Today’s NEWS FEED

ตอนนี้คุณกำลังอยู่ในเว็บไซต์สำหรับทดสอบระบบ

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

369

Market Wrap-Up

  • SET วันที่ 7 มี.ค.68 ปิด +12.48 จุด อยู่ที่ 1,202.03 จุด มูลค่าการซื้อขาย 37,805 ลบ. ต่างชาติซื้อ 1,408 ลบ.  รายย่อยซื้อ 267 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 627 ลบ. และสถาบันขาย 1,048 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 773 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น GULF,AOT,CPALL,BBL,KTB และยอดขายหุ้น SCB,TRUE,PTT,BDMS,ADVANC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,762 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ INDIA01,IRPC,TDEX โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 8,604 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 22,182 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 6,358 ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.52%, S&P500 +0.55%, Nasdaq +0.70% ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค,พลังงาน,เทคโนโลยี หลัง ปธ.เฟด เผยยังไม่รีบปรับลดดอกเบี้ย และเศรษฐกิจสหรัฐยังขยายตัวได้ดี ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.46% จากแรงขายสินค้าฟุ่มเฟือย -2.7%, กลุ่มป้องกันประเทศ -1.8% และเหมืองแร่ -1.6% โดยนักลงทุนยังกังวลต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีของสหรัฐ  

Market View

  • Down Jones -2.37%, S&P500 -3.1%, Nasdaq -3.45% WoW หลัง ปธน.ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก & แคนาดาที่ 25% แต่ได้ผ่อนปรนการใช้มาตราออกไปอีก 1 เดือน และเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเป็น 20% กอปรกับเตรียมเก็บภาษี Universal Tariff กับประเทศต่าง ๆ ที่ใช้ ม.กีดกันสินค้า ส่งผลให้นักลงทุนกังวลอาจส่งผลให้เงินเฟ้อสหรัฐปรับสูงขึ้น แต่ดัชนีหุ้นสหรัฐฟื้นตัวในช่วงปลายสัปดาห์ หลังตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.พ. เพิ่มขึ้น 151,000 ต่ำกว่าคาดที่ 159,000 ราย , อัตราว่างงานสหรัฐ ก.พ. ปรับขึ้นอยู่ที่ 1% แต่ถ้อยแถลงของ ปธ.เฟดชี้เศรษฐกิจสหรัฐยังขยายตัวได้ดี และยังไม่รีบลดดอกเบี้ยระหว่างรอประเมินผลกระทบจากนโยบายการค้าของทรัมป์ สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล US CPI, PPI ก.พ. ก่อนการประชุมเฟด 18 – 19 มี.ค.
  • Stoxx600 -0.70% WoW จากความกังวลอาจถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่อัตรา 25% และกลุ่มสหภาพยุโรปอาจต้องเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม หลังสหรัฐที่ยุติการช่วยเหลือต่อยูเครน ขณะที่ดัชนี DAX เยอรมัน +2.03% หลังรัฐบาลใหม่เยอรมันจะกระตุ้นเศรษฐกิจ ด้วยการตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 5 แสน ล.ยูโร และปรับปรุงกฏการกู้ยืม ส่วนผลการประชุม ECB มีมติปรับลดลดอกเบี้ยลง 25% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซนปีนี้คาด +0.9% ลดลงจากเดิมคาด +1.1% YoY
  • MSCI Asia Pacific X Japan +3.04% WoW นำโดยดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.5%, ฮั่งเส็ง +5.6% WoW หลังนายก ฯ จีนตั้งเป้าหมาย GDP จีนปีนี้ที่ 0% ผ่านการทำงบประมาณขาดดุลที่ 4.0% ต่อ GDP เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 3.0% และเน้นใช้เทคโนโลยี & AI และการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ขณะที่ดัชนีนิเกอิ -0.79% WoW กังวลสหรัฐอาจเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ญี่ปุ่น และถูกกดดันจากค่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น
  • SET -0.14% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 44,592 ลบ. -21.9% WoW ต่างชาติขาย 4,364 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 3,810 ลบ. สถาบันซื้อ 791 ลบ. และรายย่อยซื้อ 7,383 ลบ. โดยระหว่างสัปดาห์ดัชนี SET ปรับลดลงต่ำสุดที่ระดับ 1,173.13 จุด หลัง ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเม็กซิโก & แคนาดาที่ 25% และเพิ่มการเก็บภาษีสินค้าจีนอีก 10% ส่งผลให้ไทยก็อาจจะถูกเรียกเก็บภาษี Universal Tariff ในวันที่ 2 เม.ย. นี้ด้วย กอปรกับ DSI รับพิจารณากรณีฮั่วเลือกตั้ง สว.ในฐานความผิดฟอกเงิน ส่งผลให้นักลงทุนกังวลต่อการอภิปรายไม่วางใจนายก ฯ ในช่วงปลายเดือนนี้ แต่ดัชนี SET เริ่มฟื้นตัว หลังสหรัฐได้ชะลอการเก็บภาษีเม็กซิโก & แคนนาดาออกไปอีก 1 เดือน กอปรกับหุ้นกลุ่ม Global Play เช่น วัสดุก่สอร้าง +9.9%, ปิโตรเคมี +9.0%, อิเล็กทรอนิกส์ +5.8% และบรรจุภัณฑ์ +5.1% WoW คาดได้ประโยชน์จาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีนในการประชุม NPC วันที่ 5 – 11 มี.ค.ส่วน ตลท.ก็เตรียมเดินหน้าโครงการ Thailand Individual Saving Account (TISA) ที่สนับสนุนให้นักลงทุนถือหุ้นระยะยาว และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีบุคคลประจำปี เพื่อเพิ่มเม็ดเงินลงทุนในตลาดหุ้นไทย สัปดาห์นี้วันอังคารติดตามผลการประชุม ครม.เกี่ยวกับการลงทุนโครงการแลนด์บริดจ์, ม.กระตุ้นท่องเที่ยว & อสังหา ฯ และ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ ใน Q2 นี้    

 Daily Strategy

  • ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,190 – 1,200 แนวต้าน 1,210 – 1,220 คาดดัชนีมีโอกาสฟื้นตัว เนื่องจากปัจจุบันเทรดในโซนถูกที่ F/PE 5 x กอปรกลุ่ม Global Play ได้แรงหนุนจาก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจีนรอบใหม่ แนะนำ ทยอยซื้อกลุ่มอุปโภคในประเทศ OSP,SINGER,SYNEX/ เก็งกำไรกลุ่ม Global Play เช่น SCC,SCGP,DELTA และเก็งกำไร AURA,MEDEZE,TEAMG มีสัญญาณบวกทางเทคนิค
  • SINGER* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 8.50) แนวโน้มผลประกอบการปี 68 มีปัจจัยหนุนจากการปรับกลยุทธ์เน้นปล่อยสินเชื่อ Lock phone ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงกว่าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ (C4C) และยังมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำด้วย NPL ที่ไม่ถึง 1% ปัจจุบันสัดส่วนสินเชื่อ Lock phone อยู่ที่ 18% ของทั้งหมด โดยตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 8 พันล้านบาท จากปีก่อนการปล่อยสินเชื่อ Lock Phone อยู่ที่ 2 พันล้านบาท เพื่อขยายสัดส่วนเป็น 40-50% ในปีนี้ ส่วนแหล่งเงินทุนส่วนหนึ่งมาจากกระแสเงินสด และจะมาจากการออกหุ้นกู้ใหม่ประมาณ 500-1,000 ล้านบาท ส่วนประเด็นบวกอื่นที่ทำให้กำไรดีขึ้นทันทีมาจากภาระดอกเบี้ยจ่ายหุ้นกู้ที่ลดลง ค่าใช้จ่าย onetime ลดลงจากการเคลียร์สต็อกสินค้ามือสอง และการปิดคลังสินค้า ส่วนใหญ่เหลือสินค้าที่เป็นตู้น้ำมันซึ่งยังสามารถติดตั้งตู้เพิ่มและสร้างรายได้ต่อเนื่อง ทั้งนี้อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรปี 68 ที่ 334 ล้านบาท โตหลายเท่าจากฐานต่ำปีก่อนที่กำไรสุทธิ 14 ล้านบาท
  • SYNEX* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 180 บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อ่อนตัวจากการสำรอง ECL ที่สูงขึ้น แม้รายได้จะ +QoQ, +YoY จากแรงหนุนสินค้ากลุ่ม Smartphoneส่วนการดำเนินงานในช่วงปี68 คาดว่ากลุ่มสินค้าไอทียังมีปัจจัยบวกจากDemand การเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ให้ทันกับเทคโนโลยี(4g>5g>AI) รวมถึงการใช้งาน cloud/อุปกรณ์IoT ที่แพร่หลายขึ้น นอกจากนี้ SYNEX* ยังมีการเปิดร้าน Nintendo Authorized Store สำหรับตลาด Gaming ที่มีมาร์จิ้นดี ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าในปี68และ69 กำไรสุทธิของ SYNEX* จะอยู่ที่ระดับ 709 ลบ.(+13%YoY) และ 790 ลบ.(+11%YoY)

 

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI เม.ย. +$0.68 อยู่ที่ $67.04 / บาร์เรล, Brent พ.ค. +$0.90 อยู่ที่ $70.36/บาร์เรล สัปดาห์ที่ผ่านมา WTI -3.9%, Brent -3.8% WoWหลังกลุ่มโอเปกพลัสเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตใน เม.ย. ที่ 138,000 บาร์เรล/วัน กอปรกับสต็อคน้ำมันสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับสูงขึ้น แต่ราคาน้ำมันปรับขึ้นในวันศุกร์ หลัง ปธน.ทรัมป์เผยจะคว่ำบาตรต่อรัสเซียเพิ่มเติม หลังรัสเซียยังบุกโจมตียูเครน

 

Gold Update(-) Comex Gold เม.ย.$-12.50 อยู่ที่ $2,914.10 /ออนซ์ สัปดาห์ที่ผ่านมาสัญญาทองคำ +1.7% WoW ได้แรงหนุนจากการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย กอรป Dollar Index อ่อนค่า -0.21% อยู่ที่ 103.84

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิ -149.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -129.17 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -27.71 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +6.95 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีทรงตัวอยู่ที่ 33.68 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 4.267 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +114 จุด อยู่ที่ 1,400

(-) BitCoinเช้านี้ -7.27% อยู่ที่ 80,124 ดอลลาร์สหรัฐ

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

12 มี.ค.     ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที2  ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น

หอการค้าไทย

                สภาธุรกิจตลาดทุนไทย แถลงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนและ

อัพเดตสถานการณ์ลงทุน

                ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์ 

สัปดาห์ที3  ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

 

ต่างประเทศ

11 มี.ค.     US ตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS (ม.ค.)

12 มี.ค.     US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ก.พ.)

                US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

13 มี.ค.     US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (ก.พ.)

                US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

 

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย  

 

(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*

 

(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*

 

(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR

 

(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA

 

(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*

 

(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA

 

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio February 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, SHR*, TEGH*

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้