Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ ....มารู้จัก AAI ก่อนขาย IPO และเทรด บนกระดานหุ้นไทย

10,730

ก่อนที่บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) หรือ AAI ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก ที่เก็บรักษาได้นานโดยไม่ต้องแช่เย็นหรือแช่เยือกแข็ง และผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากการแปรรูปปลาทูน่า จะเสนอขายหุ้นไอพีโอและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ก็ต้อง มาทำความรู้จักกันก่อน....

 

ด้วย AAI ถือว่า ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง ถือว่า ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง มีมูลค่าการเติบโตอย่างน่าสนใจ

 

โดยจากบทวิจัยของ Fortune Business Insights พบว่า ในปี 2564 ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของโลกมี มูลค่า 110,529 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ โดยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องซึ่งคิดเป็นอัตราการ เติบโตเฉลี่ย 8.6% ต่อปี ในช่วงปี 2561-2564 และคาดการณ์ว่าในช่วงปี 2564-2572 จะมีอัตรา การเติบโตเฉลี่ย 5.0% ต่อปี ทําให้มูลค่าตลาดเพิ่มเป็น 163,704 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง เป็นผลมาจากการขยายตัวของสังคมเมือง (Urbanization) กระแสการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่มมากขึ้น จากการระบาดของโควิต-19 ซึ่งทําให้ผู้คนมีการใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น การมีขนาดครอบครัวเล็ก ลงโดยนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเหมือนเป็นสมาชิกครอบครัว (Pet Humanization) ซึ่งทําให้เจ้าของ สัตว์เลี้ยงให้ความสําคัญกับคุณภาพอาหารสัตว์เลี้ยงและเน้นความสะดวกในการให้อาหารสัตว์ เลี้ยง

 

ภูมิภาคอเมริกาเหนือ มีสัดส่วนมูลค่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงมากที่สุดเท่ากับ 38.2% ของมูลค่า ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของโลกในปี 2564 รองลงมา คือ ภูมิภาคยุโรป 29.6% ภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก 17.2% และภูมิภาคอเมริกาใต้ 12.6% โดยหากพิจารณาเป็นรายประเทศ พบว่าประเทศ สหรัฐอเมริกา มีมูลค่าตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงสูงที่สุดเท่ากับ 33.7% ของมูลค่าตลาดอาหารสัตว์ เลี้ยงของโลกในปี 2564 จากการที่มีจํานวนประชากรสัตว์เลี้ยงมากที่สุดในโลกและการเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงเหมือนสมาชิกครอบครัว

 


บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (มหาชน) หรือ AAI เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เอเชียนซี คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) (ASIAN) ซึ่งประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตอาหารทะเลแบบ ครบวงจร

 

 

AAI มีบริษัทย่อย บริษัทร่วม และกิจการร่วมค้า 5 บริษัท ได้แก่ 1) APCC ทําธุรกิจจัดจําหน่าย ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ของกลุ่มบริษัท 2) THAIYA ทําการตลาดและจัด จําหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ของกลุ่มบริษัทในประเทศจีน 3) AGE เป็น ตัวแทนในการจัดหาลูกค้าเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงให้แก่บริษัท โดยมุ่งเน้นการ จัดหาลูกค้าในภูมิภาคยุโรปเป็นหลัก 4) IPN ทําการตลาดและจัดจําหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ เลียงแบบเปียก ภายใต้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ของตนเอง ได้แก่ แบรนด์มาเรีย และ 5) MEISI รับจ้าง ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดภายใต้เครื่องหมายทางการค้าของลูกค้าในประเทศจีน

 

AAI มีโรงงาน 2 แห่ง คือ โรงงานที่จังหวัดสมุทรสาคร และ โรงงาน MEIS) ตั้งอยู่ที่มณฑลซานตง ประเทศจีน โดยโรงงานที่สมุทรสาครอยู่บนพื้นที่รวมประมาณ 97 ไร่ 3.5 ตารางวา ภายใต้สัญญา เช่าระยะยาวกับ ASIAN ในปี 2564 AAI มีกําลังการผลิตรวม 59,500 ตันต่อปี ประกอบด้วย กําลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก (Pet Food) 36,000 ตันต่อปี กําลังการผลิตอาหาร พร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก (Human Food) 17,500 ตันต่อปี และกําลังการผลิตผลิตภัณฑ์ ผลพลอยได้จากการแปรรูปปลาทูน่า 6,000 ตันต่อปี

 

AAI มีการเพิ่มกําลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก 6,000 ตันต่อปีในปี 2565 ทําให้กําลัง การผลิตเพิ่มเป็น 42,000 ตันต่อปี โดยมีอัตราการใช้กําลังการผลิตเฉลี่ยประมาณ 85% ของ กําลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกรวมใน 1H65 โรงงาน MEIS) ตั้งอยู่บนพื้นที่รวมประมาณ 12 ไร่ 2 งาน สําหรับผลิตผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง แบบเม็ด มีกําลังการผลิต 20,000 ตันต่อปี อัตราการใช้กําลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 15%

 


ในปี 2564 โรงงานดังกล่าวดําเนินการโดย Shandong Thaiya Meisj Pet Food Co., Ltd (MEISI) ซึ่ง เป็นกิจการร่วมค้าของ AAI โดยมีการรับจ้างผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ดให้กับลูกค้าเจ้าของ แบรนด์ผลิตภัณฑ์ในประเทศจีนเป็นหลัก และแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ตภายใต้ แบรนด์มองซู (monchou) เพื่อขายในประเทศจีน

 


บริษัทฯมีแผนจะขยายกําลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก ประมาณ 40,000 ตันต่อปี ในช่วง ปลายปี 2565 ถึงปี 2568 ได้แก่ 1) ปลายปี 2565 เพิ่มกําลังการผลิต 7,500 ตันต่อปี เป็น 49,500 ตันต่อปี 2) ปี 2566 เพิ่มกําลังการผลิต 6,500 ตันต่อปี เป็น 56,000 ตันต่อปี 3) ปี 2567 เพิ่ม กําลังการผลิต 14,750 ตันต่อปี เป็น 70,750 ตันต่อปี และ 4) ปี 2568 เพิ่มกําลังการผลิต 11,000 ตันต่อปี เป็น 81,750 ตันต่อปี AA) มีคลังสินค้าอัตโนมัติ (Auto Warehouse) ซึ่งจัดเก็บสินค้าได้ประมาณ 15,000 พาเลท และ มีแผนจะสร้างคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งที่ 2 ในปี 2566 ภายในพื้นที่โรงงานปัจจุบัน สามารถเก็บ สินค้าได้ประมาณ 15,000 - 20,000 พาเลท ซึ่งจะรองรับกับการขยายกําลังการผลิตของบริษัท

 

 

เห็นอย่างนี้ ก็มองเห็นการเติบโตของ AAI.....

สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในหุ้น AAI ก็เตรียมตัวจองหุ้นไอพีโอ...

 


โดย AAI จะมีการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จํานวนไม่เกิน 637.5 ล้าน หุ้น ซึ่งคิดเป็น 30% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO โดยหุ้นที่เสนอขายจะประกอบด้วย

 


1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนจํานวน 425 ล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็น 20% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO และ 2) หุ้นสามัญเดิมซึ่งเสนอขายโดย ASIAN จํานวนไม่เกิน 212.5 ล้านหุ้น ซึ่งคิดเป็น 10%ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO โดยหุ้นที่เสนอขายจํานวนไม่เกิน 637.5 ล้านหุ้น แบ่งเป็นการเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิม (Preemptive right) ของ ASIAN จํานวนไม่เกิน 127.5 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป 510 ล้านหุ้น ทั้งนี้ หลังการ IPO ทุนเรียกชําระแล้วจะเพิ่มขึ้นจาก 1,700 ล้านบาท (1,700 ล้านหุ้น) เป็น 2,125 ล้านบาท (2,125 ล้านหุ้น)

 

ก่อน IPO บมจ. เอเชี่ยนซี คอร์ปอเรชั่น (ASIAN) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ AAI โดยมีสัดส่วนถือหุ้น 100% หลังจาก IPO สัดส่วนการถือหุ้นจะลดลงเป็น 70% AA) จะเข้าจดทะเบียนใน SET หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

 


เม็ดเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนจะ นำไป 1) ลงทุนในโครงการขยายกําลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกประมาณ 600 - 700 ล้านบาท 2) ลงทุนในคลังสินค้าอัตโนมัติแห่งที่ 2 ประมาณ 400 - 500 ล้านบาท 3) ชําระคืนเงิน กู้ยืมทั้งระยะสั้นและระยะยาวประมาณ 700 - 800 ล้านบาท และ 4) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนใน การดําเนินธุรกิจ

 

ปัจจุบัน รายได้หลักของ AAI มาจากการรับจ้างผลิต (OEM) ภายใต้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ของลูกค้าสําหรับ ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก โดยคิดเป็น 97% ของรายได้จากการขายทั้งหมด

 


ส่วนกลุ่มลูกค้าหลัก คือ ลูกค้าเจ้าของแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ชั้นนําในระดับสากล รายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ คิดเป็นประมาณ 90-94% ของรายได้จากการขายทั้งหมดในปี 2562-1H65 โดยรายได้จากการส่งออกส่วนใหญ่เป็นสกุลเงิน ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยคิดเป็นประมาณ 6-10% ของ รายได้จากการขายทั้งหมดในปี 2562-1H65 ทั้งนี้ ตลาดหลักของผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงของ บริษัท คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา ยุโรป และประเทศญี่ปุ่น

 


ขณะที่ตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์อาหาร พร้อมทานบรรจุภาชนะปิดผนึก คือ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศอิสราเอล และประเทศในภูมิภาค ตะวันออกกลาง เช่น ประเทศซาอุดิอาระเบีย และประเทศซีเรีย เป็นต้น

 

 

ช่องทางการจําหน่ายผลิตภัณฑ์แบ่งเป็น 3 ช่องทาง ได้แก่ 1) การติดต่อกับลูกค้าผ่านการติดต่อ เองโดยตรง ซึ่งคิดเป็น 77% 2) การขายสินค้าผ่านตัวแทนนําเข้าส่งออกสินค้า ซึ่งคิดเป็น 7% และ 3) การขายสินค้าผ่านนายหน้าขายสินค้า ซึ่งคิดเป็น 16% ของรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ผลิตภัณฑ์ของลูกค้าใน 1H65

 

ขณะเดียวกัน AAI ก็มีผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงสําหรับสุนัขและแมวภายใต้แบรนด์ของตนเองมาตั้งแต่ปี 2562 ได้แก่ 1) แบรนด์มองซู (monchou) และแบรนด์มาเรีย (Maria) เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ เลี้ยง สําหรับกลุ่มลูกค้าในตลาดสินค้าพรีเมียม (High-end Market) 2) แบรนด์มองซู บาลานซ์ (monchou balanced) และแบรนด์ฮาจิโกะ (Hajiko) เป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง ราคาย่อมเยาว์สําหรับกลุ่มลูกค้าในตลาดมวลชน (Mass Market) และ 3) แบรนด์โปร (Pro) เป็น แบรนด์ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงสําหรับกลุ่มลูกค้าในตลาดที่มีการแข่งขันด้านราคาเป็นหลัก (Low-end Market) รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเองมีสัดส่วนประมาณ 3% ของรายได้รวมใน ปี 2562-1H65

 

โดย AAI มีการมุ่งเน้นเพิ่มรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเอง ให้มากขึ้น ซึ่งจะทําให้อัตรากําไรสูงขึ้นและมีโอกาสในการขายเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์ครบ ทุกประเภท ทั้งอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก อาหารสัตว์เลี้ยงแบบเม็ด และขนมสําหรับสัตว์เลี้ยง อีก ทั้งครอบคลุมความต้องการของกลุ่มลูกค้าในทุกตลาดย่อย (Market Segment)

 

บริษัทฯมีช่องทางการจัดจําหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเอง 4 ช่องทาง ได้แก่ 1) ร้านค้า ปลีกสําหรับสัตว์เลี้ยง 2) ร้านค้าปลีกสมัยใหม่คือ โมเดิร์นเทรต ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้า สําหรับสัตว์เลี้ยงที่มีเครือข่าย (Chain Pet Stores) 3) โรงพยาบาลและคลีนิกสัตว์เลี้ยง และ 4) ช่องทางออนไลน์ เช่น ทางเว็บไซต์ Lazada และ Shopee โดยช่องทางการจําหน่ายดังกล่าว ข้างต้นคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90%, 8%, 1% และ 1% ของรายได้จากการขาย

 

 

ผลิตภัณฑ์อาหาร สัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ของตนเองในประเทศไทยใน 1H65 ตามลําดับ บริษัทฯมุ่งเน้นสร้าง Brand image และเพิ่มการรับรู้แบรนด์ด้วยการการทําการตลาดและเพิ่มช่อง ทางการจัดจําหน่ายโดยเน้นขยายตลาดร้านค้าสัตว์เลี้ยงและโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่ โดยมีการ วางจําหน่ายมากกว่า 500 ร้านค้าในประเทศไทย อีกทั้งยังเริ่มจัดจําหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนต์ monchou ในประเทศจีนโดยจัดตั้ง Thaiya Corporation (Shanghai) Co., Ltd. (THAIYA) เพื่อ เป็นช่องทางในการจัดจําหน่ายในประเทศจีน และวางแผนจะทําการตลาดในประเทศจีนมากขึ้น เพื่อผลักดันให้แบรนด์ของบริษัทยกระดับเป็นแบรนด์ระดับโลกต่อไป

 

โดย AAI มีการขายสินค้า ผ่านช่องทางการจัดจําหน่าย 2 ช่องทางในประเทศจีน ได้แก่ ผ่านตัวแทนจําหน่ายสินค้าซึ่งมี สัดส่วนประมาณ 55% และ ช่องทางออนไลน์ เช่น ทางเว็บไซต์ TMall และ JD.Com สัดส่วน ประมาณ 45% ของรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ของตนเองใน ประเทศจีนใน 1H65

 

 


กูรู คาด AAI
โตต่อเนื่อง

 

บทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุว่า ได้ทำการประเมินผลประกอบการของ AAI จะเติบโตดีขึ้นต่อเนื่องใน 2H65 โดยคาดว่ารายได้จากการขาย ผลิตภัณฑ์ในปี 2565 เพิ่มขึ้น 41% YoY เป็น 7,015 ล้านบาท โดยรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์ อาหารสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น 46% YoY เป็น 6,007 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 86% ของยอดขายรวม จากการขยายกําลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียก 6,000 ตันต่อปีในช่วง 1H65 เป็น 42,000 ตันต่อปี อัตรากําไรขั้นต้นในปี 2555 คาดว่าจะลดลง 263 bps เป็น 18.8% จากต้นทุนวัตถุดิบที่ เพิ่มสูงขึ้น

 


อย่างไรก็ดี อัตรากําไรคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 23% YoY เป็น 1,321 ล้านบาทจากยอดขายที่ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสําคัญ

 


เราคาดการณ์กําไรสุทธิเพิ่มขึ้น 15% YoY เป็น 750 ล้านบาท สําหรับปี 2566 เราคาดว่ายอดขายรวมเพิ่มขึ้น 13% YoY เป็น 7,893 ล้านบาทจากการเพิ่มขึ้น ของยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีการขยายกําลังการผลิตในช่วงปลายปี 2565 จํานวน 7,500 ตันต่อปี เป็น 49,500 ตันต่อปี และคาดว่าคําสั่งซื้อจากลูกค้าเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการ ขยายตัวของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง อัตรากําไรขั้นต้นมีแนวโน้มลดลงจากการที่ต้นทุนค่าแรงเพิ่ม สูงขึ้นเราประเมินอัตรากําไรขั้นต้นปี 2556 ที่ 18.1% ลดลง 70 bps YoY แต่กําไรขั้นต้นยังเพิ่มขึ้น 8% YoY เป็น 1,431 ล้านบาทจากยอดขายที่เติบโตต่อเนื่อง ในขณะที่คาดว่าดอกเบี้ยจ่ายลดลง จาก 29 ล้านบาทในปี 2565 เหลือ 9 ล้านบาท เนื่องจากการนําเงินส่วนหนึ่งจากการ IPO ไปชําระ คืนเงินกู้ยืม เราประเมินว่ากําไรสุทธิปี 2566 จะเติบโต 10% YoY เป็น 824 ล้านบาท

 

โดย คาดการณ์อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของกําไรสุทธิในช่วง 3 ปีข้างหน้าที่ 14.3% AA) มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะมีฐานะเป็นเงินสดสุทธิ (Net cash) ในปี 2565-2567 เทียบกับปี 2564 ที่มีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน 0.2 เท่า เนื่องจากบริษัทฯจะนําเงินจาก IPO ส่วน หนึ่งไปชําระคืนเงินกู้ยืม สําหรับการลงทุนในปี 2565-2568 ประมาณ 2,100 ล้านบาทในการ ขยายกําลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบบเปียกและคลังสินค้าอัตโนมัติ จะนํามาจากเม็ดเงิน IPO และกระแสเงินสดภายในกิจการ เราคาดว่า EBITDA ปี 2565-2567 อยู่ที่ 1,085-1,437 ล้านบาท

 


ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่นักลงทุน ที่ควรรู้ ก่อนจองหุ้นAAI และตะลุมบอนหุ้นAAI บนกระดานหุ้นไทย เป็นลำดับต่อไป

 


BY ศิลปินหุ้น

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

HotNews: IND เตรียมศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานสะอาด

IND เตรียมศึกษาธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานสะอาด ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 15%

สถานบันเทิงครบวงจร By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ยินดี สภาผู้แทนราษฎร ที่ได้ลงมติ รายงานผลการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร...

มัลติมีเดีย

QTCG กระแสตอบรับดี/เปิดพื้นฐานก่อนเทรดวันที่ 4 เม.ย. - สายตรงอินไซด์ - 29 มี.ค.67

QTCG กระแสตอบรับดี/เปิดพื้นฐานก่อนเทรดวันที่ 4 เม.ย. - สายตรงอินไซด์ - 29 มี.ค.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้