![]()
สัมภาษณ์พิเศษ :รุ่นสอง CCP
           "อาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม"
        กว่าจะฝ่าวิกฤตมรสุม มาสู่ช่วงขาขึ้น กระทั่งก่อตัวเป็น บริษัท  ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ CCP ธุรกิจผลิตภัณฑ์คอนกรีต  ที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย  เกี่ยวกับงานสาธาณูปโภคอย่างครบวงจร "อาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม"  กรรมการผู้จัดการบริษัทฯหนุ่มไฟแรง ที่เข้ามาในรุ่นสอง.... พูดได้เลยว่า  หนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะก้าวสู่ความเป็น CCP ได้นั้น  ต้องผ่านอุปสรรคอะไรบ้าง ขอเชิญอ่านบทสัมภาษณ์ทั้งหมด........ได้เลยค่ะ
Q : คุณอาทิตย์เป็นรุ่นไหนที่เข้ามาดู CCP 
    จริงๆ ผมเป็นรุ่นสองแท้ๆ เลยครับ อากงของผมแกมาจากประเทศจีน  เดินทางมาถึงเมืองไทยกับอาม่า ตอนนั้นอาม่าพูดไทยไม่ได้เลย  มาถึงสักพักอากงก็เสียชีวิต คุณพ่อก็เลยทำงาน จนอายุ 12-13 ปี  คุณพ่อก็ออกมาทำงานในเมือง ใช้ชีวิตลูกจ้างอยู่ขณะนั้น พออายุ 20 ต้นๆ  คุณพ่อก็เปิดบริษัทกันยง  พอทำไปสักพักก็เปิด CCP  พอเสร็จแล้วก็พัฒนามาจนถึงตอนนี้ CCP เป็นรุ่นพ่อ มารุ่นคุณชาคริต  ผมก็รุ่นเดียวกับคุณชาคริต ผมเป็นคนโต คุณชาคริต เป็นคนสุดท้อง
Q : ทำไมให้คุณชาคริตออกรับหน้าช่วงนั้น
    ตอนแรกผมทำ CCP ทำบริหารทั่วไป อยู่เบื้องหลัง แล้วตอนนั้นโฮมโปร  เพิ่งสร้างเสร็จ เห็นโฮมโปรเขาทำดี เราก็ไปดูการจัดการว่าเขาทำอย่างไร  ดูแล้วก็ไม่ได้ยากอะไร การคิดไม่ได้ยาก  เราก็นำมาปรับใช้กับกันยงให้เป็นคล้ายโฮมโปร ค่อยๆปรับ ผมก็ย้ายจากบริหาร  CCP มาทำกันยง ส่วนคุณชาคริตก็ทำ CCP ต่อไปเรื่อยๆ ทำกับคุณพ่อและคุณแม่  ผมก็ทำด้วย ตอนนั้นเป็นร้านค้าส่ง โฮมโปรเป็นเจ้าแรกที่เค้ามาทำร้านค้าปลีก  ผมเองมองว่าเงินดี ก็เลยลองทำบ้าง
Q : กันยง ทำอยู่กี่ปี
    ทำอยู่เกือบ 7-8 ปี ที่ทำก็มีขยายสาขาที่พัทยา จังหวัดชลบุรี ช่วง 3-4  ปีก่อน เราเจอวิกฤตตอนนั้นมีผู้ถือหุ้นอยู่หลายคน  ปรากฎว่าผู้ถือหุ้นเขาถอนตัวออก คุณพ่อก็เข้ามารับหน้าแทน คือ  คุณพ่อไม่ยอมให้มันเสีย กระโดดเข้ามารับไว้ ตอนนั้นประมาณเดือนมกราคม  เงินที่ได้มาก็ถูกดึงมาใช้ ช่วงนั้นธุรกิจของเราขรุขระมาก
    หลังจากนั้นเรามาแก้วิกฤตได้ตอนปี 2553  แต่ก่อนหน้านั้นเราเองก็เริ่มมีเงินเข้ามา  กำไรเริ่มดีจากตอนที่เกิดวิกฤตน้ำท่วม ราคาเริ่มดี เงินไหลเข้ามา  แก้วิกฤตตัวเองได้ 
Q : กันยง ปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร
    ปัจจุบันเแป็นร้านค้าวัสดุก่อสร้างสาขาเดียว  ในการบริหารงานถามว่าผมไปเจออะไรในช่วงบริหารกันยงมา ตอนช่วงแรกดีมาก  กำไรเราสูงการแข่งขันน้อย เราเพิ่มยอดขาย ช่วงนั้นดีมาก กำไร  รายได้ทุกอย่างขึ้นหมด ผ่านไปสักพัก เริ่มมีเปลี่ยนแปลง  เราเห็นภาพว่าทำไมกันยงขายดีแต่กำไรเราลด ทำไป 2-3 ปี ก็ยังเหมือนเดิม  เรามานั่งทบทวนใหม่ เลยรู้ว่าคือตอนนั้นราคาของขึ้น วัสดุขึ้นราคา  สมมุติราคาขึ้น 10 % แต่เราไปขึ้นราคารกับลูกค้าได้ไม่ถึง 10%  เราก็คิดว่าทำไม... แต่ถ้าเราขึ้นราคา ลูกค้าต้องไปซื้อของคู่แข่งแน่  เพราะของที่ขายกับคู่แข่งขายเหมิอนกัน โรงงานขึ้น ถ้าเราขึ้น ราคาแพง  ลูกค้าก้ไปซื้อที่อื่น ช่วงนั้นก็เลยกลายเป็นยอดขายลดตลอด 3 ปีซ้อน  กระทั่งประมารณปี 2552-2553 วิกฤตเริ่มดีขึ้น เงินเริ่มไหลมา  ส่วนปัจจุบันตอนนี้ผมให้ภรรยาเป็นคนดูแลบริษัทกันยง อยู่ครับ
Q : ทำไมถึงแยกตัวเองออกมาทำส่วนตัว
    จริงๆโปรเจ็กที่เราอยากทำทางคุณพ่อเอง ยังไม่เห็นด้วย 100%   เกี่ยวกับการที่ทำตัวนั้นอยู่ มุมดีก็ดี มุมเสี่ยงก็มี  เราไม่ได้เป็นดีลเวอร์ลอปเปอร์เอง ในมุมของเรียลเอสเตท  ส่วนโครงการที่เราขายอยูา 30 เปอร์ ถ้าพวกนี้ไม่ขึ้น  อย่างพฤกษาเองก็สร้างโรงงานผลิตสิ้นส่วนขึ้นมาเอง  ถ้าไม่ทำเองกำไรก็น้อยพอสมควร หรือไม่คุ้ม เราก็เลยหาคำตอบพวกนี้ไม่ได้  เราต้องใช้ทรัพยากรอื่นที่เรามีอยู่ไปใช้อย่างอื่นได้ เช่น  เราไปขยายส่วนอื่นแทน ซึ่งเรามีความรู้มากกว่า ตอบโจทย์ได้ดีกว่า  กำไรไม่หวือหวามาก แต่คิดว่าตัวนี้มั่นคงที่กว่า ก็ที่มามีแค่นี้  ผมคือเอ็มดีคนหนึ่งนะครับ  วันนหนึ่งผมแก่ตัวไปผมก็ต้องหาคนอื่นมาทำแทนอยู่แล้วครับ
Q : ยากไหมจากการที่บริการ บริษัท ชลบุรีกันยง จำกัด แล้วมาบริหาร CCP
    จริงๆแล้ว จะว่ายากก็ยาก อยู่ที่การแข่งขัน ทั้งในเรื่องการค้า  ทั้งเรื่องทรัพยากรบุคคล  การค้าคือการหาลูกค้า มุมการค้าก็ไม่มีอะไรมาก  ดีที่ CCP เอง มีชื่อ ติดตลาดอยู่พอสมควร  การค้าก็เรื่องหนึ่งประกอบกับเมื่อช่วงปีที่แล้ว  บอกเลยว่าตลาดมันดีค่อนข้างดีมาก ของขาดตลาด  ผมเข้ามาในจังหวะนั้นก็ของมันขาด  คีย์มันก็คือการผลิตเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด  เพราะยอดขายมีแล้ว อยู่ที่การผลิต เราจะส่งของให้ลูกค้าอย่างไร ให้การผลิต  ต้นทุน ที่มีอยู่ส่งให้ลูกค้าได้    
     ต่อมาเรื่องวัตถุดิบ ทรัพยากร คน เป็นเรื่องของกระบวนการภายในเรา  การขายชะลอได้ช่วงหนึ่ง Backlog ของเราก็มีมาตรฐานอยู่ประมาณ 2 พันล้านบาท  เพื่อเทียบแล้วจริงๆ 100% เราจะรับอยู่ 60% คือ 2 ใน3 ส่วน เพื่อที่ว่า  จะได้รองรับส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้กับงานระยะสั้น  ซึ่งกำไรดีกว่าเพราะลูกค้าต้องการความเร็ว  ในขณะที่โปรเจ็คใหญ่คู่แข่งก็มีมาก      ด้านนโยบายวางไว้แล้วเราก็มาปรับตามสถานการณ์ โฟกัสไปเฉพาะจุดที่จำเป็น  อย่างเรื่องงานกระบวนการภายใน เราไม่มีทรัพยากรบุคคลเพิ่ม  เราต้องคิดแล้วว่าถ้าเรามีคนอยู่ 5 คน ทำอย่างไรถึงจะมีงานมากกว่า 10 ชิ้น  มันก็ต้องมาพึ่งเครื่องมือมากกว่า ก็เลยบอกทีมงานให้โฟกัส และส่งเสริม  ในส่วนนี้มากขึ้น ถามว่าระยะสั้นเราจะเพิ่มเครื่องจักรได้หรือไม่  หากเพิ่มเครื่องจักรเราก็ต้องเพิ่มคนอยู่ดี  ส่วนนี้มองว่าเราต้องปรับกระบวนการภายใน 
    ตอนนี้ที่เข้ามาบริหารงานและปรับปรุงในส่วนกระบวนการภายใน ทำได้ประมาณ  30% เราเห็นอีก 70% ที่ต้องทำอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องกระบวนการภายใน  และการลดต้นทุน การเพิ่มเครื่องจักรขนาดกลาง ปีนี้คิดวางแผนมากกว่านั้น  เราต้องคิดจากเรื่องเล็กๆ ถ้าคิดทำแต่เรื่องใหญ่ คงไม่ได้ทำอะไรกันพอดี 
    ปีที่ผ่านมาเรามีออเดอร์เข้ามาแล้ว เราต้องคิดแล้วนะว่าจะทำอย่างไร นั้นคือสิ่งที่ต้องทำ หากเราปล่อยจังหวะเลยไป มันก็จะผ่านไป 
---จบ----

							
							แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ สถานการณ์ตลาดหุ้นไทย อยู่ในสภาวะไม่คึกคัก ด้วย ตอนนี้ นักลงทุน อยู่ระหว่าง...
SSP หุ้นคุณภาพดี! คว้า CGR "ดีเลิศ" 5 ดาว 2 ปีซ้อน
หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้