สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (28 สิงหาคม 2561)

 

 PTG มองสถาบันในปท. ขายทำกำไร กดราคาหุ้นร่วง - ยันพื้นฐานแกร่ง - หุ้นใหญ่ถือครบ  ยังไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน ระบุขอนำเงินทุนหมุนเวียนรองรับแผนขยายธุรกิจ ตามแผนรุก Non-Oil คาดเคาะแผนลงทุน LPG ครัวเรือน ใน Q4/61 

 

 

นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงในช่วงก่อนหน้านี้ บริษัทฯมองว่าน่าจะเกิดแรงขายทำกำไรของสถาบันในประเทศ และนักลงทุนบางส่วนที่มองว่าผลประกอบการไตรมาส2/2561 ของบริษัทที่ประกาศออกมาต่ำกว่าที่คาดไว้ จึงอาจเป็นปัจจัยกดดันราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมา “ดูจากวอลุ่มเทรดเรามองว่าน่าจะเป็นสถาบันที่ขายทำกำไรออกมา และเรื่องงบที่ออกมาด้วย แต่ผู้ถือหุ้นหลักทั้ง 4 คนถ้าไปดูไม่มีใครขาย อยู่ครบมีบางรายเข้าไปซื้อเพิ่มด้วย”นายรังสรรค์ กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะมีการปิดสมุดทะเบียน เพื่อตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งจากก่อนหน้านี้สัดส่วนการถือหุ้นของสถาบันในประเทศอยู่ที่ประมาณ 20% นายรังสรรค์ กล่าวเสริมว่า เรื่องการซื้อหุ้นคืนคงยังไม่ได้พิจารณาตอนนี้ เพราะบริษัทฯ มองว่ากระแสเงินสดที่มีอยู่ ควรจะนำไปรองรับการขยายธุรกิจระยะยาวมากกว่า ซึ่งงบลงทุน ปัจจุบันมีการใช้ไปแล้วประมาณ 2.6 พันล้านบาท จากงบลงทุนที่ตั้งไว้ 4.5 พันล้านบาท

 

 

“การซื้อหุ้นคืน ผมมองว่าต้องใช้เวลา เรื่องต้องผ่านบอร์ดก่อน ตอนนี้อาจจะยังไม่ได้มองไปถึงขนาดนั้น แต่เราก็มีกำหนดว่าถ้าถึงจุดหนึ่งอาจจะต้องซื้อ ส่วนกองทุนขายอาจจะแค่ทำกำไร และน่าจะกลับเข้ามาถ้าค่าการตลาดกลับมา ซึ่งค่าการตลาดปีนี้ ค่อนข้างสวิง ตอนนี้อยู่ที่ 1.6-17 บาทต่อลิตรถือว่าไม่สูง จากที่เราคาดไว้ในช่วงต้นปีที่ 1.7-1.8 บาทต่อลิตร บางช่วงเคยลงมาถึง 1.5 บาทต่อลิตร ”นายรังสรรค์ กล่าว

 

สำหรับแผนการขยายธุรกิจ บริษัทฯยังเดินหน้าตามแผน โดยการขยายสถานีบริการน้ำมัน จะเน้นขยายในกรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นหลัก ซึ่งยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง โดยบริษัทเห็นแนวโน้มการตอบรับที่ดีจากปริมาณการขายที่เติบโตอยู่ที่ 14% มากกว่าอัตราการเติบโตในภาพรวม ซึ่งอยู่ที่ 8% บริษัทวางแผนขยายฐานลูกค้า และเพิ่มความรับรู้ในแบรนด์ให้ครอบคลุมกลุ่มคนเมืองมากขึ้นงโดยครึ่งปีหลัง บริษัทฯ วางแผนเปิดสาขาของสถานีบริการน้ำมันและแก๊สแอลพีจีอยู่ที่ 1,900 สาขา

 

 

นอกจากนี้ บริษัทจะเพิ่มการให้ความสำคัญในกลุ่มธุรกิจ non-oil ด้วยการวางแผนขยายจำนวนสาขาของธุรกิจ non-oil ให้อยู่ที่ 500 สาขา ซึ่งรวมร้านสะดวกซื้อ Max Mart, ร้านกาแฟพันธุ์ไทย, ร้านคอฟฟี่เวิลด์, ร้านข้าวแกงครัวบ้านจิตร, ร้านซ่อมบำรุงสำหรับรถบรรทุก Pro Truck และสำหรับรถยนต์ Autobacs โดยบริษัทมองว่าการลงทุนในธุรกิจ non-oil ต้องใช้เวลา แต่จะเป็นการเอื้อประโยชน์ และเพิ่มศักยภาพให้กับสถานีบริการน้ำมันในอนาคต

 

ทั้งนี้ คาดว่าปี 2562 สัดส่วนกำไรจาก กลุ่มธุรกิจ non-oil จะอยู่ที่ 15% โดยบริษัทฯ ยังเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบการซื้อกิจการ (M&A) รวมทั้งการร่วมทุน (JV) ซึ่งบริษัทฯ ยังมีกระแสเงินสด 400-500 ล้านบาท ที่รองรับดีลการลงทุนใน ธุรกิจ non-oil ปีนี้ได้ขณะที่บริษัท คาดว่าจะได้ข้อสรุปแผนการขยายธุรกิจไปสู่ LPG ภาคครัวเรือนภายในไตรมาส 4/2561 โดยรูปแบบการลงทุนจะจับมือกับพันธมิตร

 

 

อย่างไรก็ตาม ทุกการลงทุนของบริษัทฯ จะพิจารณาอย่างระมัดระวัง และรอบคอบ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัท และผู้ถือหุ้น โดยหากเป็นธุรกิจที่บริษัทฯ ไม่มีความถนัด รูปแบบการลงทุนอาจจะเข้าไปร่วมกับพันธมิตรเพื่อปิดความเสี่ยง ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนต้องมากกว่า 20% แต่หากเป็นธุรกิจที่บริษัทฯ มีความถนัดมองว่า IRR ควรอยู่ที่ระดับ 11-2%

 

ในส่วนของโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ ในขณะนี้เริ่มการรับรู้รายได้และกำไรตั้งแต่ไตรมาส 2/2561 แล้ว และคาดกำไรโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ในปีนี้จะอยู่ที่ 40 ล้านบาท ส่วนปี 2562 คาดว่าจะอยู่ที่ 280 ล้านบาท โดยปัจจุบันโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ มีการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 70% โดยคาดว่าในไตรมาส 4/2561 น่าจะเดินเครื่องได้เต็มกำลังการผลิต หลังผลผลิตปาล์มสูงขึ้น ขณะที่ร้านคอฟฟี่เวิลด์ ปีนี้คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุน

 

 

AMATAV  คาดรายได้ปีนี้โต 5-10%  ตามยอดโอนที่ดินทะลุเป้า 20 เฮกตาร์  ตั้งบลงทุน 3 พันลบ.  เน้นก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในนิคมอุตสาหกรรมเผยความคืบหน้าโครงการอมตะ ซิตี้ ลองถั่น พื้นที่ 60 เฮกตาร์ คาดว่าจะเริ่มพัฒนาได้ในไตรมาส 3/61 และเริ่มขายได้ในปลายปีนี้

 

นายณัทธร กิจสำเร็จ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการเงินและบัญชี บริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) หรือ AMATAV เปิดเผยว่า เชื่อว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 5-10% จากปีมีรายได้ 1,170.94 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามการรับรู้ยอดโอนที่ดินปีนี้ ที่เป็นไปตามเป้าที่ 20 เฮกตาร์ โดยครึ่งปีแรกมียอดโอนไปแล้ว 12.7 เฮกตาร์ และในครึ่งปีหลังมียอดขายรอโอน (Backlog) อีก 8 เฮกตาร์ สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง คาดว่าจะใกล้เคียงช่วงเดียวกันกับปีก่อน

 

แม้ว่าจะยอดโอนน้อยกว่าปีก่อนก็ตาม เนื่องจากในปีนี้บริษัทมีการขายโรงงานสำเร็จรูปในนิคมเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งในปัจจุบันมีลูกค้าเข้ามาขอซื้อโรงงานสำเร็จรูปอยู่ 2-3 ราย ด้านงบลงทุนในปีนี้ยังคงไว้ที่ 3 พันล้านบาท โดยจะเน้นก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานในนิคมอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งความคืบหน้าโครงการอมตะ ซิตี้ ลองถั่น พื้นที่ 60 เฮกตาร์ คาดว่าจะเริ่มพัฒนาได้ในไตรมาส 3/61 และเริ่มขายได้ในปลายปีนี้ส่วนกรณีสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ประเมินว่าเป็นผลดี เนื่องจากจะทำให้ผู้ประกอบการบางกลุ่มหันมาตั้งโรงงานในเวียดนามมากขึ้น ส่งให้ความต้องการที่ดินในเวียดนามเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต

 

AMATAV          PTG