![]()
 สัมภาษณ์พิเศษ : เปิดโลกกว้างกับ EUREKA                             "นรากร ราชพลสิทธิ์"                              " นรากร ราชพลสิทธิ์" ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง แห่งค่ายบมจ.ยูเรกา   ดีไซน์  หรือ EUREKA มาพร้อมความมุ่งมั่นในการทำงาน   ด้วยประสบการณ์ยาวนานในอุตฯ ยานยนต์ ทำให้มีวิสัยทัศน์ที่ กว้างไกล    วางแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากงานต่างประเทศปีนี้เพิ่มขึ้น   ด้วยการเปิดโลกกว้างยังต่างแดน  บุกขยายธุรกิจสู่ประเทศเพื่อนบ้าน   ด้วยสายตาอันแหลมคมที่มองธุรกิจการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ต่าง ประเทศ กำลังบูม   เพื่อไม่ให้เป็นการเสียโอกาส ช้างเท้าหน้าอย่าง บิ๊กบอล -"นรากร   ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ "เร่งนำทัพ   บุกตลาดเพื่อนบ้านอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเผยถึง จุดเด่นและข้อดีของ EUREKA   พร้อมการรับมือกับงานต่างประเทศจะเป็นอย่างไร   เชิญอ่านบทสัมภาษณ์ทั้งหมด...ได้เลยค่ะ   Q : ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โตเท่าไร                   ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 25% ทั้งรายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งในปี   2556  คาดมีรายได้โต30% มาอยู่ที่   400 ล้านบาท   สูงกว่าปี 2555                  ปีนี้สัดส่วนรายได้ตามแผนเดิมที่วางไว้ต่างประเทศจะปรับเพิ่มมาอยู่ที่ 25% จากปีก่อน 12-13%                    เราวางแผนรายได้ 3 ปี เติบโตเพิ่มปีละ 5% ดังนั้นในปีนี้คาดรายได้โต 25%   และในปีหน้าคาดรายได้โต 30% และสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ อาจจะถูกทบทวน   หรือปรับเพิ่มมากขึ้นจากที่ วางแผนไว้   หากสถานการณ์การเมืองไทยไม่มีท่าทีที่ดีขึ้น     Q : แผนงานธุรกิจในปีนี้ EUREKA  มีแผนอย่างไรบ้าง                    แผนหลักๆ ปีนี้ บริษัทฯ เน้นเรื่องเปิดสาขาที่ต่างประเทศ โดยมี 2 ประเทศ   คือ ประเทศอินโดนีเซีย จะเปิดดำเนินการเดือนเมษายน   และประเทศอินเดียจะเริ่มเปิดเดือนกรกฎาคม                      การดำเนินการต่างประเทศในปีนี้ เรามั่นใจในการขายที่สาขาต่างประเทศ   เพราะเรามีการขายให้ต่างประเทศมาตั้งแต่ปี 2550 แล้ว   ส่วนนี้จะเป็นฐานข้อมูล ว่าเรา เคยขายให้ใคร รู้จักใครมาก่อน   อีก  ทั้งปีนี้เราตั้งเป้ารายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 25%   และจากสถานการณ์ในประเทศไทย   ถ้าไม่ดีก็อาจจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเข้ามาช่วย     Q : การลงทุนในต่างประเทศใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณเท่าไร                     ปีนี้เราลงทุนไม่มากนัก ทำแค่ระบบการขายและการบริการ จัดทำเรื่องสถานที่   ออฟฟิต เรื่องของบุคลากร โดยประเทศหนึ่งใช้เงินลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท   ซึ่งหากลงทุน 2 ประเทศ ก็คาดจะ ใช้เงิน 20 ล้านบาท เพราะทำออฟฟิต เซลล์   ก็ออกไปพบลูกค้า                    ส่วนภาคการผลิตยังทำในประเทศไทย ทำเสร็จก็ส่งไปขายต่างประเทศ   เมื่อก่อนเราขายในเมืองไทย ไปเจอลูกค้า เราขายเชิงรับ   ลูกค้าอยากจะสั่งก็ติดต่อมา พอผ่านไประยะหนึ่งพบว่ามีลูกค้า   อยากสั่งออเดอร์จากเราอีกเยอะ แต่เขาไม่กล้าสั่ง   เพราะไม่มีทีมเซอร์วิสอยู่ในประเทศนั้นๆ   ถ้าเรามีทีเซลล์และเซอร์วิสก็จะช่วยให้รู้ข้อมูลมากขึ้น   ขณะเดียวกันลูกค้าจะมั่นใจและใช้บริการสินค้าจากยูเรกา มากขึ้น   ทำให้มีโอกาสเพิ่มช่องทางในการขยายตลาดมากขึ้น                    สำหรับการลงทุนใน 2 ประเทศ มองว่าตลาดด้านยานยนต์กำลังบูม   มีความต้องการซื้อมาก ไม่เหมือนกับประเทศไทยในตอนนี้   ที่ตลาดยานยนต์กำลังปรับตัวลดลง      Q : วางแผนเปิดสาขาที่ประเทศอื่นเพิ่มเติมอีกหรือไม่                      จริงๆ วางแผนจะเปิดที่ประเทศเวียดนามอีก 1 ประเทศ ประมาณช่วง เดือนตุลาคม   บังเอิญว่าเศรษฐกิจภายในประเทศเวียดนามเมื่อปีที่แล้วเขาไม่ค่อยดีนัก   เราเลยขอดูสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจ ก่อน   ถ้าสถานการณ์เหากเศรษฐกิจที่ประเทศเวียดนามกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง   ก็อาจจะเปิดสาขาที่เวียดนามช่วง เดือนตุลาคม เลย   หากไม่ดีขึ้นก็อาจจะเลื่อนไปช่วงไตรมาส1/58 ปีหน้า     Q : EUREKA มีแผนรองรับ AEC อย่างไร                   ส่วนแรก คือ เรื่องบุคลากร ที่รับเข้ามาในช่วง 2-3 ปีหลัง ต้องมีเงื่อนไข   ภาษาต้องได้ ตรงนี้จะเอื้อในส่วนการที่ไปเปิดสาขาต่างประเทศ   และต่างประเทศที่มาใช้ประโยชน์ในประเทศไทย หรือ   การที่เราจะส่งสินค้าไปประเทศ AEC ตรงนี้การแข่งขันสูงขึ้น   เราต้องพยายามสร้างเครือข่าย   ที่เห็นชัดคือประเทศญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจคล้ายกับยูเรกา เรามี   ทางหนึ่งคือแข่งขันกับเขา อีกทางหนึ่ง คือ เป็นพันธมิตรกัน เราทำความรู้จัก   การแข่งขันน้อย เป็นเหมือนเครือข่ายกันมากกว่า     Q : จุดเด่นของ EUREKA คืออะไร                   จุดเด่นของ EUREKA คือ เราเป็นบริษัทของคนไทย   ในธุรกิจยานยนต์ต้องมีความรับผิดชอบเยอะ ในกระบวนการจัดการเครื่องจักร   คนที่รับผิดชอบก็ คือ คนไทย แล้วคนไทยคุยกับคนไทยจะง่าย    แต่ต้องไปติดต่อกับผู้ค้าที่เป็นต่างชาติ คุยยาก   ความได้เปรียบคือเราเป็นคนไทย   ธุรกิจยานยนต์ในประเทศไทยเป็นของต่างชาติไม่ฝรั่งก็ญี่ปุ่น   ต่างชาติมีความเชื่อบริษัทคนไทย เป็นบริษัทที่เก่งเหมือนกันกับเขา   เราเองก็ยืดหยุ่นสามารถต่อรองได้เยอะ   เราเป็นเหมือนพาร์ทเนอร์กับลูกค้าจะขายของอย่างเดียวไม่ได้   ต้องช่วยเหลือแนะนำลูกค้าในขั้นตอนอื่นๆ ด้วย                    สำหรับตลาดต่างประเทศลูกค้าจะมี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ซื้อในประเทศ   แต่จะมีข้อเสียก็ คือ ว่าความสามารถและคุณภาพของสินค้าจะมีไม่ถึงแต่ราคาถูก   ซื้อต่างประเทศ เช่น ซื้อที่ญี่ปุ่น ยุโรป ราคาสูง แต่คุณภาพดีมาก   ตรงนี้พอเราเข้าไป เราก็จะไปอยู่กลางๆ ราคาถูกกว่าซื้อต่างประเทศ   นำเข้าจากประเทศไทย เราอยู่ตรงกลาง เป็นตัวเลือกที่ 3 สำหรับลุกค้า   ส่วนในประเทศเราไม่ได้เล่นเรื่องราคา เราจะเน้นเรื่องคุณภาพเท่าต่างชาติ        Q : ปีนี้มองธุรกิจในประเทศไทยและต่างประเทศเป็นอย่างไร                   สำหรับธุรกิจในประเทศไทย ถ้าไม่มีการส่งออกน่าจะลำบากพอสมควร   ถ้าใครมีสัดส่วนการส่งออกก็โอเค   มองพวกชิ้นประกอบรถยนต์ในประเทศยอดขายน่าจะตก   ความสามารถในการผลิตน่าจะผลิตไปส่งออกต่อไปได้เรื่อยๆ   ส่วนนี้ก็น่าจะชดเชยได้ มองภาพรวมในประเทศมีการซื้อขายน้อยลง ส่วนผู้ผลิต   ก็ไม่น่าจะว่าง น่าจะผลิตชิ้นส่วนส่งออกได้เรื่อยๆ                    ส่วน EUREKA  เองเราผลิตเพื่อรองรับรถตัวใหม่ที่ยังไม่ได้ขาย   เพื่อขยายกำลังการผลิต และเพื่อปรับปรุงคุณภาพ รถตัวใหม่    ถ้าลูกค้าเลื่อนก็จะกระทบ ในส่วนของการผลิต ผลิตเพื่อขายต่างประเทศ   ส่วนนี้ต่างชาติมีการขยายกำลังการผลิตเพราะเขาทำไม่ทัน เราได้ผลประโยชน์   การขยายกำลังการผลิตเราก็มีบ้าง สุดท้ายทำเพื่อปรับปรุงคุณภาพหลายๆ   รายที่ทำไม่ดี ก็ปรับปรุงคุณภาพ     Q : การเมืองมีผลกระทบต่อ EUREKA หรือไม่ อย่างไร                   ผลกระทบโดยตรงไม่มี แต่ในอนาคตอาจจะมี เช่น   นิคมอุตสาหกรรมขายที่ไม่ได้ตรงนี้จะเป็นส่วนของเราเพื่อขยายการลงทุนอย่างปี  นี้ขายที่ได้ไม่ตรงตามเป้าที่วางไว้ ตรงนี้มองเห็นว่ามีความเสี่ยง   ถ้าการเมืองพัฒนารุนแรงมากขึ้น จะส่งผลให้กำลังการซื้อหดตัว   คนไม่มีเงินซื้อรถ คนขายรถก็ต้องดึงกลยุทธ์ออกมาเพื่อเรียกคน   อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด   แต่ด้วยงานที่เรามีงานในมืออยู่มาก ทำให้เราไปต่อไปได้   ไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากครับ     Q : ฝากอะไรถึงนักลงทุน                 สำหรับการลงทุนในระยะสั้น ถ้าสถานการณ์ผันผวนก็ควรจะศึกษาข้อมูลการลงทุน ส่วนระยะกลางหรือยาว ช่วงดีที่สุดคือช่วงที่หุ้นต่ำกว่าพื้นฐานก็สามารถซื้อมาเก็บไว้ได้ มองว่าตลาดหุ้นไทยต้องกลับมาดีอีกครั้ง ---จบ---  

								
								แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ สถานการณ์ตลาดหุ้นไทย อยู่ในสภาวะไม่คึกคัก ด้วย ตอนนี้ นักลงทุน อยู่ระหว่าง...
SSP หุ้นคุณภาพดี! คว้า CGR "ดีเลิศ" 5 ดาว 2 ปีซ้อน
หุ้นอินไซด์ทอล์ค : รู้จักพื้นฐาน ATLAS เคาะราคาไอพีโอที่ 3 บาทต่อหุ้น เปิดจองซื้อ 7-10 ตุลาคมนี้