ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดปี 63 นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยราว 40.5-40.9 ล้านคน โต 2.0%-3.0% ต่ำสุดในรอบ 6 ปี
สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (3 มกราคม 2563 )--------ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ทิศทางของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2563 มีโจทย์ที่ยากขึ้นทั้งในด้านของการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เมื่อตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงยังคงอยู่และมีความท้าทายมากขึ้น อาทิ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อต่อการท่องเที่ยว อุณหภูมิการแข่งขันในภาคการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่เข้มข้นขึ้น กอปรกับในปี 2563 จะมีการจัดมหกรรมกีฬาระดับโลก 2 รายการ ซึ่งอาจมีผลต่อการเดินทางท่องเที่ยว นอกจากนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง และทิศทางราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิดเช่นกัน
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ในปี 2563 นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยมีจำนวนประมาณ 40.5-40.9 ล้านคน ขยายตัวประมาณ 2.0%-3.0% เป็นอัตราการเติบโตต่ำสุดในรอบ 6 ปี และจะเป็นการเติบโตเฉพาะบางตลาด โดยหลักจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวระยะใกล้อย่างภูมิภาคเอเชีย ขณะที่นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอื่นๆ เช่น ยุโรป โอเชียเนียและตะวันออกกลาง ยังมีแนวโน้มที่ปรับลดลง
สำหรับการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า จากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยังไม่เอื้อ กอปรกับเทรนด์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเพื่อประสบการณ์ใหม่ๆ มากกว่าการซื้อสินค้า การแข่งขันธุรกิจที่พัก วันพักที่สั้นลง รวมถึงนักท่องเที่ยวหลักส่วนใหญ่เป็นตลาดนักท่องเที่ยวระยะใกล้ ซึ่งมีผลทำให้การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยน่าจะมีมูลค่าประมาณ 1.97 – 1.99 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 1.4% - 2.5% จากปี 2562
ในด้านของผู้ประกอบการธุรกิจบริการท่องเที่ยวคงจะเผชิญโจทย์การทำตลาดการท่องเที่ยวที่ยากขึ้น การบริหารจัดการต้นทุน ซึ่งต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ หลีกเลี่ยงสงครามราคาที่จะเกิดขึ้น โดยอาจหันมาเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวตามเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้น พร้อมกับการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมในด้านการตลาด
ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2563 ยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้ว่าในปี 2562 นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยจะสามารถกลับมาขยายตัวได้ที่ประมาณ 4.0% แต่เป็นการเติบโตเฉพาะบางประเทศ ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเติบโตของนักท่องเที่ยวบางประเทศส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยเฉพาะ อาทิ มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐอย่างมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราวีซ่า (Visa on Arrival) ที่ช่วยหนุนตลาดนักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย เป็นต้น หรือจากปัญหาความไม่สงบในฮ่องกงทำให้นักท่องเที่ยวจีนส่วนหนึ่งเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจากหลายๆ ประเทศยังหดตัว เช่น นักท่องเที่ยวจากยุโรปอย่างกลุ่มสแกนดิเนียเวียร์ นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคโอเชียเนียอย่างนักท่องเที่ยวออสเตรเลีย
สำหรับทิศทางของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2563 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีมุมมอง ดังนี้
ปี 2563 แม้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยจะยังสามารถขยายตัวได้ที่ประมาณ 2.0%-3.0% แต่เป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำสุดในรอบหลายปี เนื่องจากยังมีแรงกดดันจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่เอื้อต่อบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวลดลง และยังมีผลทำให้เกิดการแข่งขันดึงนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศ รวมถึงการจัดงานมหกรรมกีฬาระดับโลก
ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2563 อาจจะกล่าวได้ว่า เป็นปีที่มีความท้าทายสูงและการทำตลาดเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดคงจะเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย เมื่อสภาพแวดล้อมธุรกิจท่องเที่ยวยังคงมีแรงกดดันทั้งจากปัจจัยเดิมๆ และปัจจัยที่เกิดขึ้นใหม่ อาทิ
บรรยากาศเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่เอื้อ มีผลต่อการเดินทางท่องเที่ยวของโลกที่ชะลอตัวลง โดยเศรษฐกิจหลักของโลกอย่างสหรัฐฯ ยุโรป จีน มีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลต่อการวางแผนท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม อาทิ การเลือกจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหรือเลือกใช้บริการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกับงบประมาณ ทั้งนี้ จากรายงานขององค์การการท่องเที่ยวโลก สะท้อนให้เห็นว่า ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว มีผลทำให้การเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงในปี 2562 ที่ผ่านมา
เมื่อการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั่วโลกชะลอตัวลงทำให้อุณหภูมิการแข่งขันกันดึงดูดนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศจะยิ่งมีมากขึ้น ในปี 2563 นี้ หน่วยงานท่องเที่ยวภาครัฐและเอกชนของหลายๆ ประเทศ คงจะทำการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวมีจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวเป็นทางเลือกหลากหลายขึ้น จากรายงานขององค์การการท่องเที่ยวโลก พบว่า แม้ในปี 2562 ที่ผ่านมา ภาพรวมการท่องเที่ยวโลกเติบโตในอัตราที่ชะลอตัว แต่สถานที่ท่องเที่ยวในบางภูมิภาค เข่น ภูมิภาคตะวันออกกลางกลับมีอัตราการเติบโตประมาณ 9% (YoY) ซึ่งดีกว่าภาพรวม ส่วนหนึ่งมาจากรัฐบาลของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีนโยบายสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แหล่งท่องเที่ยว และนโยบายด้านวีซ่า ซึ่งปัจจัยนี้ยังเป็นโจทย์ที่ท้าทายต่อความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของไทยอย่างต่อเนื่องในปี 2563 นี้
ปัจจัยท้าทายใหม่ที่อาจมีผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย คือ การจัดงานมหกรรมกีฬาระดับโลกอย่างมหกรรมกีฬาฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป 2020 (EURO 2020) และกีฬาโอลิมปิกเกมส์ฤดูร้อน ซึ่งอาจจะมีผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวยุโรปและญี่ปุ่นในช่วงเวลาดังกล่าว (สะท้อนให้เห็นได้จากในช่วงที่มีการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลโลกปี 2561 จำนวนนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปเที่ยวไทยเฉลี่ยลดลงประมาณ 4%)
ประเด็นอื่นๆ ที่ต้องติดตาม อาทิ สถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง และทิศทางราคาน้ำมัน ซึ่งอาจมีผลต่อการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในปี 2563 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะยังมีโอกาสขยายตัวได้ แต่เป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำสุดในรอบ 6 ปี โดยจะเห็นการเติบโตเฉพาะบางตลาด สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่น่าจะยังเติบโตได้จะมาจากภูมิภาคเอเชีย อาทิ อาเซียน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นต้น สำหรับนักท่องเที่ยวจีน และอินเดีย อาจจะต้องติดตามสถานการณ์ภายหลังจากมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราวีซ่า (Visa on Arrival) ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย. 63 นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอเมริกาน่าจะยังมีทิศทางที่ดี ขณะที่ทิศทางนักท่องเที่ยวยุโรปอาจจะยังฟื้นตัวไม่ทั่วถึง โดยตลาดที่น่าจะเติบโต อาทิ รัสเซีย สหราชอาณาจักร และยุโรปตะวันออก อย่างไรก็ดี การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรปอาจมีผลต่อการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวยุโรปเที่ยวไทยในช่วงกลางปี
เศรษฐกิจและค่าเงินบาทที่ยังไม่เอื้อ รวมกับเทรนด์ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเพื่อให้ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ มากกว่าการใช้จ่ายในการซื้อสินค้า และการแข่งขันในธุรกิจบริการท่องเที่ยว มีผลทำให้การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยเติบโตชะลอลง
จากข้อมูลการท่องเที่ยวในหลายๆ ประเทศ สะท้อนว่า มูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมีแนวโน้มที่ลดลง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทย โดยนอกจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจและการแข็งค่าของเงินบาทที่ทำให้นักท่องเที่ยวมีการปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายให้สอดคล้องกับงบประมาณแล้ว ยังมีสาเหตุมาจาก
นักท่องเที่ยวมีวันพักเฉลี่ยต่อทริปที่ลดลงจากหลายๆ ปัจจัย เนื่องจากนักท่องเที่ยวมีการเดินทางบ่อยครั้งขึ้นในแต่ละปี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการวีซ่าที่ถูกนำมาใช้ในการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวในหลายประเทศซึ่งทำให้การเดินทางท่องเที่ยวมีความสะดวกและง่ายขึ้น นอกจากนี้ การที่ระบบการคมนาคมขนส่งมีการเชื่อมโยงระหว่างประเทศทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปยังประเทศใกล้เคียงและเมืองท่องเที่ยวใหม่ๆ ได้สะดวกขึ้น โดยไม่ต้องอยู่ที่ประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นระยะเวลานาน ซึ่งทิศทางดังกล่าวสะท้อนในภาพการท่องเที่ยวของไทยด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงอาเซียนที่คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นจากการที่ภาครัฐมีแผนการพัฒนาท่องเที่ยวระหว่างอาเซียน
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสประสบการณ์มากกว่าการใช้จ่ายซื้อสินค้าระหว่างการท่องเที่ยว รวมถึงในธุรกิจท่องเที่ยวที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งส่งผลต่อราคาที่ไม่สามารถปรับขึ้นได้มากนัก ในระยะหลัง การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศต่อทริปมีทิศทางลดลงในหลายๆประเทศ อาทิ ค่าใช้จ่ายด้านที่พัก จากการแข่งขันในธุรกิจโรงแรมและที่พัก และการเข้ามาของ Airbnb ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวมีทางเลือกของที่พักมากขึ้น รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีการจองห้องพัก ที่ทำให้สามารถเปรียบเทียบราคาระหว่างที่พักได้ จึงทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกที่พักในราคาที่สอดคล้องกับงบประมาณ
ปี 2563 ผู้ประกอบการธุรกิจบริการท่องเที่ยวจะเผชิญโจทย์การทำตลาดที่ยากขึ้น ดังนั้น การบริหารจัดการต้นทุนอาจต้องเป็นไปอย่างรอบคอบ หลีกเลี่ยงการเข้าสู่สงครามราคา หันมาพัฒนาคุณภาพและเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวตามเทรนด์ที่กำลังเกิดขึ้น พร้อมกับการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมในด้านการตลาด
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ภายใต้โจทย์ที่ท้าทายต่างๆ ข้างต้น ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวคงต้องเตรียมวางแผน ดังนี้
• การจัดการบริหารต้นทุนอย่างระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา เพื่อมิให้มีผลต่อสภาพคล่องทางธุรกิจ
• เจาะตลาดตามเทรนด์ของนักท่องเที่ยว อาทิ กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ธุรกิจโรงแรมและที่พัก ควรเพิ่มการบริการอาหารเพื่อสุขภาพและปลอดสารพิษ (Health and Organic) หรือการชูจุดขายในเรื่องของสิ่งแวดล้อมอย่างการใช้ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในชุมชน การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
• เลือกใช้เทคโนโลยีและพัฒนาผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น การทำตลาดบนโลกออนไลน์ โดยเพิ่มช่องทางหลากหลายขึ้น โดยไปอยู่ในทุกๆ แพลตฟอร์ม เช่น เว็บไซต์ของผู้ประกอบการ สื่อสังคมออนไลน์ หรือผ่าน OTAs (Online Travel Agent) การปรับเปลี่ยนข้อมูลให้ทันสมัย และปรับผลิตภัณฑ์การบริการให้เข้ากับเทรนด์ตลอดเวลา ซึ่งรวมถึงระบบการชำระเงินอย่าง QR Payment
แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....
FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น
NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68