หุ้นอินไซด์ ---บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจอาหารชั้นนำระดับสากล หุ้น IPO น้องใหม่ ที่กำลังจะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) แต่ชื่อของ "เบทาโกร" ไม่ใหม่แต่อย่างใด ด้วยการเริ่มต้นประกอบธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2510 นับจากวันแรกถึงวันนี้ "เบทาโกร" ดำเนินธุรกิจมากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว ดังนั้นหุ้น IPO "เบทาโกร" จึงเป็นที่ตั้งตารอของนักลงทุนทุกคน....
อาณาจักรธุรกิจของ "เบทาโกร" จากจุดเริ่มต้นที่ดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์ ปัจจุบัน "เบทาโกร" ประกอบด้วย 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1) กลุ่มธุรกิจเกษตร 2) กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน 3) กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ 4) กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง ครอบคลุมธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ ปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์เนื้อหมู เนื้อไก่ ไข่ไก่ และปลา เนื้อสัตว์แปรรูป อาหารแปรรูป อาหารพร้อมรับประทาน และผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยง การทำฟาร์มเชิงพาณิชย์ และมีการควบคุมความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) อย่างเข้มงวด ตามมาตรฐานระดับสากล
ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 สำหรับในประเทศไทย เบทาโกร เป็นผู้ดำเนินงานโรงงานอาหารสัตว์ 10 แห่ง ฟาร์มมากกว่า 4,000 แห่ง (ประกอบไปด้วย ฟาร์ม 64 แห่ง ซึ่งเบทาโกร เป็นเจ้าของหรือเช่ามา และอีกมากกว่า 4,000 แห่งซึ่งเป็นฟาร์มเกษตรพันธสัญญา) โรงชำแหละสัตว์ 14 แห่ง และโรงงานแปรรูป 12 แห่งสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารของเบทาโกร โรงงานผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง 1 แห่ง และโรงงานผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ 1 แห่ง
สำหรับกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ เบทาโกร เป็นผู้ดำเนินงานโรงงานอาหารสัตว์ 1 แห่ง และฟาร์ม 331 แห่ง (ประกอบไปด้วยฟาร์ม 8 แห่งซึ่งเป็นฟาร์มที่เช่ามา และอีก 323 แห่งซึ่งเป็นฟาร์มเกษตรพันธสัญญา) ในประเทศกัมพูชา และเบทาโกร เป็นผู้ดำเนินงานฟาร์ม 134 แห่ง (ประกอบไปด้วยฟาร์ม 3 แห่งซึ่งเป็นฟาร์มที่เช่ามา และอีก 131 แห่งซึ่งเป็นฟาร์มเกษตรพันธสัญญา) และโรงชำแหละสัตว์ 1 แห่ง ในประเทศลาว
นอกจากนี้ เบทาโกร ยังได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา ศูนย์นวัตกรรมการเกษตร ศูนย์นวัตกรรมอาหาร และศูนย์นวัตกรรมสัตว์เลี้ยงเพื่อปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ของเบทาโกร และเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Operating Efficiency)
โดยคาดว่าภายในปีนี้ "เบทาโกร" หรือ BTG กำลังเตรียมเข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
"เบทาโกร" มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 500,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25.0% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของ BTG ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ (รวมจำนวนหุ้นที่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินอาจใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (overallotment) จาก BTG กรณีที่มีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) มีที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) คือ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร และ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน จะนำไปใช้เป็นเงินทุนในการเข้าซื้อ และ/หรือ ก่อสร้างฟาร์ม และโรงงานแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังผลิตและประสิทธิภาพกระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงปรับโครงสร้างเงินทุน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินงาน
โดยเบทาโกรมีการลงทุนขยายฟาร์มทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะอาเซียน การขยายกำลังการผลิตโดยเน้นที่กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีนและผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง รวมถึงการขยายกลุ่มธุรกิจต่างประเทศผ่านการส่งออกอาหารและการทำธุรกิจในภูมิภาคอย่างแข็งแกร่ง โดยมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตภายในปี 2569 ได้แก่
ทีนี้เรามาเจาะลึกจุดเด่นหุ้น IPO “BTG” อย่างแรกคือ เป็นบริษัทอาหารชั้นนำระดับสากล มีผลิตภัณฑ์และแบรนด์หลากหลาย ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย มุ่งเน้นความสำคัญในคุณภาพที่ดีกว่าและความปลอดภัยที่สูงกว่า ด้วยมาตรฐานระดับสากล
พร้อมมีศักยภาพการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งในและต่างประเทศ เพิ่มส่วนแบ่งการตลาด ผ่านการขยายกำลังการผลิต การเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง และการขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งในและต่างประเทศด้วยระบบและช่องทางการจัดจำหน่าย ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล สามารถสร้างรายได้และกำหนดช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายและครอบคลุม ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกบนระบบดิจิทัลและเทคโนโลยี ที่มาพร้อมกับกระบวนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ รูปแบบธุรกิจแบบ Asset-light investment strategy และมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของทีมงานและบุคลากรการจัดซื้อจัดจ้าง ตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ขณะที่ "เบทาโกร" มุ่งสร้างโอกาสการเติบโตใหม่ New S-Curve แสวงหาโอกาสลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ ที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคทั้งวันนี้และอนาคต เช่น ธุรกิจโปรตีนทางเลือกจากพืช ภายใต้แบรนด์ Meatly! และ Kerry Cool เพื่อให้บริการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ โดยเบทาโกรได้ทำการวางงบในธุรกิจใหม่ไว้ โดยจะลงทุนในธุรกิจธีมใหม่ ๆ มากขึ้น รวมถึงธุรกิจที่มีโอกาสในการเติบโตสูง ผ่าน M&A Venture Building และ Venture Capital
ที่สำคัญ "เบทาโกร" มีคณะผู้บริหารและคณะกรรมการฯ ที่มีวิสัยทัศน์และมากด้วยประสบการณ์ พร้อมต่อยอดสร้างโอกาสเติบโตจากทั้งในและต่างประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG เพื่อส่งมอบ "ชีวิตที่ยั่งยืน" แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2565 เติบโตโดดเด่นทั้งรายได้และกำไร โดยช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการ 53,284.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.9% จากช่วงปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 3,892.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 233.1% จากช่วงปีก่อน เป็นผลจากการเติบโตของปริมาณการขายและราคาสินค้าของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ และการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ทำให้มี margin ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลังในช่วงปี 2564 แม้จะมีวิกฤตที่ส่งผลกระทบทั้งภายในและภายนอก แต่ BTG ยังมีผลประกอบการแข็งแกร่ง โดยในปี 2562-2564 มีรายได้รวมจากการขายสินค้าและการให้บริการ 74,231.6 ล้านบาท 80,102.1 ล้านบาท และ 85,424.0 ล้านบาทตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่ 7.3% ต่อปี
"เบทาโกร" ไม่หยุดยั้งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยวางยุทธศาสตร์ (1) มุ่งในการเป็นผู้นำในธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม ผ่านการพัฒนากลไกที่ยกระดับการขายและประสิทธิภาพการผลิตของเกษตรกร รวมทั้งขยายธุรกิจโปรตีนกลางน้ำ ตลอดจนธุรกิจปลายน้ำ
(2) มุ่งขยายธุรกิจอาหารแปรรูปและพันธมิตรธุรกิจในกลุ่มร้านอาหาร โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารรูปแบบใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์ในกลุ่มเบทาโกร และยกระดับความเป็นพันธมิตรกับกลุ่มผู้ให้บริการด้านอาหาร (Food service) ผ่านแพลตฟอร์มดิจิตัล
(3) เสริมสร้างธุรกิจในกลุ่มเบทาโกร ให้มีศักยภาพในการมองหาโอกาสและเข้าสู่ธุรกิจใหม่ๆ เช่น โปรตีนทางเลือก อาหารสัตว์เลี้ยงชนิดที่เป็นเนื้อสด (Fresh-meat pet food) และอาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อการรักษาโรค (Therapeutic pet food)
(4) เร่งการลงทุน แสวงหาพันธมิตรใหม่ๆ และนำความเชี่ยวชาญของเครือมาประยุกต์ใช้ในการผลักดันการเติบโตของธุรกิจในต่างประเทศ
บนเป้าหมายสร้างการเติบโตที่ตั้งธงอย่างชัดเจนของ "เบทาโกร" ดังนั้นการเข้ามาระดมทุนครั้งนี้ จะยิ่งทำให้เบทาโกร มีฐานะทางการเงินเข้มแข็งยิ่งขึ้น ตลอดจนมีความพร้อมในการลงทุน ขยายกิจการในด้านต่าง ๆ พร้อมที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนต่อไป
เบทาโกร มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังจัดสรรทุนสำรองต่าง ๆ
By : อณุภา ศิริรวง
สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้