Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ: ARROW ของขวัญ คริสมาสต์

4,049

กระแสหุ้นไอพีโอร้อนแรง บมจ.แอร์โรว์ ซินดิเคท หรือ ARROW เตรียมมอบของขวัญ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวัน คริสมาสต์  25 ธันวาคม  2555 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า "ARROW"   โดยวันที่  17-19   ธ.ค.นี้ พร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป  ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท  จำนวน 50 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) หุ้นละ  1 บาท  คิดเป็นร้อยละ 25  ของทุนชำระแล้ว การเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ แบ่งเป็นการเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปจำนวน 45 ล้านหุ้น  และเสนอขายให้แก่พนักงานของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 5 ล้านหุ้น ซึ่งมีแผนนำเงินจาก IPO ไปใช้ในการสร้างโรงงานและเครื่องจักรสำหรับขยายกำลังการผลิตต่อธุรกิจในอนาคต  บางส่วนชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน  และที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ
    แถมใจดี แจกส่วนลดให้กับนักลงทุนผู้จองซื้อถึง 45.58% เมื่อเปรียบเทียบกับค่า P/E ของตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน ซึ่งอยู่ที่ 20.27 เท่า โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย 3 แห่ง ประกอบด้วยบล. คันทรี่กรุ๊ป,บล. เคจีไอ และบล. โนมูระ พัฒนสิน 
   
    บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) (“บริษัท” หรือ “Arrow”) ซึ่งเดิมชื่อ บริษัท เจ.เอส.วี. ฮาร์ดแวร์ จำกัด (“JSVH”) ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2531 โดยนายเลิศชัย วงค์ชัยสิทธิ์ ด้วยทุนจดทะเบียน 4.00 ล้านบาท โดยมีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ กลุ่มครอบครัวนายเลิศชัย วงค์ชัยสิทธิ์ เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กอ่อนร้อยสายไฟ และท่อเหล็กอ่อนกันน้ำร้อยสายไฟ ภายใต้เครื่องหมายการค้า Union และ Arrowtite ตามลำดับ ต่อมาได้มีการเพิ่มทุนและขยายสายผลิตภัณฑ์ไปสู่ผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กกล้าร้อยสายไฟและผลิตภัณฑ์ท่อน้ำประปา ภายใต้เครื่องหมายการค้า Arrowpipe และ Arrow PP-R ตามลำดับ จนกระทั่งในเดือนธันวาคม 2552 ได้มีการปรับโครงสร้างกลุ่มบริษัท โดยบริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วเป็น 91.95 ล้านบาท และเข้าถือหุ้นร้อยละ 99.99 ในบริษัท เจ.เอส.วี เทคนิคอล จำกัด (“JVST”) ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้ผู้ถือหุ้นกลุ่มเดียวกัน ทั้งนี้ เมื่อเดือนธันวาคม 2553 บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 131.95 ล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนในโรงงานใหม่และเครื่องจักร และเมื่อวันที่ 18กรกฎาคม 2555 บริษัทได้เพิ่มทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วเป็น 150.00 ล้านบาท โดยบริษัทได้ดำเนินการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2555 ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 200.00 ล้านบาท (ทุนชำระแล้ว 150.00 ล้านบาท)บริษัท เจ.เอส.วี. เทคนิคอล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2538 ด้วยทุนจดทะเบียน 2.00 ล้านบาท (ทุนชำระแล้ว 2.00 ล้านบาท) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ท่อประเภทต่าง ๆ เช่น ท่อลม ท่อระบายอากาศ ท่อไซโลท่อลำเลียง ท่อสำหรับงานก่อสร้าง (Post-tension Duct) เป็นต้น ปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ร้อยละ 99.99 ของทุนชำระแล้ว

ลักษณะการประกอบธุรกิจ ARROW

    บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายท่อร้อยสายไฟฟ้า ท่อประปา ซึ่งสามารถแบ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ดังนี้
    1. ท่อร้อยสายไฟและข้อต่อต่างๆ (Electrical Conduit): ภายใต้เครื่องหมายการค้า “Arrowpipe” และ “Arrowtite” โดยเป็นท่อเหล็กกล้าเคลือบสังกะสีสำหรับใช้ร้อยสายไฟฟ้า มีความทนทานแข็งแรงดัดโค้งได้ง่าย เพื่อป้องกันสายไฟฟ้าจากการขูดขีดและทนทานจากสภาพแวดล้อม ท่อร้อยสายไฟฟ้าดังกล่าวจะผ่านการชุบสังกะสี (Hot-dip galvanized) ทั้งภายนอกและภายในจึงป้องกันสนิมและทนต่อการกัดกร่อนได้ดี ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) และมาตรฐานสากล UnderwritersLaboratories Inc. (UL) โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลัก คือ
    1) ท่อเหล็กร้อยสายไฟ (White Conduit) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “Arrowpipe”
    2) ท่อเหล็กอ่อนร้อยสายไฟ (Flexible Metal Conduit: FMC) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “Arrowtite”
    3) ท่อเหล็กอ่อนกันน้ำร้อยสายไฟ (Liquid-tigh Flexible Metal Conduit: LFMC) ภายใต้เครื่องหมายการค้า “Arrowtite”
    นอกจากนี้ บริษัทยังผลิตท่อร้อยสายไฟดังกล่าวข้างต้นสำหรับจำหน่ายในระดับราคารองลงมา ภายใต้เครื่องหมายการค้า“Union” ด้วย โดยที่ผลิตภัณฑ์ของบริษัททั้งหมดมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ ผู้ติดตั้งงานระบบไฟฟ้าสำหรับโครงการมาตรฐานและใช้ไฟฟ้าในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ อาคาร คอนโดมิเนียม หมู่บ้านจัดสรรโรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า และสถานีรถไฟฟ้า เป็นต้น โดยมีการทำการตลาดผ่านตัวแทนจำหน่าย (Dealers)และผู้รับเหมาโครงการ

    2. ท่อน้ำประปาและข้อต่อต่างๆ: ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ArrowPP-R” เป็นท่อคุณภาพสูงผลิตจากพลาสติกโพลิโพรพิลีน (Polypropylene Random Copolymer: PP-R) สำหรับน้ำดื่ม น้ำประปา น้ำร้อน และน้ำเย็น ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทผลิตขึ้นภายใต้มาตรฐานเยอรมัน (DIN 8077-8078) โดยผลิตภัณฑ์ท่อน้ำประปาดังกล่าวสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ (1) ท่อน้ำชั้นเดียวทนแรงดัน 10 บาร์ (2) ท่อน้ำชั้นเดียวทนแรงดัน 20 บาร์ และ (3) ท่อน้ำ 3 ชั้น ทนแรงดัน 20 บาร์ เพื่อใช้ติดตั้งในอาคารหรือโรงงานอุตสาหกรรม โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง อุตสาหกรรมอาหารและยา ได้แก่ คอนโดมิเนียมหมู่บ้าน โรงแรม โรงงานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาหารและยา เป็นต้น โดยมีการทำการตลาดผ่านตัวแทนจำหน่าย และผู้รับเหมาโครงการบริษัท เจ.เอส.วี. เทคนิคอล จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่าย ท่อระบายอากาศหรือท่อลม และท่อสำหรับงานก่อสร้าง เป็นผลิตภัณฑ์ท่อเหล็กกล้าเคลือบสังกะสี ส่วนใหญ่เป็นการผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้า โดยสามารถแบ่งผลิตภัณฑ์ได้ดังนี้

    1. ท่อระบายอากาศหรือท่อลม (Duct) มีทั้งแบบท่อวงกลม ท่อวงรี และท่อสี่เหลี่ยม ใช้สำหรับงานระบบปรับอากาศและระบายอากาศในอาคาร เช่น ท่อส่งลมเย็นในอาคารและห้างสรรพสินค้า ท่อดูดฝุ่น งานลำเลียงและงานไซโล เป็นต้น ภายใต้ตราสินค้า“Arrow duct” ซึ่งผลิตภัณฑ์ของบริษัทผลิตตามมาตรฐานสากล SMACNA โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ อาคารต่างๆ ห้างสรรพสินค้าอุตสาหกรรมก่อสร้าง และโรงงานอุตสาหกรรม
    2. ท่อสำหรับงานก่อสร้าง (Post-Tension Duct) เป็นท่อที่ใช้ในงานก่อสร้างระบบคอนกรีตอัดแรง ใช้สำหรับงานก่อสร้างหลายรูปแบบ เพื่อเสริมความแข็งแรงของงานรากฐานการก่อสร้าง ท่อนี้ผลิตจากวัสดุเหล็กเคลือบสังกะสี ผ่านการขึ้นรูปเป็นท่อด้วยการรีดตะเข็บเป็นเกลียวยาวแบบเชื่อมซ้อน (Double Seam) ระหว่างเกลียวนั้นจะมีรอยย่นเป็นลูกฟูกอยู่ ซึ่งจะช่วยให้มีความแข็งแรง และทำให้คอนกรีตเกาะติดแน่นขึ้น ท่อ Post-Tension เหมาะกับงานก่อสร้างบ้านเรือน งานสร้างถนน สะพาน งานก่อสร้างฐานราก เป็นต้นโดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ งานโครงสร้างพื้นฐานของอาคาร โครงสร้างพื้นคอนกรีต และงานโครงสร้างสะพาน เป็นต้น โดยมีการทำการตลาดผ่านผู้รับเหมาโครงการ

ภาวะอุตสาหกรรม

    อุตสาหกรรมท่อเหล็กร้อยสายไฟ ท่อประปา ท่อระบายอากาศ และท่อก่อสร้าง เป็นวัสดุก่อสร้างที่จำเป็นในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และการติดตั้งสายไฟฟ้าในอาคารประเภทต่างๆ ดังนั้น ปริมาณการบริโภคผลิตภัณฑ์ของบริษัทจึงเติบโตตามธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ดังนี้

    อุตสาหกรรมก่อสร้าง: เป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีความสำคัญ โดยเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะสาธารณูปโภค ซึ่งอุตสาหกรรมก่อสร้างมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากอดีตถึงปัจจุบัน โดยในปี 2555นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าอุตสาหกรรมก่อสร้างยังคงเติบโตต่อได้ จากแรงกระตุ้นของโครงการภาครัฐสืบเนื่องจากอุทกภัยในปีที่ผ่านมา ประกอบกับปริมาณก่อสร้างของภาคเอกชนที่มีการกระจายความเสี่ยงไปยังโครงการพาณิชยกรรมและอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดมากขึ้น รวมถึงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมในกรุงเทพ และผู้ประกอบธุรกิจบางกลุ่มที่รับงานก่อสร้างโรงงานไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งทิศทางดังกล่าวจะผลักดันให้มูลค่าตลาดธุรกิจก่อสร้างปี 2555 อยู่ที่ประมาณ 923,000 – 934,000 ล้านบาท หรือเติบโตที่ร้อยละ 12.2 – 13.5จากปี 2554 อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของการก่อสร้างในปี 2555 นั้น มีแรงกระตุ้นมาจากงานก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับปัญหาน้ำท่วม ซึ่ง
หากไม่รวมงานก่อสร้างที่เกี่ยวข้องกับปัญหาน้ำท่วมแล้ว อุตสาหกรรมก่อสร้างโดยรวมอาจเกิดการหดตัวจากปี 2554 ประมาณร้อยละ0.5 ถึงร้อยละ 3.1 หรือมีมูลค่าประมาณ 797,000-819,000 ล้านบาท เนื่องจากการลงทุนในโครงการใหม่มีแนวโน้มชะลอหรือเลื่อนออกไป

ธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์

    ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) ได้เผยถึงภาพรวมและแนวโน้มสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2555 ว่าจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่ในจำนวนที่ใกล้เคียงกับปี 2554 เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมในปี 2554 ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อและมีการพิจารณาเลือกซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องทำเลที่ตั้ง รวมถึงระบบป้องกันน้ำท่วม เป็นต้น ซึ่งคาดว่ากำลังซื้อจะกลับมาประมาณไตรมาส 3 ปี 2555 นอกจากนี้ ผู้ประกอบจะลงทุนในการพัฒนาโครงการอาคารชุดแทนที่อยู่อาศัยแนวราบมากขึ้น และจะมีการกระจายการพัฒนาไปยังส่วนภูมิภาค เช่น ชลบุรี หัวหิน เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นต้นทั้งนี้ ราคาที่อยู่อาศัยยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นตามต้นทุนวัสดุและค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีความเห็นเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่าการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพและปริมณฑลในช่วงต้นปี 2555 ยังคงชะลอตัว อย่างไรก็ตามตลาดยังคงได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการที่อยู่อาศัยหลังแรก โครงการ Soft Loan ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยคาดว่าตลาดจะดีขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี โดยคาดว่าการเปิดตัวโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยใหม่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี 2555 จะอยู่ที่ประมาณ 84,500 - 87,500 หน่วย โดยปีนี้ผู้ประกอบการเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ทดแทนการชะลอตัวในตลาดของบ้านแนวราบ โดยกำลังซื้อยังคงมาจากกลุ่มผู้บริโภคที่มีความพร้อมและมีความจำเป็นในการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นหลัก
 

มีต่อ....

บทความล่าสุด

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

SNNP รับรางวัล Supplier ดีเด่นจากแม็คโคร

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่าย ร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

PTG ลงนาม MOU กรมทรัพยากรทางทะเลฯ และองค์กรภาคีเครือข่ายร่วมอนุรักษ์ ฟื้นฟูป่าชายเลน

เก็งหุ้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อยขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา หุ้นไทยแกว่งขึ้น ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียส่วนการเล่นการเทรดเป็นไปตามแรง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้