ ทั้งรายได้ และกำไร ทุบสถิตินิวไฮในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเป็นหุ้นมีความมั่นคงสูง สามารถถือลงทุนได้ระยะยาว และความเสี่ยงต่ำ

รายได้เติบโตต่อเนื่องทุกปี

หากพิจารณาการเติบโตของรายได้แต่ละปี อัตราการเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 20% และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 10% ล่าสุดผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2561 พบว่า มีรายได้รวม 690.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% เนื่องจากเปิดโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์สาขาธนบุรี มีจำนวนนักเรียนเข้าใหม่เพิ่มขึ้น และมีจำนวนสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 71.54 ล้านบาท และถือว่าเป็นกำไรสูงสุดรอบ 3 ปีที่ผ่านมา

โดยในปี 2558 รายได้รวมอยู่ที่ 517.85 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 50.43 ล้านบาท ปี 2559 รายได้รวม 608.58 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 69.83 ล้านบาท ปี 2560 รายได้รวม 746.35 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 17.92 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มของการเติบโตของรายได้น่าจะยังเติบโตได้ต่อเนื่อง เพราะจากการปรับมาตรฐานบัญชีใหม่จะทำให้มีรายได้รอรับรู้ล่วงหน้าทยอยเข้ามาเพิ่มเติมในทุกๆปี ซึ่งเป็นรายได้จากค่าธรรมเนียมแรกเข้า และค่าธรรมเนียมในการศึกษา ซึ่งจะทยอยรับรู้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงทำให้ SISB มีรายประจำสม่ำเสมอต่อเนื่อง หรือ Recurring Income

ความสามารถทำกำไรโดดเด่น

หากดูที่ความสามารถของอัตรากำไรขั้นต้น ซึ่งถือว่าเติบโตอย่างโดดเด่น เพราะมีอัตราสูงเกือบ 40% และจะเห็นว่ามีการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 2558 อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 34.53% ปี 2559 อยู่ที่ 39.23% ปี 2560 อยู่ที่33.43% และงวด 9 เดือนปี 2561อยู่ที่ 38.79% ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 ปีเช่นกัน ขณะที่กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย หรือ EBIDA เติบโตได้ทุกปี ซึ่งในปี 2558 อยู่ที่ 90.63 ล้านบาท ปี 2559อยู่ที่ 122.08 ล้านบาท ปี 2560 อยู่ที่ 149.33 ล้านบาท ล่าสุด 9 เดือนอยู่ที่ 187.69 ล้านบาท

หลังระดมทุนไอพีโอปลอดหนี้

ในฝั่งของอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทฯจะนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน 600 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ปลดล็อกภาระหนี้จากเดิมมีภาระดอกเบี้ยจ่ายประมาณ 30 ล้านบาทต่อปี และจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนที่มีภาระดอกเบี้ยจะลดลงต่ำกว่า 1 เท่า จากงวด 9 เดือนปีนี้ อยู่ที่ 2.97 เท่า

แนวโน้มธุรกิจโรงเรียนนานาชาติคึกคัก

ภาพรวมของธุรกิจให้บริการทางการศึกษา โดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติ มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งอัตราการเติบโตแต่ละปีอยู่ที่ 6-8% จากปัจจุบันมีจำนวนโรงเรียนมาประมาณ 175 แห่ง ขณะที่จำนวนนักเรียนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน ซึ่งโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ในเครือข่ายของ SISB คาดว่าจะมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น 250 คนต่อปี ขณะเดียวกันปัจจุบันการที่ผู้ปกครองมีจำนวนบุตรน้อย จะคำนึงถึงคุณภาพการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งตอนนี้ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีความเข้าใจและเข้าถึง โรงเรียนนานาชาติมากขึ้น และเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ปกครองที่มีความพร้อม

3-5 ปี มุ่งหน้าลงทุน CLMV

SISB มีเป้าหมายที่จะเพิ่มจำนวนนักเรียนทั้งหมดภายในกลุ่มมากกว่า 4,000 คน ภายใน 3-5ปี รวมทั้งมองหาโอกาสในการร่วมลงทุน หรือใหสิทธิในการใช้เครื่องหมายการค้าและบริการของSISBทั้งในประเทศ กลุ่มภมิภาคซีแอลเอ็มวี และประเทศจีน นอกจากนี้จะยังมุ่งเน้นการบริหารโรงเรียนนานาชิในกลุ่มให้เป็นโรงเรียนชั้นนำของประเทศไทยและระดับภูมิภาคให้ได้ในอนาคต

By : ศิลปินหุ้น