Today’s NEWS FEED

สัมภาษณ์/รายงานพิเศษ

สัมภาษณ์พิเศษ: "T " ชีวิตใหม่

4,999

สัมภาษณ์พิเศษ: "T " ชีวิตใหม่


             หนุ่ม"ทรรศิน จงอัศญากุล" จบกฎหมายทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท จากประเทศอังกฤษ ผันตัวเอง มานั่งบริหารงานใน บมจ.ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม  หรือ หุ้น T ตั้งเป้าจะนำบริษัทให้กลับมามีผลกำไร ปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อรองรับธุรกิจใหม่ๆ  หวังล้างภาพหุ้นปั่นสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นยิ้มได้  มั่นใจปี 60 ล้างขาดทุนสะสมหมดเกลี้ยง รายได้แตะ1-2 หมื่นลบ. 


    Q : "ทรรศิน จงอัศญากุล" แนะนำตัวเอง

     : ผมเรียนจบจากประเทศอังกฤษ จบทางด้านกฎหมายทั้งปริญญาตรีและปริญญาโท และก็ออกมาเป็นพนักงานประจำ ออกมาเริ่มต้นทำงานที่ปูนซีเมนต์ แล้วหลังจากนั้นได้มาทำงานที่บริษัทต่างชาติแล้วตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่จะ ย้ายมาทำงานที่บริษัท ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) T  นั้น ผมก็ทำงานเป็นผู้บริหารประจำผู้ภูมิภาคเอเชียของบริษัทฝรั่งแห่งหนึ่ง โดยทำธุรกิจผลิตเครื่องจักร ขายและบริหารภูมิภาคเอเชียด้วยครับ

    Q :อยากทราบว่ามีการศึกษาบริษัทไทยบริหารก่อนที่จะรับตำแหน่งเข้ามาบริหารอย่างไรครับ
     : เรามีการศึกษาอยู่เรื่อยๆ ก่อนมีการเข้ามาก็มีการศึกษาตอนนี้ปัญหาของบริษัทมีอะไรบ้าง จะมีการแก้ปัญหาอย่างไรก็มีการพูดคุยครับ มีการวางนโยบายและกลยุทธ์ ว่าเข้าแล้วจะทำอย่างไรเพื่อให้มันกลับมาดีขึ้นและประสบความสำเร็จ เราก็ดูในแง่งบการเงินและก็จะมากระตุ้นให้กลับมามีผลกำไร

    Q: มีแผนสำหรับกี่ปีที่จะช่วยชุบชีวิตไทยบริการ
     : ปลายปีนี้นโยบายของบริษัทเราจะทำให้กลับมามีกำไร  โดยจะเริ่มกลับมาบวกตั้งแต่ Q2/58 เลยครับ คือต้องบอกว่า Q1/58 ที่ขาดทุน เราก็มีการเข้าไปเจรจากับเจ้าหนี้ทางการค้า ก็ราว60 ล้านบาทซึ่งมันยังอยู่ในไตรมาส1อยู่ทำให้ผลการดำเนินงานQ1 ขาดทุนและก็เป็นผลมาจากปีก่อนด้วย ภาพน่าจะดีขึ้นตั่งปี Q2แล้วก็ล้างขาดสะสมได้หมดในช่วงปลายปี 60 นะครับโดยใช้ผลกำไรจากการดำเนินงานมาล้างขาดทุนสะสม
    ส่วนใหญ่ขาดทุนสะสมของเราที่ผมมีการเข้าไปตรวจดูตอนนี้เป็นจากของโครงการใน อดีต ดังนั้นถ้าสามารถเคลียได้คาดว่าก็น่าจะเห็นการลดลงของขาดทุนสะสมต่อเนื่อง คือจริงๆ เป็นปัญหาของการจัดการซะส่วนใหญ่ พอไม่มีการจัดการที่ดีก็จะโดนทิ้งไว้อย่างนั้น

Q : มองว่าปีนี้ถือเป็นเหมือนปีของการกวาดบ้านใหม่ไหมครับ
     : ตอนนี้เราทำอยู่ตลอดมาสักพักแล้วถือว่าเกิน 60-70 % แล้วนโยบาย คือ อย่างแรกที่ผมเข้ามา คือ ปรับโครงสร้างบริษัทฯให้กลับมาดีขึ้น หน้าที่แรกๆเคลียเรื่องงบปี 57 และไตรมาส1/58ให้ทันเพื่อให้ตรงตามมาตราฐานหลังตลาดหลักทรัพย์ และก.ล.ต. แล้วเรื่องนั้นก็แล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว
     ตอนนี้ก็เป็นช่วงที่เรากำลังจะเซ็ทคนให้ถูกตำแหน่ง แล้วก็ปรับโครงสร้างองค์กรให้มันตรงกับสภาพ ณ ปัจจุบัน เพื่อมีการรองรับธุรกิจใหม่ๆ ที่เราจะมีการนำเข้ามา

Q: ธุรกิจไหนจะเป็นธุรกิจที่เด่นสำหรับบริษัท
     :ธุรกิจใหม่ครับ น่าจะเป็นตัวดาวเด่นอย่าง เช่นตัวโรงแรมที่ประเทศอังกฤษ น่าจะเป็นตัวที่ทำกำไรให้แก่เราเยอะ เพราะเราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการเป็นเจ้าของที่นั้นครับ แล้วก็มีธุรกิจการบริการที่มีการคุยอยู่ข้างนอกอยู่เหมือนกันเป็นเรื่องของ การให้บริการภายในประเทศ
     ตอนนี้อยู่ในขั้นเจรจาถ้าสำเร็จก็จะเป็นตัวที่ทำผลกำไรให้ดีด้วย และก็มีพลังงานทางเลือกทั้งในและต่างประเทศ โดยอยู่ระหว่างการเจรจาเหมือนกัน แต่ธุรกิจพลังงานทางเลือกเนี่ยมี2 แบบ คือ ก่อนCOD สร้างออกมารู้อนาคต แต่ยังไม่ได้รับรู้รายได้เข้ามาชัดเจน และอีกแบบคือซื้อสำเร็จเลยไปเทคโอเวอร์กับบริษัทนั้นๆที่เข้ามีรายได้อยู่ แล้ว ซึ่งเราก็มีอยู่ในที่เจรจราทั้ง2 รูปแบบเลย แต่ยังไม่ได้เปิดเผยชัดเจนเพราะเป็นขึ้นที่กำลังเจรจา ศึกษาพูดคุย

Q :ตอนนี้พลังงานทดแทนเป็นสิ่งที่บริษัทฯ มีความสนใจกันเยอะเรามองว่าเป็นการสร้างราคาหุ้นมากกว่าสร้างธุรกิจหรือเปล่าคับ
     :ผลคิดว่าปีที่แล้วที่มีคนเข้าไปเป็นผู้เล่นในพลังงานทดแทนมากนั้น เพราะว่ารัฐบาลในเมืองไทยให้การสนับสนุนคนก็เริ่มจะเข้าไป ซึ่งบางบริษัทก็มีการทำจริง บางบริษัทก็ใช้เป็นสตอรี่ในการทำให้คนเข้ามาตื่นตัวกับธุรกิจของบริษัท

Q แล้ว T ทำจริงไหมคับ
     :ทำจริงครับ คือผมเข้ามาบริหารแล้วไม่ได้มองเรื่องราคาหุ้นเป็นหลักเลยครับ แต่มองเรื่องการสร้างธุรกิจให้มั่นคง มองว่าราคาหุ้นไม่ว่าจะเป็นอย่างไรแต่ถ้าธุรกิจกลับมาเทริน์อะราวด์มั่นคง เดี๋ยวจะสะท้อนกลับมาที่ราคาหุ้นเองครับ และจะอยู่ได้ยืนยาว

Q: ถ้าประเมินจากฐานธุรกิจในปัจจุบันประเมินว่า T อยู่ที่เท่าไหร่ครับ

     : จริงๆ ผมว่าตรงนี้ต่ำสุดแล้วครับ.... สำหรับผมมองว่าแทบไม่มีราคาแล้วครับ คือ เราต้องยอมรับว่า T ในปีที่ผ่านมาผู้ถือหุ้นเก่า ทำให้การบริหารมาไม่ดีต้องยอมรับเราก็เข้ามาในช่วงที่มีโครงสร้างไม่ดี

Q :กลัวไหมภาพตัว TIES ที่ติดอันดับด้านการปั่นหุ้น จะติดไปถึงตัว T  ไหม

     : เราต้องการล้างอยู่แล้ว สมัยก่อนมีการเก็งที่ไม่มีธุรกิจมาส่งเสริม แต่ของผมไม่รู้หรอกว่าจะมีคนมาเก็งราคาไหมแต่ที่มั่นใจคือทำอะไรขึ้นมาจริง มีผลประกอบการที่ดีจับต้องได้ เงินทุกเม็ดที่นักลงทุนใส่เงินมาก็เป็นการลงทุนในอนาคตสิ่งที่เราต้องการคือ มีความเร็วในการสร้างผลประกอบการทุกเม็ดทุกสตางค์จะทำให้เป็นเทริน์อะราวด์ 

Q : เงินที่เราจะนำไปลงทุนมาจากส่วนไหมบ้างครับ เพราะเห็นตอนนี้บริษัทฯ มีกระแสเงินสดเพียงราว 300 ล้านบาท

     : คือมาจากPP ที่จะมีการเรียกชำระเร็วๆ นี้ราว 3 พันล้านบาท จำนวน 3 หมื่นหุ้น ซึ่งเป็นการจัดสรรเรียบร้อยแล้วอนุมัติผู้ถือหุ้นเรียบร้อย รอดูระยะเวลาที่เหมาะสม เหตุผลที่เรายังไม่เรียกเลยเพราะเวลาที่เรายังไม่ลงทุนไม่อยากให้นักลงทุน กังวลว่าเราเอาเงินไปทำอะไร อยากให้นักลงทุนสบายใจทำอะไรให้มีความชัดเจนถ้าเราเรียกเงินแล้วคือเราต้อง มีการใช้เงินให้ผู้ถือหุ้นเห็นชัดเจน  อาจจะมีการแบ่งเป็น ล็อตๆ ต้องดูตามโประเจคต่างๆ ซึ่งเราทำตามกฎของก.ล.ต. ทุกอย่างทำตามกฎมีไซเรนต์ พีเรียด โดยราคา 0.10 บาทต่อหุ้น
     แต่ในแง่บริษัทสภาพเป็นแบบนี้ราคาหุ้นแทบไม่มีราคาเลย ถ้าตี 0.23-0.24 บาทต่อหุ้นคงไม่มีคนสนใจถ้าเป็นRO ก็ไม่มีคนกล้าลงทุน แต่สิ่งที่เราขายให้นักลงทุนเป็นการขายอนาตว่าเราจะเป็นทางไหน ผลตอบแทนจะเป็นทางไหน แต่สิ่งที่สำคัญคือ
บริษัทฯ ต้องกลับมาเทริน์อะราวด์   ซึ่งตอนนี้เรามีผู้ถือหุ้นรายย่อยเยอะ ทั้งหมด 8 พันกว่าราย ซึ่งถือว่าเยอะมาก และผู้ถือหุ้นรายย่อยให้ความเชื่อมั่นต่อบริษัท
    ณ วันที่ติด SP มีการปิดสมุดเพื่อส่งงบQ1 มีผู้ถือหุ้นอยู่8 พันราย และณ ตอนนี้ 8.5 พันราย แปลว่าผู้ถือหุ้นหรือนักลงทุนจำนวน 500 รายซื้อไอเดียของบริษัท แม้กระทั่งบริษัทโดยติด SP  2เดือน เป็นการขึ้นเรือและไปด้วยกัน ดังนั้นเราเห็นและว่านักลงทุนอยากรู้ว่าอนาคตของบริษัทเป็นอย่างไร

Q :IRR  แต่ละโครงการของบริษัทนั้นต้องมีขั้นต่ำเท่าไหร่คับ
     : เราพยายามทำให้เกิน 10% ซึ่งมันมีแพลนชัดเจนว่าแต่ละดีลที่เราเข้าไปจะเป็นอย่างไร เรามีการวางการจัดการ เช่นดิลที่อังกฤษเรามีการวาง IRR ชัดเจน ซึ่งเราก็มีการวางว่าระยะยาว2 ปี อาจจะเอาเข้าตลาดฯหลักทรัพย์ที่อังกฤษ เพื่อเป็นการล้างหนี้จากการลงทุน ซึ่งเราวางการจัดการจัดเจนไม่ได้ซื้อแล้วทิ้ง และเราก็มีธีมบริหาร

Q : อนาคตโครงสร้างของบริษัทฯ อาจจะเป็นลักษณะโฮลดิ้งคอมพานีไหมครับ จะต้องมีการเปลี่ยนชื่อบริษัทไหมครับ

     : เป็นไปได้ครับ
     แต่ชื่อบริษัทยังไม่มีแผนเปลี่ยน เพราะอดีตบริษัทจะดีไม่ดีอย่างไร ไทยบริการก็เป็นชื่อที่เข้ามาเทรดในตลาดหุ้น มันมีความภูมิใจของตัวมัน  ซึ่งไม่ต้องกังวลว่าจะมีความสับสนทางธุรกิจ เพราะเรามีการขออนุมัติผู้ถือหุ้นในการจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อเข้าไปดูแล และเรื่องการเปลี่ยนชื่อในอนาคตก็คงไม่แน่ครับ ชื่ออยากจะเปลี่ยนเมื่อไหร่เปลี่ยนได้เลยครับ

Q : แล้วภาพของบริษัทฯ ในปี 60 จะเป็นอย่างไรครับ
     :ปี 60 เราจะมีการล้างขาดทุนสะสม และย้ายเข้าไปอยู่ใน SET เราจะทำให้บริษัทฯมีความมั่นคงในทุกๆด้าน มีผลกำไรชัดเจนเป็นปี ที่ทำให้ผู้ถือหุ้นรู้สึกพราวเพราะเราจะทำให้บริษัทโตอย่างมั่นคงและปี 60 อาจจะเห็นภาพหลายๆ โดยระบบบัญชีที่อังกฤษหลังเราทำดีลจบนั้นคือทางด้านนั้นแข็งแรงกว่าอีก ซึ่งมีระบบชัดเจนถือว่าณปัจจุบัน โรงแรมที่อังกฤษจะเป็นหนึ่งในดีลที่หวังไว้แต่เป็นแค่หนึ่งในดีลที่เจรจาและ บางดีลอาจจะสร้างผลกำไรได้ดีกว่านี้อีกหากการเจรจาสำเร็จแต่ยังไม่สามารถ เปิดเผยได้เพราะอยู่ในช่วงเจรจา

Q: ถามถึงโรงแรมที่อังกฤษเป็นอย่างไรบ้าง

     :คือปีที่แล้วเค้ามีรายได้ 4-5 พันล้าน Ebita ราว 1 พันล้านบาท และอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 65 % ซึ่งดูแล้วกำไรค่อนข้างสูงแต่ยังมีอัตราการเข้าพักที่ยังมีช่องว่างให้เรา เข้าไปเล่น ซึ่งส่วนใหญ่อัตราการเข้าพักของโรงแรมจะอยู่ที่ 75 % และธุรกิจโรงแรมนี้ Ebit ของโรงแรมเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี โดยเราก็เข้าไปร่วมลงทุนกับพันธมิตรในอัตราที่ใกล้ๆ เราไปกับพันธมิตรนอกตลาดฯยังไม่สามารถเปิดเผยได้คับ

Q คือคนอาจจะมองหุ้น T เป็นหุ้นปั่น

     :คือแน่นอนครับ คือ เป็นบริษัทไม่มีผลกำไรชัดเจน แต่มีการบูมของหุ้นเป็นช่วงๆ ไม่แปลงที่นักลงทุนจะมองแบบนั้น แต่สิ่งที่ผมทำคือทำให้บริษัทฯ เติบโตเรื่อยๆ เงินทุกบาททุกสตางค์ให้นักลงทุนเห็นเลยชัดเจน ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นใหญ่ เช่น ธุรกิจโรงแรมที่อังกฤษ
    เราก็ไม่มีใครเกี่ยวข้องอยู่ที่นั้่นเลยเป็นการลงทุนล้วนๆ ไม่ได้เป็นนอมินีเข้าไปแน่นอน คาดว่าจะตกลงกันได้ปลายสิงหาคมถึงช่วงตันเดือนกันยายนนี้ ดีลนี้ค่อนข้างเร็วเค้ามีข้อมูลเป็นระบบ คาดว่าช่วงเดือนกันยายนคงลงตัวในแผนการใช้เงิน
     แต่ก่อนหน้าที่ตกลงจะซื้อหรือไม่ซื้อก็ต้องขออนุมัติผู้ถือหุ้นชัดเจนทำตาม กฎ ตอนนี้เราก็ใช้ทีมดิวดิลิเจ้นท์ที่อังกฤษเพราะเป็นดีลในอังกฤษแต่เรากำลัง เลือกอยู่ และเราก็มีธีมดิวดิลิเจ้นท์ในเมืองไทยบินไปดูด้วย

Q : ปี 60 รายได้จะอยู่ที่เท่าไหร่

     :ผมอยากให้รายได้แตะคือ 1-2 หมื่นล้าน ผมมองว่าวิสัยทัศน์ของผู้บริหารจะโตไปได้ขนาดไหน

Q :กลัวไหมว่าคนจะมองเป็นหุ่นเชิดหรือคุณพ่อดันขึ้นมา

     :ผมต้องบอกว่าถ้าผมทำได้มีการยอมรับต่อผู้ถือหุ้น คือ ตั้งแต่จบมาผมไม่เคยทำงานกับคุณพ่อ เริ่มทำงานตั่งแต่เงินเดิน 2 หมื่นบาทในบริษัทปูน ผมเป็นพนักงานคนหนึ่งมาตลอดแต่ผมมองตัวเองเป็นผู้บริหารมืออาชีพ ดังนั้นผมจะนามสกุลเดียวกับประธานกรรมการหรือผู้ถือหุ้นใหญ่แต่ผมไม่สามารถ พาบริษัทไปตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดผมก็ไม่สามารถอยู่บริษัทนี้ เพราะพ่อผมพูดชัดเจนบริษัทนี้เป็นของผู้ถือหุ้น

Q:ธุรกิจก่อสร้างจะเป็นอย่างไร
     : คือในส่วนของธุรกิจเดิมคือธุรกิจก่อสร้างนั้นจริงๆ เราต้องมีการลงทุนไปก่อนรายใหญ่กินรายย่อยเยอะ เราจะเลือกทำมูลค่าหรือขนาดที่เราควบคุมได้
     ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยที่ทำขนาดใหญ่ แต่ไม่สามารถควบคุมได้ เพราะเราต้องมีการหมุนเวียนเงินก่อน ถ้าเกิดเราพลาดควบคุมไม่ดีมันจะล้มเหมือนโดมิโน่เลย เราก็ต้องผันตัวเองไปทำอย่างอื่นมีธุรกิจอื่นมาเสริมและเป็นความหลากหลายที่ ผู้ถือหุ้นชอบไม่ได้ขึ้นอยู่กับธุรกิจอย่างเดียว
---จบ--

เกศรินทร์ สำแดงภัย/
ธนัสสรณ์ เปี่ยมสมบูรณ์ เรียบเรียง

    

 

 

บทความล่าสุด

น้ำขึ้นให้รีบตัก By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดบวก หุ้นขึ้น วันนี้ น้ำขึ้นให้รีบตัก หรือเทขายกำไรไว้ก่อน ด้วยพรุ่งนี้ ตลาดเรา ...........

งบท่องเที่ยว By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ยังคงแกว่งตัว ในกรอบแคบๆ ส่วนการเก็งกำไรนั้น หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้