Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ : FTI ผู้นำผลิตภัณฑ์น้ำครบวงจรของไทย ระดมทุน-เข้าจดทะเบียน SET ภายใน Q2/65 ขยายลูกค้า B2C รับกระแสใส่ใจสุขภาพของผู้บริโภค

29,074

 

หลังการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคมีความเปลี่ยนแปลง จากการทำงานที่บ้าน (Work Form Home) คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตภายในบ้านมากขึ้น ทำให้ตลาดเครื่องกรองน้ำ เพื่อใช้ในครัวเรือนมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าตลาดเครื่องกรองน้ำภายในครัวเรือน มีมูลค่าสูงกว่า 2 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 7-10% และมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก จากกระแสใส่ใจสุขภาพของผู้บริโภค

เป็นที่มาซึ่งทำให้ บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล  จำกัด (มหาชน) (FTI) ผู้นำในตลาดค้าส่ง (B2B) ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำอย่างครบวงจร เตรียมแผนระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในไตรมาส 2/65 เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าตลาดบน และรองรับแผนขยายตลาดต่างประเทศ ปูทางสู่ความเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน

 

 

FTI เตรียมเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 130 ล้านหุ้น เพื่อนำเงินไปใช้ในการขยายสาขาตัวแทนจำหน่าย “Aquatek” และ “Water Store” เพิ่มกำลังการผลิตประกอบ ปรับปรุงคลังสินค้า และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเติบโตในอนาคต พร้อมก้าวสู่ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำอย่างครบวงจรทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียน ภายใต้แบรนด์สินค้า 23 แบรนด์

โดยบริษัทฯ ประกอบธุรกิจนำเข้า ประกอบผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับระบบบำบัดน้ำ (Water Treatment) ครบวงจร ได้แก่ เครื่องกรองน้ำ ไส้กรอง สารกรอง ปั๊มและวาล์ว ตลอดจนอุปกรณ์สำหรับเครื่องกรองน้ำ รวมถึงการให้บริการที่เกี่ยวข้อง  ครอบคลุมฐานผู้บริโภคสินค้ากลุ่มหลักทุกกลุ่ม ได้แก่ ผู้บริโภคในครัวเรือน  กลุ่มใช้เชิงพาณิชย์ และกลุ่มอุตสาหกรรม 

ปัจจุบัน มีร้านตัวแทนจำหน่าย Water Store รวม 19 สาขา ตั้งอยู่ประเทศไทย 16 สาขา และในต่างประเทศ 3 สาขา (ผ่านตัวแทน) ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และประเทศกัมพูชา 

 

 

"ดร.วิกร ภูวพัชร์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FTI เปิดเผยว่า บริษัทฯมีประสบการณ์มายาวนานกว่า 25 ปี  ภายใต้แนวคิด"All solutions of water" หรือ "ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องน้ำ คิดถึงฟังก์ชั่น" 

"การเข้าระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯครั้งนี้ เป้าหมายหลักไม่ได้เกิดขึ้นจากเงิน เพราะถ้าดูงบการเงินแล้ว เราแทบจะไม่มีหนี้”

ดร.วิกร มองว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯจะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับบริษัทฯ ทำให้ระบบที่มีความยั่งยืน และเปิดโอกาสให้ Partner ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญธุรกิจ ได้มีโอกาสเข้าร่วมลงทุนและขยายธุรกิจร่วมกัน เพื่อความมั่นคงของบริษัท และความมั่นคงของพนักงาน

“เราต้องการวิ่งไปข้างหน้า อย่างมีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ต้องระวังหลัง และพร้อมก้าวสู่ผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำอย่างครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน"ดร.วิกร กล่าว

 

 

สำหรับจุดแข็งสำคัญที่ทำให้ FTI ก้าวสู่ความเป็นผู้นำตลาดผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำครบวงจร เนื่องจากโปรดักส์มีความหลากหลาย มีผลิตภัณฑ์สำหรับระบบบำบัดน้ำครบวงจร ครอบคลุมทั้งการใช้ในครัวเรือน การพาณิชย์ และอุตสาหกรรม มีแบรนด์สินค้ามากมายรวมทั้งสารกรองและอุปกรณ์ต่างๆ กว่า 5,000 รายการ จาก 23 แบรนด์ สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งด้านราคาและการใช้งานมีดีไซน์หลากหลาย เหมาะสมกับลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย มีความเชี่ยวชาญในการแนะนำ เพื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพน้ำของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ 

อีกทั้ง FTI ยังเลือกวัตถุดิบจาก Supplier หลากหลายเจ้า ทำให้ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพดีในราคาที่แข่งขันได้สามารถหาไส้กรองและอุปกรณ์ต่างๆ เปลี่ยนแทนกันได้ง่าย และสามารถใช้ร่วมกันได้ในหลายรุ่นสามารถจัดหาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าราคาใกล้เคียงกัน

นอกจากนี้ FTI ยังมีร้านค้า/ตัวแทนจำหน่ายจำนวนมาก ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศการให้บริการตรวจสอบคุณภาพน้ำ และการบริการหลังการขาย ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับร้านค้า/ตัวแทน

 

 

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงปี 2562 -2564 บริษัทมีรายได้รวม 738.53 ล้านบาท และ 875.77  ล้านบาท และ 720.75 ล้านบาท ตามลำดับ

ขณะที่บริษัทฯมีกำไรสุทธิสำหรับปี 2562 - 2564 มูลค่า 37.75 ล้านบาท 70.30 ล้านบาท และ 36.39 ล้านบาท  ตามลำดับ  คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิเท่ากับ ร้อยละ 5.11 ร้อยละ 8.03 ร้อยละ 5.05

FTI เตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการลงทุนขยายตัวแทนจำหน่ายภายในปี 2565-2567 ได้แก่ การขยายสาขาภายใต้แบรนด์ Aquatek จำนวน 50 สาขา จากปัจจุบันมี 1 สาขา ,ขยายสาขา Water Store จำนวน 5 สาขา จาก 19 สาขา  เพื่อใช้ในการตกแต่งอาคารจัดแสดงสินค้าและจัดจำหน่ายสินค้าใหม่ 

รวมถึงการใช้ในการปรับปรุงอาคารคลังสินค้า  ในปี 2565-2566 ได้แก่ ปรับปรุงขยายพื้นที่คลังสินค้าและลงทุนในระบบการจัดการคลังสินค้า ตลอดจนการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และยังนำไปใช้ในการขยายกำลังการผลิตประกอบ ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

HotNews: RJH ทุ่ม 420 ลบ. ลุยโครงการซื้อหุ้นคืน

บอร์ด RJH เคาะ โครงการซื้อหุ้นคืน จำนวน 18 ล้านหุ้น วงเงิน 420 ลบ. เริ่ม 15 พ.ย.67 - 30 เม.ย.68

หนาแน่น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นไทย เช้าวันนี้ ยังคงมีความคึกคัก .....

มัลติมีเดีย

รู้จัก เมดีซ กรุ๊ป ก่อนเทรด บนกระดาน SET - สายตรงอินไซด์

รู้จัก เมดีซ กรุ๊ป ก่อนเทรด บนกระดาน SET - สายตรงอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้