สัมภาษณ์พิเศษ : ไว้ใจทาง วางใจ "APM"
กับ "สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม"
ประสบการณ์ที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการที่ปรึกษาทางการเงินมากว่า 17 ปี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM นำโดย "สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ที่รู้จักกันในนามของ "บิ๊กป้อม" ผู้นำทัพของ APM ด้วยประสบการณ์ในวงการค้าหลักทรัพย์มาหลายปี ทำให้ "สมภพ ศักดิ์พันธ์พนม" มองเห็นโอกาสการเติบโตในธุรกิจล่าสุดขยายไปสู่ลาว ตั้ง APMLAO หวังขยายธุรกิจสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่งาน FA ในไทย ก็ไม่ได้ขาด พร้อมพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า นำขบวนบริษัทต่างๆ จดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ แย้มปีนี้มีดีลตุน 8-9 ดีล พร้อมลงสนามเทรด ทิ้งท้าย ด้วยเคล็ดลับในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ เชิญอ่านบทสัมภาษณ์ทั้งหมด..............ได้เลยค่ะ
Q : ภาพรวมของการทำงานในเมืองไทยปีนี้เป็นอย่างไร
ปีนี้เราทำงานหนักเช่นเดียวปีก่อน งาน IPO ปีนี้คาดว่าจะมี 8-9 ดีล ส่วนงานอื่นยังทำอยู่ เช่น ให้คำปรึกษาการกู้ยืมเงิน และ จอยซ์ เวนเจอร์ ส่วนด้านต่างประเทศบริษัทมีนโยบายเตรียมรุกสมาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ CLMV ประเทศเพื่อนบ้าน อย่างที่ประเทศลาวเราเข้าไปทำประโยชน์ให้ลาวมาไม่ต่ำ 4-5 ปี ณ ขณะนี้เรามีสำนักงาน บริษัทในเครือของ APM หรือ APMLAO แล้ว และในปีนี้จะมีโปรดักส์ออกมาในตลาดทุนหรือตลาดหลักทรัพย์ที่ลาวอีกด้วย
สำหรับประเทศพม่าบริษัทฯเข้าไปสำรวจข้อมูล ตั้งแต่ปี 2555 โดยเราตามลูกค้าเข้าไป ลูกค้าเข้าไปบุกเบิก ร่วมทุน หรือหาพันธมิตรในประเทศพม่า เราทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อม ระหว่างลูกค้าของเรากับนักธุรกิจชาวพม่า คาดหวังว่าปีนี้จะสามารถเปิดสำนักงานตัวแทนที่พม่าให้ได้
Q : ภาพรวมส่วนของ IPO ปีนี้เป็นอย่างไร
งาน IPO นั้น เราเชื่อว่ามีความแตกต่างไม่เหมือนบริษัทฯอื่น ปีนี้คาดว่าจะมี IPO อย่างน้อย 8-9 บริษัทฯ และมั่นใจว่าจะทำได้ตามนั้น ลูกค้ามักถามว่าสภาวะแวดล้อม การเมืองเป็นแบบนี้ จะมีผลทำให้แผนของริษัทฯเปลี่ยนไปหรือไม่ หลักคิดในการทำงาน เราไม่ใช่แมสเซ็นเจอร์ ที่จัดเตรียมเอกสารเพื่อขออนุญาตเพียงอย่างเดียว สิ่งที่ เราต้องทำคือการเข้าไปมีส่วนร่วมให้ความรุ้ความเข้าใจกับผู้ประกอบการ ในการเตรียมความพร้อม เพื่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และนำหลักทรัพย์เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป ที่สำคัญผู้ประกอบการจะต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง
การทำงานหลักๆ คือการทำหุ้นเข้าใหม่ของ APMเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯเอง เราจะทำให้บริษัทฯ ที่เข้าไปแล้ว เป็นหุ้นที่มีคุณภาพ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ไม่ว่าสภาวะแวดล้อมจะเป็นอย่างไร หลายคนมองว่าปัจจัยแวดล้อมไม่เอื้อ แต่เรามั่นใจในพื้นฐานของบริษัทฯ เรามั่นใจส่วนของการเตรียมการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างน้อยปีนี้ 8-9 ปี 2558ไม่น้อยกว่า 10 บริษัทฯ เราเชื่อมั่นว่าคงจะเดินหน้าไปตามแผนงานที่วางไว้
Q : บริษัทฯมีการปรับโครงสร้างอย่างไรบ้าง
เพื่อสร้างความมั่นใจกับบริษัทต่างๆ เราตั้งใจแต่งตั้ง 3 ทหารเสือ 2 รอบ รอบแรก เพื่อรองรับการเปิด AEC ปี 2558 โครงสร้าง APM จะมีการขยับและคล่องตัวมากขึ้น ขณะนี้เราเปิดรับคนเพิ่มอีกประมาณ 10 คนและ ใน สปป.ลาวมีบุคลากรมาเติมเต็ม 12 คน คนในประเทศไทย 5 คน ส่วนนี้เราลองรับAEC ลาว เวียดนาม กัมพูชา เราให้ความสำคัญกับบุคลากร ในเรื่องการสอนคน เราหล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กร APM กระทั่งเชื่อมั่นว่าสามารถมอบหมายงานและพนักงานทำได้ชัดเจน สิ่งที่ผ่านมาตอบได้เลยว่าความชัดเจนของบุคลากรที่ได้มาจะทำให้องค์กร เดินไปข้างหน้าได้อย่างแน่นอน
Q : การทำงานหลักของ APM
บทบาทหน้าที่ของ APM คือเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ปรึกษาในการกู้ยืมเงิน รวมทั้งความรู้ต่างๆในการประเมินมูลค่าโครงการ หรือการทำเทคโอเวอร์ ทั้งหมดนี้ถูกหล่อหลอมมานานหลายปี ความรู้ความเข้าใจ เราเรียกว่าอยู่บนมาตรฐานของประเทศไทย เรามีใบรับรองจากสำนักงาน ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นเราเชื่อมั่นว่าบคลากรเราจะเติมเต็มทั้งใน สปป.ลาวและประเทศไทย ถือเป็นการเปิดศักราชใหม่เพื่อเตรียมความพร้อมการก้าวเข้าสู่ AEC ปี 2558 ในรอบแรก ส่วนรอบที่ 2 ปี 2563 จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เราจะเห็นทิศทางในการดำเนินงานที่ประเทศพม่า เราต้องวางกลไกบุคลากรให้ได้ ในอนาคตเรามีแผน ต้องดูไปถึงประเทศกัมพูชา
Q : พูดได้เต็มปากได้หรือไม่ว่า APM เป็นบริษัทที่อยู่ในอันดับ 1 ในประเทศไทย
เราไม่กล้าตอบหรอกว่าเราเป็นที่ 1 แต่จากการทำงานปีที่แล้วเราพาบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไป 7 บริษัทฯ ปีนี้ 2557 ตั้งใจไว้ 8-9 บริษัทฯ และปี 2559 คิดว่าจะยื่น 9 บริษัทฯ และการที่เตรียมยื่นเอาบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เป็นโจทย์ยาก มาก เท่าที่สังเกตบริษัทฯ APM อยู่ใน TOP 5 บริษัทฯ ของประเทศไทย แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าอยู่อันดับที่เท่าไหร่ แต่เราติด1 ใน 5 ครับ ประเทศไทยมีบริษัทอยู่ประมาณ 74-75 บริษัทฯ อยู่ภายใต้ตลาดหลักทรัพย์ฯ 31บริษัท ประมาณ 40 กว่าบริษัท
Q : วัดจากเม็ดเงินที่สร้างมาร์เก็ตแคปให้กับตลาด APM เป็นที่ 1 หรือไม่
ปีที่แล้ว เพิ่งจะระดมทุนเม็ดเงินขายหุ้น IPO อยู่ที่ประมาณ 7-8 พันล้านบาท ถ้า 7-8 พันล้านบาท เอามูลค่าคูณไปอีก ก็ประมาณ 15-20% ของ IPO ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท แต่สิ่งที่เราภูมิใจคือการผลักดันกลไกให้เกิดมาร์เก็ตแคป หมายความว่าทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หันมาใช้ตลาดทุนขยายธุรกิจ เท่านั้น เราในนาม APM จะขับเคลื่อนตลาดทุน สิ่งคือ วิชาชีพของเราชาว APM ครับ
Q : สถานการณ์ทางการเมืองกระทบกับการนำบริษัทฯเข้าตลาดหลักทรัพย์หรือไม่
อยากจะเล่าให้เห็นภาพว่าเมื่อปี 2553 ขณะที่เขามีม๊อบที่ลุมพีนี ตั้งแต่เช้า เราเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ เรายังผ่านอุปสรรคตรงนั้นมาพอสมควร ตอนนั้นราคาหุ้นพาร์ สลึง ขาย 8 บาท วันแรก 99 สตางค์ สิ่งที่เราทำ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการ หรือนักลงทุนเข้าใจว่าผลประกอบการเดินหน้า เพียงแต่ว่า มีลมหรือคลื่นเข้ามาต้องมีสมาธิ
อย่างการโรดโชว์ 15 จังหวัด ของ AIE ที่ผ่านมา เราต้องสร้างความมั่นใจกับนักลงทุน นำข้อมูลต่างๆมาสู่นักลงทุน เชื่อว่าปัจจัยทางการเมืองหรือเศรษฐกิจของโลกอาจมีผลบ้าง แต่เราเชื่อมั่นว่าผลประกอบการดี เด่น บริษัทมีโอกาสเติบโตได้อย่างดี มีโอกาสเข้ามาลงทุน ในราคาที่ถูก ครั้งหนึ่งเราเคยตลาดเงิน ตลาดทุน ซบเซาทั้ง 2 ตลาด เรายังผ่านอุปสรรคมาแล้ว เมื่อปี 2541 สมัยนั้นเราอยู่บริษัทหลักทรัพย์ยูเนียน ตลาดเงินซึม เรายังเอาราคาหุ้นพาร์ 10 บาท ราคา IPO 39 บาท ขณะเดียวกันเปิดวันแรก 14-15 บาท ปัจจุบันนี้หุ้นตัวนี้อยู่ที่ 200 กว่าบาท จะเห็นได้ว่าถ้าบริษัทฯมีคุณภาพดี ผลประกอบการดี ผู้บริหารดี ก็เชื่อว่า มันจะผ่านอุปสรรคไปได้ ประเทศไทย หรือประเทศทั่วโลกหน้าต่างมันจะเปิด ปิดตลอด
สิ่งที่เราเป็นนักการเงิน เราต้องมีการคาดการณ์ ทำอย่างไรให้โอกาสเปิด และทำอย่างไรขณะโอกาสปิด เชื่อว่าหุ้นมีผลประกอบการที่ดี ก็สามารถที่จะลงทุนได้ มีผลตอบแทน 2 รูปแบบ ทั้งเงินปันผลที่มีเสถียรภาพ หรือมีโอกาส ได้กำไรจากการลงทุน
---จบ---
By:มินตรา แก้วภูบาล/ ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์
