Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

InnovestX คาดวันนี้ SET พักฐาน/ไซด์เวย์ มีแนวรับที่ 1185-1180/1160 ลุ้นฯ อัตราภาษีสหรัฐฯ จะเก็บจากไทย

121

 


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 23 กรกฎาคม 2568 )----- InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 23 กรกฎาคม 2568  คาดตลาดอยู่ในช่วงพักฐาน/ไซด์เวย์ มีแนวรับที่ 1185-1180/1160 ซึ่งหากพักสั้นเพื่อขึ้นไม่ควรหลุดต่ำกว่าอีก ส่วนแนวต้านประเมินไว้ที่ 1200/1210 ทั้งนี้วันนี้ไทยจะยื่นข้อเสนอเจรจากับสหรัฐฯ ครั้งสุดท้าย โดยล่าสุดสหรัฐฯ ประกาศเก็บญี่ปุ่นที่ 15% และฟิลิปปินส์ที่ 19% ทำให้ไทยยังคงต้องติดตามว่าจะได้ภาษีใกล้เคียงภูมิภาคหรือไม่

 

 

ปะเด็นสำคัญ
• ปธน. ทรัมป์ประกาศบรรลุข้อตกลงการค้ากับฟิลิปปินส์และญี่ปุ่นแล้ว โดยสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากฟิลิปปินส์ในอัตรา 19% (เดิม 20%) และจากญี่ปุ่นในอัตรา 15% (เดิม 25%) โดยฟิลิปปินส์จะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 0% และเปิดตลาดเสรีให้กับสินค้าสหรัฐฯ ส่วนญี่ปุ่นจะลงทุน 5.5 แสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ
• รมต. คลังสหรัฐฯ ส่งสัญญาณขยายเส้นตายทางการค้ากับจีนเพิ่มอีก 90 วัน ในการประชุมกับตัวแทนจากจีน ณ ประเทศสวีเดนในสัปดาห์หน้า เพื่อเปิดทางให้สหรัฐฯ และจีนดำเนินการเจรจาการค้าต่อ
• EU กำลังพิจารณาใช้เครื่องมือต่อต้านการบีบบังคับ (ACI) อย่างเต็มรูปแบบ หากการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ ไม่เป็นผลสำเร็จภายในวันที่ 1 ส.ค. และรัฐบาลทรัมป์เดินหน้าตามคำขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก EU ในอัตรา 30% ในวันที่ 1 ส.ค. นี้
• รมว.คลัง เผยขณะนี้สหรัฐฯ ได้พิจารณาข้อเสนอใหม่ของประเทศไทยไปแล้ว 90% คาดว่าอีก 1-2 วันน่าจะพิจารณาครบ 100% และมีคำตอบที่ชัดเจนก่อนวันที่ 1 ส.ค. 2568 โดยคาดหวังไทยจะได้รับอัตราภาษีต่ำกว่า 20% หรือเท่ากับประเทศในภูมิภาคอาเซียน
• ครม. มีมติแต่งตั้ง “วิทัย รัตนากร” ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ ตามที่ รมว. คลังได้เสนอชื่อเพื่อแทนผู้ว่าฯ ธปท. คนปัจจุบันที่จะหมดวาระในวันที่ 30 ก.ย. นี้ ด้าน รมว. คลังหวังจะเดินหน้าประสานนโยบายการเงิน-การคลังไปในทิศทางเดียวกัน รับมือ ศก.
• จำนวน นทท. ต่างชาติในสัปดาห์ก่อนคงมีแนวโน้มเติบโต WoW โดยเพิ่มขึ้น 7%WoW สู่ 611,596 คน หนุนจากกลุ่มระยะใกล้และไกล โดยเฉพาะญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, อินเดีย และจีน

 

กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน แม้มองบรรยากาศการลงทุนยังมีโมเมนตัมบวกจาก Fund Flow ที่ไหลเข้าใน EM และ ครม. แต่งตั้งผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ซึ่งคาดจะมีนโยบายการเงินผ่อนคลายขึ้น แต่ติดตามการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ หลังไทยเสนอลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 0% หลายหมื่นรายการ ประเมิน SET ที่ระดับ 1230-1250 สะท้อนความคาดหวังไทยจะบรรลุข้อตกลงและทำให้อัตราภาษีใหม่ต่อไทยลดลงจาก 36% เป็น 20% หรือต่ำกว่า ทำให้ SET มีโอกาสชะลอปรับขึ้นหรือเริ่มมี Upside จำกัด ขณะที่กรณีไทยโดนภาษีศุลกากรที่สูงกว่า 20% จะเป็นความเสี่ยงต่อตลาด อย่างไรก็ดี เราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์ลงทุนคงแนะนำให้ “Selective Buy”


แนวรับ-ต้าน
1180/1160– 1200/1210

ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET แกว่งตัวผันผวน แม้มีโมเมนตัมบวกจาก Fund Flow ไหลเข้า EM และการอนุมัติผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ แต่ยังต้องติดตามการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 2 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้หุ้น
1. หุ้น Earnings Play โมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ 3Q68 คาดกำไรยังเติบโต YoY แนะนำ ADVANC BCH CBG CPALL SCCC
2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT
3. Trading Idea : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดฟื้นตัวเร็วหากเชื่อว่าการเจรจาจะทำให้สหรัฐฯ พิจารณาปรับลดภาษีไทยลงมาอยู่ที่ระดับ 20% หรือต่ำกว่าและราคาหุ้นยังฟื้นตัวช้า แนะนำ AMATA GPSC WHA และ 2) หุ้น Undervalue (PER และ PBV < -1SD) และเราแนะนำ Outperform อีกทั้งคาดให้ Div. Yield ไม่ต่ำกว่าปีละ 3% แนะนำ BBL BCPG BDMS CPALL DIF PTT SIRI

 

Daily top picks
DIF: มองมีปัจจัยระยะสั้นจากการไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาด แนวโน้มใน 2Q68 คาดว่ากำไรปกติจะปรับตัวดีขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลง คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีสูงถึง 11% ในปี 2568 และการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกใน 2H68 จะเป็นปัจจัยกระตุ้น


MINT: มองราคาหุ้นมีปัจจัยกระตุ้นจากสัญญาณการท่องเที่ยวฟื้นตัว คาดว่าจะรายงานกำไรหลักสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน 2Q68 ที่ 3.3 พันลบ. เพิ่มขึ้น 3% YoY และเพิ่มจากระดับเพียง 50 ลบ. ใน 1Q68 จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซันในยุโรป รายได้จากธุรกิจโรงแรมและต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลงเป็นปัจจัยสนับสนุน เป็น Top Pick ในกลุ่มท่องเที่ยว

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ความหวัง By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย เขียวสดใส แรงซื้อหุ้นบิ๊ก แคป หนุนนำ ท่ามกลางนักลงทุน ลุ้นผลเจรจาภาษีระหว่าง..

ATLAS โชว์ศักยภาพผู้นำตลาด LPG ร่วมเวทีเสวนาสร้างธุรกิจยั่งยืนก่อนเข้า SET

ATLAS โชว์ศักยภาพผู้นำตลาด LPG ร่วมเวทีเสวนาสร้างธุรกิจยั่งยืนก่อนเข้า SET

มัลติมีเดีย

TMILL วางกลยุทธ์ ขยายตลาดควบคู่เน้นบริหารต้นทุน ดันมาร์จิ้นสดใส

TMILL วางกลยุทธ์ ขยายตลาดควบคู่เน้นบริหารต้นทุน ดันมาร์จิ้นสดใส

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้