Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

สัมภาษณ์พิเศษ : เปิดโลกกว้างกับ EUREKA "นรากร ราชพลสิทธิ์"

3,955

สัมภาษณ์พิเศษ : เปิดโลกกว้างกับ EUREKA

                            "นรากร ราชพลสิทธิ์"

 

                         " นรากร ราชพลสิทธิ์" ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง แห่งค่ายบมจ.ยูเรกา ดีไซน์  หรือ EUREKA มาพร้อมความมุ่งมั่นในการทำงาน ด้วยประสบการณ์ยาวนานในอุตฯ ยานยนต์ ทำให้มีวิสัยทัศน์ที่ กว้างไกล  วางแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากงานต่างประเทศปีนี้เพิ่มขึ้น ด้วยการเปิดโลกกว้างยังต่างแดน  บุกขยายธุรกิจสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยสายตาอันแหลมคมที่มองธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ต่าง ประเทศ กำลังบูม เพื่อไม่ให้เป็นการเสียโอกาส ช้างเท้าหน้าอย่าง บิ๊กบอล -"นรากร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ "เร่งนำทัพ บุกตลาดเพื่อนบ้านอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเผยถึง จุดเด่นและข้อดีของ EUREKA พร้อมการรับมือกับงานต่างประเทศจะเป็นอย่างไร เชิญอ่านบทสัมภาษณ์ทั้งหมด...ได้เลยค่ะ

 

Q : ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตเท่าไร

                ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 25% ทั้งรายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในปี 2556  คาดมีรายได้โต30% มาอยู่ที่   400 ล้านบาท   สูงกว่าปี 2555

                ปีนี้สัดส่วนรายได้ตามแผนเดิมที่วางไว้ต่างประเทศจะปรับเพิ่มมาอยู่ที่ 25% จากปีก่อน 12-13%

                เราวางแผนรายได้ 3 ปี เติบโตเพิ่มปีละ 5% ดังนั้นในปีนี้คาดรายได้โต 25% และในปีหน้าคาดรายได้โต 30% และสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ อาจจะถูกทบทวน หรือปรับเพิ่มมากขึ้นจากที่ วางแผนไว้ หากสถานการณ์การเมืองไทยไม่มีท่าทีที่ดีขึ้น

 

 

Q : แผนงานธุรกิจในปีนี้ EUREKA  มีแผนอย่างไรบ้าง

                แผนหลักๆ ปีนี้ บริษัทฯ เน้นเรื่องเปิดสาขาที่ต่างประเทศ โดยมี 2 ประเทศ คือ ประเทศอินโดนีเซีย จะเปิดดำเนินการเดือนเมษายน และประเทศอินเดียจะเริ่มเปิดเดือนกรกฎาคม

 

                การดำเนินการต่างประเทศในปีนี้ เรามั่นใจในการขายที่สาขาต่างประเทศ เพราะเรามีการขายให้ต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2550 แล้ว ส่วนนี้จะเป็นฐานข้อมูล ว่าเรา เคยขายให้ใคร รู้จักใครมาก่อน 

อีก ทั้งปีนี้เราตั้งเป้ารายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 25% และจากสถานการณ์ในประเทศไทย ถ้าไม่ดีก็อาจจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเข้ามาช่วย

 

 

Q : การลงทุนในต่างประเทศใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณเท่าไร

 

                ปีนี้เราลงทุนไม่มากนัก ทำแค่ระบบการขายและการบริการ จัดทำเรื่องสถานที่ ออฟฟิต เรื่องของบุคลากร โดยประเทศหนึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งหากลงทุน 2 ประเทศ ก็คาดจะ ใช้เงิน 20 ล้านบาท เพราะทำออฟฟิต เซลล์ ก็ออกไปพบลูกค้า

                ส่วนภาคการผลิตยังทำในประเทศไทย ทำเสร็จก็ส่งไปขายต่างประเทศ เมื่อก่อนเราขายในเมืองไทย ไปเจอลูกค้า เราขายเชิงรับ ลูกค้าอยากจะสั่งก็ติดต่อมา พอผ่านไประยะหนึ่งพบว่ามีลูกค้า อยากสั่งออเดอร์จากเราอีกเยอะ แต่เขาไม่กล้าสั่ง เพราะไม่มีทีมเซอร์วิสอยู่ในประเทศนั้นๆ ถ้าเรามีทีเซลล์และเซอร์วิสก็จะช่วยให้รู้ข้อมูลมากขึ้น ขณะเดียวกันลูกค้าจะมั่นใจและใช้บริการสินค้าจากยูเรกา มากขึ้น ทำให้มีโอกาสเพิ่มช่องทางในการขยายตลาดมากขึ้น

                สำหรับการลงทุนใน 2 ประเทศ มองว่าตลาดด้านยานยนต์กำลังบูม มีความต้องการซื้อมาก ไม่เหมือนกับประเทศไทยในตอนนี้ ที่ตลาดยานยนต์กำลังปรับตัวลดลง

 

 

Q : วางแผนเปิดสาขาที่ประเทศอื่นเพิ่มเติมอีกหรือไม่

 

                จริงๆ วางแผนจะเปิดที่ประเทศเวียดนามอีก 1 ประเทศ ประมาณช่วง เดือนตุลาคม บังเอิญว่าเศรษฐกิจภายในประเทศเวียดนามเมื่อปีที่แล้วเขาไม่ค่อยดีนัก เราเลยขอดูสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ ก่อน ถ้าสถานการณ์เหากเศรษฐกิจที่ประเทศเวียดนามกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ก็อาจจะเปิดสาขาที่เวียดนามช่วง เดือนตุลาคม เลย หากไม่ดีขึ้นก็อาจจะเลื่อนไปช่วงไตรมาส1/58 ปีหน้า

 

 

Q : EUREKA มีแผนรองรับ AEC อย่างไร

                ส่วนแรก คือ เรื่องบุคลากร ที่รับเข้ามาในช่วง 2-3 ปีหลัง ต้องมีเงื่อนไข ภาษาต้องได้ ตรงนี้จะเอื้อในส่วนการที่ไปเปิดสาขาต่างประเทศ และต่างประเทศที่มาใช้ประโยชน์ในประเทศไทย หรือ การที่เราจะส่งสินค้าไปประเทศ AEC ตรงนี้การแข่งขันสูงขึ้น เราต้องพยายามสร้างเครือข่าย ที่เห็นชัดคือประเทศญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจคล้ายกับยูเรกา เรามี ทางหนึ่งคือแข่งขันกับเขา อีกทางหนึ่ง คือ เป็นพันธมิตรกัน เราทำความรู้จัก การแข่งขันน้อย เป็นเหมือนเครือข่ายกันมากกว่า

 

 

Q : จุดเด่นของ EUREKA คืออะไร

                จุดเด่นของ EUREKA คือ เราเป็นบริษัทของคนไทย ในธุรกิจยานยนต์ต้องมีความรับผิดชอบเยอะ ในกระบวนการจัดการเครื่องจักร คนที่รับผิดชอบก็ คือ คนไทย แล้วคนไทยคุยกับคนไทยจะง่าย  แต่ต้องไปติดต่อกับผู้ค้าที่เป็นต่างชาติ คุยยาก ความได้เปรียบคือเราเป็นคนไทย ธุรกิจยานยนต์ในประเทศไทยเป็นของต่างชาติไม่ฝรั่งก็ญี่ปุ่น ต่างชาติมีความเชื่อบริษัทคนไทย เป็นบริษัทที่เก่งเหมือนกันกับเขา เราเองก็ยืดหยุ่นสามารถต่อรองได้เยอะ เราเป็นเหมือนพาร์ทเนอร์กับลูกค้าจะขายของอย่างเดียวไม่ได้ ต้องช่วยเหลือแนะนำลูกค้าในขั้นตอนอื่นๆ ด้วย

                 สำหรับตลาดต่างประเทศลูกค้าจะมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ซื้อในประเทศ แต่จะมีข้อเสียก็ คือ ว่าความสามารถและคุณภาพของสินค้าจะมีไม่ถึงแต่ราคาถูก ซื้อต่างประเทศ เช่น ซื้อที่ญี่ปุ่น ยุโรป ราคาสูง แต่คุณภาพดีมาก ตรงนี้พอเราเข้าไป เราก็จะไปอยู่กลางๆ ราคาถูกกว่าซื้อต่างประเทศ นำเข้าจากประเทศไทย เราอยู่ตรงกลาง เป็นตัวเลือกที่ 3 สำหรับลุกค้า ส่วนในประเทศเราไม่ได้เล่นเรื่องราคา เราจะเน้นเรื่องคุณภาพเท่าต่างชาติ

 

 

 

Q : ปีนี้มองธุรกิจในประเทศไทยและต่างประเทศเป็นอย่างไร

                สำหรับธุรกิจในประเทศไทย ถ้าไม่มีการส่งออกน่าจะลำบากพอสมควร ถ้าใครมีสัดส่วนการส่งออกก็โอเค มองพวกชิ้นประกอบรถยนต์ในประเทศยอดขายน่าจะตก ความสามารถในการผลิตน่าจะผลิตไปส่งออกต่อไปได้เรื่อยๆ ส่วนนี้ก็น่าจะชดเชยได้ มองภาพรวมในประเทศมีการซื้อขายน้อยลง ส่วนผู้ผลิต ก็ไม่น่าจะว่าง น่าจะผลิตชิ้นส่วนส่งออกได้เรื่อยๆ

                ส่วน EUREKA  เองเราผลิตเพื่อรองรับรถตัวใหม่ที่ยังไม่ได้ขาย เพื่อขยายกำลังการผลิต และเพื่อปรับปรุงคุณภาพ รถตัวใหม่  ถ้าลูกค้าเลื่อนก็จะกระทบ ในส่วนของการผลิต ผลิตเพื่อขายต่างประเทศ ส่วนนี้ต่างชาติมีการขยายกำลังการผลิตเพราะเขาทำไม่ทัน เราได้ผลประโยชน์ การขยายกำลังการผลิตเราก็มีบ้าง สุดท้ายทำเพื่อปรับปรุงคุณภาพหลายๆ รายที่ทำไม่ดี ก็ปรับปรุงคุณภาพ

 

 

Q : การเมืองมีผลกระทบต่อ EUREKA หรือไม่ อย่างไร

                ผลกระทบโดยตรงไม่มี แต่ในอนาคตอาจจะมี เช่น นิคมอุตสาหกรรมขายที่ไม่ได้ตรงนี้จะเป็นส่วนของเราเพื่อขยายการลงทุนอย่างปี นี้ขายที่ได้ไม่ตรงตามเป้าที่วางไว้ ตรงนี้มองเห็นว่ามีความเสี่ยง ถ้าการเมืองพัฒนารุนแรงมากขึ้น จะส่งผลให้กำลังการซื้อหดตัว คนไม่มีเงินซื้อรถ คนขายรถก็ต้องดึงกลยุทธ์ออกมาเพื่อเรียกคน อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แต่ด้วยงานที่เรามีงานในมืออยู่มาก ทำให้เราไปต่อไปได้ ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากครับ

 

 

Q : ฝากอะไรถึงนักลงทุน

                สำหรับการลงทุนในระยะสั้น ถ้าสถานการณ์ผันผวนก็ควรจะศึกษาข้อมูลการลงทุน ส่วนระยะกลางหรือยาว ช่วงดีที่สุดคือช่วงที่หุ้นต่ำกว่าพื้นฐานก็สามารถซื้อมาเก็บไว้ได้ มองว่าตลาดหุ้นไทยต้องกลับมาดีอีกครั้ง

---จบ---

 


บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้