สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(17 พฤศจิกายน 2568)--------ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไอเน็ต หรือ INETREIT ประกาศเดินหน้าการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 เพื่อระดมทุนมูลค่าไม่เกิน 2,507 ล้านบาท โดยเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมทั้งสิ้นไม่เกิน 230 ล้านหน่วย เข้าลงทุนตรงในศูนย์ข้อมูล (Data Center) โครงการ INET-IDC3 เฟส 2 ส่วนขยาย พร้อมเปิดให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมและประชาชนทั่วไปจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุน ในวันที่ 19-27 พฤศจิกายน 2568 ที่ราคาเสนอขายสูงสุด 10.90 บาทต่อหน่วย สำหรับผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิ์ จะได้รับจัดสรรในอัตรา 1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.4559 หน่วยทรัสต์ใหม่ ผู้สนใจสามารถจองซื้อผ่าน บล. กรุงศรี และตัวแทนจำหน่าย 8 ราย คาดประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568

นายวิศรุต อังศุภากร ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย เปิดเผยว่า ปัจจุบันแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหน่วยทรัสต์และหนังสือชี้ชวนสำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่สอง ได้มีผลใช้บังคับเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 หลังได้รับการอนุญาตให้เสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มเติมจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และได้ขึ้นเครื่องหมาย XR ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 เพื่อกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยเดิมที่มีสิทธิจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 2 ที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 แล้วนั้น กองทรัสต์ฯ พร้อมเปิดให้ผู้ถือหน่วยเดิม และประชาชนทั่วไปจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 19 – 27 พฤศจิกายน 2568 ที่ราคาเสนอขายสูงสุด 10.90 บาทต่อหน่วย โดยจะเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 2 จำนวนไม่เกิน 230 ล้านหน่วย คิดเป็นมูลค่าระดมทุนไม่เกิน 2,507 ล้านบาท ซึ่งจะจัดสรรและเสนอขายแบ่งเป็น 2 ส่วนดังนี้

ส่วนที่ 1 เสนอขายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมตามสัดส่วนการถือหน่วยทรัสต์ จำนวนไม่เกิน 230,000,000 หน่วย โดยกำหนดอัตราส่วนการจัดสรรหน่วยทรัสต์ที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติมให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิในอัตรา 1 ต่อ 0.4559 ตัวอย่างเช่น หากผู้ถือหน่วยเดิมมี 10,000 หน่วย สามารถจองซื้อหน่วยทรัสต์ใหม่ได้จำนวน 4,559 หน่วย เป็นต้น ซึ่งผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมสามารถเลือกจองซื้อตามสิทธิ, เกินกว่าสิทธิ, น้อยกว่าสิทธิ หรือสละสิทธิ์ก็ได้ ทั้งนี้ กองทรัสต์จะปัดเศษหน่วยทรัสต์ที่เป็นทศนิยมลงเป็นจำนวนเต็มหน่วยที่ใกล้เคียงที่สุด และสงวนสิทธิ์ไม่จัดสรรให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์สัญชาติที่จะทำให้กองทรัสต์มีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ โดยผู้ถือหน่วยเดิมสามารถตรวจสอบสิทธิ และจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 2 ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ทางเว็บไซต์ www.krungsrisecurities.com

และ ส่วนที่ 2 หน่วยทรัสต์ส่วนที่เหลือจากการเสนอขายให้ผู้ถือหน่วยเดิมในส่วนที่ 1 ผู้จัดการกองทรัสต์จะนำมาจัดสรรให้แก่ (1) บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) และ/หรือ (2) ประชาชนทั่วไป ตามที่เห็นสมควร โดยจะใช้ราคาเสนอขายเดียวกันกับราคาที่เสนอขายให้ผู้ถือหน่วยเดิมในส่วนที่ 1 โดยนักลงทุนสามารถจองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 2 ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) และตัวแทนจำหน่ายหน่วยทรัสต์อีก 8 ราย ได้แก่ บริษัท หลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด

ทั้งนี้ ในกรณีที่ราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาสูงสุดที่ได้ชำระไป ผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์จะดำเนินการคืนเงินส่วนต่างค่าจองซื้อดังกล่าวให้แก่ผู้จองซื้อ โดยไม่มีดอกเบี้ยหรือค่าเสียหายใด ๆ ตามวิธีการที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน โดยคาดว่าจะประกาศราคาเสนอขายสุดท้ายผ่านเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568

นายสุตกานต์ แน่นหนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเน็ต รีท แมเนจเม้นท์ จํากัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ กล่าวว่า INETREIT เป็นทรัสต์กองแรกและกองเดียวในไทยที่ลงทุนตรงในทรัพย์สินโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีทั้งหมด ที่มุ่งสร้างนวัตกรรมด้านการลงทุนผ่านนโยบายการลงทุนที่พร้อมเติบโตในเมกะเทรนด์ของโลก พร้อมสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง สม่ำเสมอ และยั่งยืน โดยสำหรับการระดมทุนครั้งนี้ กองทรัสต์จะเข้าลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) ตู้ Rack จำนวน 246 Rack และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในโครงการ INET-IDC3 เฟส 2 ส่วนขยาย คาดว่าจะส่งผลให้ประมาณการการจ่ายประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 0.01 บาทต่อหน่วย สะท้อนความมุ่งมั่นสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืน การลงทุนครั้งนี้จึงนับเป็นโอกาสที่น่าสนใจ ด้วยปัจจัยเด่น 5 ประการ ได้แก่ 1) การลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพมาตรฐานสากลที่จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 2) การมี INET ซึ่งเป็นผู้นำบริการ Cloud สัญชาติไทยและมีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องเป็นผู้เช่าหลัก 3) ทรัพย์สินอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตสูง 4) โอกาสเติบโตในอนาคตผ่านสิทธิ Right of First Refusal (ROFR) และ 5) การจ่ายผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องและการบริหารโดยทีมผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจ Data Center ซึ่งทั้งหมดนี้ สอดรับกับยุทธศาสตร์ของกองทรัสต์ฯ ที่มุ่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีอันเป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัล