หุ้นไอพีโอ บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ITC ธุรกิจด้านการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงในเครือบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) TU นับถอยหลัง เตรียมเข้ามาโลดแล่นในตลาดหุ้นไทย

i-Tail หรือชื่อย่อที่จะใช้ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ITC ถือเป็นธุรกิจที่น่าสนใจ และน่าจับตามองเป็นอย่างมาก ด้วยตัวเลขกำไรที่ไม่ธรรมดา สถิติย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา Gross Margin อยู่ที่ 20-26% , Net Margin 15-21% และรายได้เติบโตเฉลี่ย 15% ต่อปี ขณะที่กำไรสุทธิปี 2564 อยู่ที่ 2,721 ล้านบาท ส่วนครึ่งแรกปี 2565 กำไร 2,257 ล้านบาทเติบโต 40% จากช่วงเดียวกันปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 23% พร้อมโกยรายได้ปี 2564 ถึง 14,529 ล้านบาท ในขณะที่ครึ่งแรกปี 2565 รายได้จากการขายเสมือนสูงถึง 9,707 ล้านบาท เติบโต 38% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ITC เป็นบริษัท Flagship ในการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง (แมว-สุนัข) ของกลุ่มไทยยูเนี่ยน โดยเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงประเภท OEM (รับจ้างผลิต) แบบครบวงจร คิดเป็นสัดส่วนรายได้หลักถึง 98.8% (ข้อมูล ณ ปี 2564) ซึ่ง ITC เป็นผู้นำในการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย ทั้งยังติดอันดับ 2 ของเอเชีย และติด Top10 ของโลก โดยลูกค้ารายใหญ่ของ ITC เป็นแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงชั้นนำของโลก Top5 ของโลก เช่น Mars Petcare (มาร์ส เพ็ทแคร์), Smucker's (สมัคเกอร์ส) เป็นต้น และมีความสัมพันธ์กันมายาวนาน 18-21 ปี

สินค้าของ ITC ส่งออกไปจำหน่ายในกว่า 45 ประเทศทั่วโลก ตลาดหลักคือ ทวีปอเมริกา คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 54.8% ทวีปยุโรป 15.2%, ทวีปเอเชียและโอเชียเนีย 29.6% และแผนต่อไปคือการขยายสู่ตลาดจีน

อีกทั้งยังมีแบรนด์อาหารสัตว์เลี้ยงของตัวเอง เช่น Bellotta, Marvo, ChangeTer, CalicoBay และ Paramount เพื่อสนับสนุนลูกค้าในกลุ่ม OEM ให้สามารถทดลองสินค้าในตลาดและประเมินความต้องการของผู้บริโภคให้กับแบรนด์ลูกค้าก่อนตัดสินใจนำมาเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ให้แบรนด์ของตนเองได้ ไอ-เทลยังเป็นผู้ร่วมคิดค้นผลิตภัณฑ์กับลูกค้า (Co-creation) อีกด้วย

และเพื่อตอบสนองเทรนด์ Humanization ที่เจ้าของมองสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกหนึ่งในครอบครัว เต็มใจที่จะจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าเพื่อความบันเทิงและอาหารที่อร่อยถูกปากควบคู่ไปกับการมีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีทำให้ ITC พัฒนาสินค้าทั้งอาหารแมว อาหารสุนัขและขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงรวมกันกว่า 4,800 รายการ ในหลากหลายรูปแแบบ อาทิ เนื้อปลาทูน่าหรือเนื้อไก่ในเกรวี่ (Gravy) น้ำซุป (Broth) เยลลี่ (Jelly) ปาเต้ (Paté) ทั้งที่มีชั้นเดียวและหลายชั้น ชิ้นเนื้อนึ่ง (Steamed Chunk) และร็อคสตาร์ (Rockstar) ซึ่งเป็นชิ้นโปรตีนที่มีลักษณะและเนื้อสัมผัสเหมือนเนื้อสัตว์

จุดเด่นที่สำคัญของ ITC คือ บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำในการรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง OEM แบบเปียก ติดอันดับ 4 ของโลก โดยผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยงและขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงประเภทแมวและสุนัขทั้งผลิตภัณฑ์ระดับทั่วไป (Mainstream Products) ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม (Premium Products) ที่บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษโดยผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงของบริษัทฯ ผลิตจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ซึ่งมีส่วนประกอบหลักจากเนื้อปลาและเนื้อไก่

ทั้งนี้บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากอาหารเปียกประมาณ 80% ของรายได้ เนื่องจากมาร์จิ้นสูงและในอีกห้าปีข้างหน้า ตลาดอาหารเปียกมีแนวโน้มการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า10% ต่อปี ส่วนอาหารแห้งอยู่ที่ 5% ต่อปี ขณะที่โครงสร้างรายได้ของ ITC เป็นอาหารแมวกว่า 71.8% อาหารสุนัข 12.3% ขนมทานเล่นสำหรับแมว 8.5% ขนมทานเล่นสำหรับสุนัข 6.9% และอื่นๆ 0.5% โดยสาเหตุที่รายได้จากอาหารแมวมากกว่า เนื่องจากเล็งเห็นการเติบโตตามเทรนด์ทั่วโลกที่การเลี้ยงแมวมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าสุนัข

ปัจจุบัน ITC มีโรงงานผลิต 2 แห่ง ที่จังหวัดสมุทรสาครและสงขลา กำลังการผลิตรวมกว่า 172,786 ตัน/ปี และคลังสินค้าที่ทันสมัยที่มีพื้นที่จัดเก็บรวม 68,770 พาเลต ซึ่งกระบวนการผลิตภายในโรงงานได้นำระบบอัตโนมัติมาใช้ในหลายขั้นตอน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการและควบคุมต้นทุนทั้งในระบบโรงงานผลิตและระบบคลังสินค้า โดยกระบวนการผลิตของ ITC ได้การรับรองมาตรฐาน GMP และ HACCP และยังเป็นไปตามมาตรฐานในหลายประเทศ โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมคุณภาพกว่า 600 ราย ที่ดำเนินการสุ่มตรวจผลิตภัณฑ์ตัวอย่างตลอดกระบวนการผลิตรวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเสร็จสมบูรณ์

พร้อมทั้งยังมีระบบนิเวศน์เชิงนวัตกรรม (Innovation Ecosystem) ที่เพียบพร้อมจากการมีผู้เชี่ยวชาญด้านวิจัยและนวัตกรรม 80 คน ศูนย์ศึกษาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยของ ITC เอง และประโยชน์จากการอยู่ในกลุ่มไทยยูเนี่ยน โดยมีพันธมิตรด้านนวัตกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงที่พร้อมค้นหาโซลูชั่นใหม่ ๆ ร่วมกันอยู่เสมอ และศูนย์วิจัยและพัฒนาที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็น i-Tail Business Development, i-Tail R&D, Global PetCare Innovation Center (GPCI), และ Global Innovation Center (GIC) ของไทยยูเนี่ยน และไทยยูเนี่ยนยังเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง SPACE-F โครงการบ่มเพาะ และเร่งการเติบโตทางธุรกิจให้กับสตาร์ทอัพทั่วโลก นอกจากนี้ ITC ยังมีศูนย์ทดลองผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงใหม่ก่อนพัฒนาสู่ตลาดจริง รวมถึงมีการจัดตั้ง Cattery ที่เป็นมากกว่า R&D เพื่อวิจัยพฤติกรรมและความชอบของแมวอีกด้วย

 

สำหรับความคืบหน้าการเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ขณะนี้สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบไฟลิ่งของ ITC เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565 โดย ITC มีแผนในการไอพีโอจำนวนไม่เกิน 660 ล้านหุ้น คิดเป็นไม่เกิน 22% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ประกอบด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 600 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย TU จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น และเมื่อได้รับอนุมัติให้เสนอขายหุ้นไอพีโอ และแบบไฟลิ่งมีผลใช้บังคับ จะกำหนดวันที่เสนอขายหุ้นไอพีโอ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในลำดับต่อไป โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 2565 นี้

ITC จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในการขยายกำลังการผลิตปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต และขยายโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการผลิต รวมไปถึงการปรับปรุงโรงงานให้ทันสมัยด้วยระบบและเครื่องจักรอัตโนมัติ และระบบคลังสินค้าและติดฉลากอัตโนมัติ (Automated Warehousing and Labelling System) ตลอดจนการใช้เพื่อขยายธุรกิจในต่างประเทศ รวมถึงการชำระหนี้เพื่อลดภาระต้นทุนทางการเงิน พร้อมใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจในอนาคต

ดังนั้นการเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ITC จะต่อยอดธุรกิจให้แข็งแกร่งและยั่งยืน และด้วยพลังแห่งรักเจ้าสี่ขา (น้องแมว-สุนัข) จะเป็นตัวผลักดันให้ ITC มีการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะซบเซา หรือเผชิญโรคระบาดโดวิด-19 เจ้าของสัตว์เลี้ยงที่รักน้องแมว-สุนัขเหมือนลูก ต่างยอมควักกระเป๋า แต่ไม่ยอมลดคุณภาพอาหาร เพื่อสร้างโลกแห่งความสุขให้สัตว์เลี้ยงแสนรักได้เจริญเติบโตด้วยสุขภาพที่สมบูรณ์ที่สุด

#หุ้นITC #iTailIPO

ที่มา: ข้อมูลตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงโลกและการจัดอันดับเชิงมูลค่า ณ ปี 2564 และการจัดอันดับผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกในกลุ่ม OEM ณ ปี 2563 อ้างอิงจาก Frost &Sullivan, www.petfoodindustry.com
ข้อมูลทางการเงินของบริษัท จากงบการเงินเสมือนสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562-2564 และ สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564-2565
*การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

​ ///////////////////////////////

By: อณุภา ศิริรวง