Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

InnovestX คาดวันนี้ SET มีโอกาสชะลอตัว ประเมินแนวต้าน 1220/1230 จุด จับตา ครม. พิจารณาผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่

100

 

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 22 กรกฎาคม 2568 )----- InnovestX บริษัทหลักทรัพย์ในกลุ่ม SCBX ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 คาดตลาดมีโอกาสชะลอตัวโดยเฉพาะตามแนวต้าน ประเมินแนวต้าน 1220/1230 ส่วนแนวรับประเมินที่ 1200/1195 วันนี้ติดตามการพิจารณาที่ประชุม ครม. วาระการแต่งตั้งผู้ว่าฯ ธปท. หลังจากที่เลื่อนมาจากสัปดาห์ก่อน ส่วนภาพระยะกลางยังคงประเมิน SET ที่ระดับ 1230-1250 จะเริ่มสะท้อนถึงความคาดหวังว่าไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากสหรัฐฯ ในระดับ 20% หรือต่ำกว่าไปบ้างแล้ว หากระดับภาษีสูงกว่าจะเป็นความเสี่ยง

 

ประเด็นสำคัญ
• รมช. คลัง เผยแนวทางการเจรจาการค้าจะไม่รับข้อเสนอเปิดตลาดทั้งหมดสำหรับสินค้าสหรัฐฯ 0% เหมือนกับประเทศอื่นที่บรรลุข้อตกลงแล้ว เนื่องจากกังวลผลกระทบต่อ ศก. ในประเทศ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร และอาจเป็นบรรทัดฐานใหม่และต้องยอมลดอัตราภาษีให้สินค้าประเทศคู่ค้าอื่นๆ อย่างเท่าเทียมกัน และมองทิศทางการค้าโลกจะไม่ย้อมกลับไปสู่จุดเดิมก่อนประกาศภาษีอีกแล้ว
• รมว. ท่องเที่ยวฯ เตรียมหารือเป้าหมายการท่องเที่ยวปี 2569 หลัง ททท. เสนอรายได้รวม 2.8 ล้านลบ. เพิ่มขึ้น 5%YoY พร้อมจับตาปัจจัยเสี่ยงซ้ำรอยปี 2568 และเร่งยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่ "The New Thailand" อย่างยั่งยืน
• สบน. เตรียมเปิดจำหน่ายพันธบัตรออมทรัพย์ในรูปแบบ G-token มูลค่า 5,000 ลบ. ซึ่งมีผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยตลาดเนื่องจากมีต้นทุนการออกที่ต่ำกว่า โดยจะจำหน่ายควบคู่กับพันธบัตรปกติมูลค่า 25,000 ลบ. คาดจะเริ่มช่วงปลาย ส.ค. นี้ เพื่อชดเชยการขาดดุล
• ติดตามการประชุม ครม. ในวันนี้ ถึงความคืบหน้าการเสนอชื่อผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่เพื่อพิจารณาแทนที่คนปัจจุบันที่จะครบวาระในวันที่ 30 ก.ย.นี้ โดย รมว. คลังได้ลงนามและส่งเอกสารเพื่อบรรจุวาระเรียบร้อยตั้งแต่ในสัปดาห์ก่อน
• รมต. คลังสหรัฐฯ สก็อต เบสเซนต์ เผยว่าควรมีการพิจารณาทบทวนหน้าที่และบทบาททั้งหมดของเฟด ท่ามกลางความขัดแย้งรุนแรงกับทำเนียมขาวเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ย ขณะที่เขาถูกมองว่าอาจเป็นประธานเฟดคนต่อไป

 

กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET จะแกว่งตัวผันผวน แม้มองบรรยากาศการลงทุนยังมีโมเมนตัมบวกจาก Fund Flow ที่เริ่มไหลเข้าใน EM และคาดหวัง ครม. จะพิจารณาผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ ซึ่งคาดจะมีการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย แต่ยังต้องติดตามผลเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ หลังไทยเสนอลดภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ 0% หลายหมื่นรายการ ประเมิน SET ที่ระดับ 1230-1250 สะท้อนความคาดหวังว่าไทยจะสามารถบรรลุดีลข้อตกลงได้และทำให้อัตราภาษีใหม่ลดลงอยู่ที่เท่ากับหรือต่ำกว่า 20% ทำให้ SET มีโอกาสชะลอปรับขึ้นหรือมี Upside จำกัด ขณะที่กรณีไทยยังโดนภาษีศุลกากรที่สูงกว่าอัตรา 20% จะเป็นความเสี่ยง อย่างไรก็ดี เราประเมิน SET ที่บริเวณต่ำกว่า 1100 จุด คิดเป็น PER ปี 2568 ต่ำกว่า 12 เท่า ยังเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว คงแนะนำให้ “Selective Buy”

 


แนวรับ-ต้าน
1200/1195– 1220/1230

 

ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
มอง SET แกว่งตัวผันผวน แม้มีโมเมนตัมบวกจาก Fund Flow เริ่มไหลเข้า EM และการอนุมัติผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ แต่ยังต้องติดตามการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีม หลักและ 2 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้น Earnings Play โมเมนตัมกำไรยังเติบโตแข็งแกร่ง โดย 2Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโตได้ทั้ง YoY และ QoQ ขณะที่ 3Q68 คาดกำไรยังเติบโต YoY แนะนำ ADVANC BCH CBG CPALL SCCC
2. หุ้นปันผลที่มีคุณภาพดี (SET50 ที่มี SET ESG Ratings A ขึ้นไป) เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตลงทุนในระยะสั้น โดยคาดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไร 1H68 และให้ Div. Yield เกิน 2% แนะนำ ADVANC BBL PTT
3. Trading Idea : สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดฟื้นตัวเร็วหากเชื่อว่าการเจรจาจะทำให้สหรัฐฯ พิจารณาปรับลดภาษีไทยลงมาอยู่ที่ระดับ 20% หรือต่ำกว่าและราคาหุ้นยังฟื้นตัวช้า แนะนำ AMATA GPSC WHA และ 2) หุ้น Undervalue (PER และ PBV < -1SD) และเราแนะนำ Outperform อีกทั้งคาดให้ Div. Yield ไม่ต่ำกว่าปีละ 3% แนะนำ BBL BCPG BDMS CPALL DIF PTT SIRI ขณะที่แนะนำหาจังหวะขายทำกำไรระยะสั้นในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากคาดดอกเบี้ยปรับลง หลังก่อนหน้าราคาหุ้นปรับขึ้นแรงสะท้อนการแต่งตั้งผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่แล้วระดับนึง MTC TIDLOR

 

Daily top picks
GULF: มองราคาหุ้นมีโอกาสได้ปัจจัยหนุนจากทิศทางดอกเบี้ยที่ลดลง แนวโน้มกำไรในช่วงที่เหลือของปีแข็งแกร่งจากกำลังการผลิตใหม่ การ COD ของโครงการโซลาร์ฟาร์ม 5 แห่ง (+308MW), โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 2 แห่ง (+289MW), Data Center เฟสแรก, Capacity Payment ที่เพิ่มขึ้น และเงินปันผลจาก KBANK


MINT: มองราคาหุ้นมีโอกาสได้ปัจจัยกระตุ้นจากการคาดว่า MINT จะรายงานกำไรหลัก สูงสุดเป็นประวัติการณ์ใน 2Q68 ที่ 3.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% YoY และเพิ่มจากระดับเพียง 50 ล้านบาทใน 1Q68 จากการเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นในยุโรป รายได้จากธุรกิจโรงแรมและต้นทุนดอกเบี้ยที่ลดลงเป็นปัจจัยสนับสนุน เป็น Top Pick ในกลุ่มท่องเที่ยว

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ร้องเพลงรอ.. By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ชั่วโมงต้องร้องเพลงรอ รอข่าวแบบลุ้น ทราบผลประชุมครม.ว่า ใครจะมาเป็นผู้ว่าฯแบงก์ชาติ วันนี้ ...

มัลติมีเดีย

TMILL วางกลยุทธ์ ขยายตลาดควบคู่เน้นบริหารต้นทุน ดันมาร์จิ้นสดใส

TMILL วางกลยุทธ์ ขยายตลาดควบคู่เน้นบริหารต้นทุน ดันมาร์จิ้นสดใส

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้