Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : BJC มั่นใจปั้นรายได้ปีนี้ โตเข้าเป้า 7-9%

3,877

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (30 พฤศจิกายน 2561)

BJC คาดผลงาน Q4/61 แจ่ม   มั่นใจรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 7-9% - อัตรากำไรขั้นต้นดีกว่าปีก่อน 19.1%  เผย ปี62 เล็งออกหุ้นกู้ระยะสั้น อายุ 3 ปี มูลค่า 3.8 หมื่นลบ. หวังลดต้นทุนทางการเงิน  แย้มอยู่ระหว่างทำแผนธุรกิจปี 62 คาดสรุปธันวาคมนี้ 

 

นายรามี บีไรเนน ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เปิดเผยว่า บริษัทฯ มั่นใจผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2561 จะเติบโตได้ดี เนื่องจากเข้าสู่ไฮซีซั่นของธุรกิจ ทำให้ทุกกลุ่มธุรกิจมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทฯจะมีการออกแคมเปญใหม่ๆเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายรวมถึงออกสินค้าใหม่ อาทิ เทสโต้ รสไข่เข็มที่จะออกจำหน่ายในต้นเดือนธันวาคมนี้ รวมถึงมาตรการจากรัฐบาลอย่าง "ช็อปช่วยชาติ" ก็จะเข้ามาเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนเช่นกัน จึงทำให้บริษัทฯมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย 7-9% จากปีก่อนที่มีรายได้ 5,210.76 ล้านบาท โดยในงวด 9 เดือนแรกปีนี้บริษัทฯ มีรายได้แล้ว 4,524.17 ล้านบาท ขณะที่คาดอัตรากำไรขั้นต้นจะดีกว่าปีก่อนที่ยู่ที่ระดับ 19.1%

 

ส่วนผลการดำเนินงานปี 2562 บริษัทฯคาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามการขยายสาขา Big C (ไฮเปอร์มาร์เก็ต) เพิ่ม โดยในประเทศไทยมีแผนเปิดเพิ่มอีก 7 สาขา ขณะในประเทศกัมพูชาจะเปิดอีก 1 สาขา จากปัจจุบัน บริษัทฯมีทั้งหมด 143 สาขา และในสิ้นปีนี้บริษัทฯเตรียมขยายเพิ่มอีก 5 สาขา และใช้งบลงทุนราว 300 ล้านบาท/สาขา ส่วน Bic C Mini บริษัทฯเตรียมเปิดเพิ่มอีก 300 สาขาในปีหน้า จากปัจจุบันมี 691 สาขา โดยสิ้นปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะเปิดได้ทั้งสิ้น 150 สาขา และใช้งบลงทุนราว 4.5-5 ล้านบาท/สาขา



พร้อมกันนี้คาดว่าช่วงเทศกาลตรุษจีนในปีหน้า ซึ่งรัฐบาลได้มีมาตรการช็อปตรุษจีน ระหว่าง 1-15 ก.พ.62 บริษัทฯจะได้รับอานิสงส์ ให้เติบโตได้เช่นกันนอกจากนี้ปีหน้า บริษัทฯยังเตรียมออกหุ้นกู้ระยะสั้น 3 ปี ราว 3.8 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ เดือนมีนาคม 1.6 หมื่นล้านบาท และมีต้นทุน 2.5% และเดือนกันยายน 2.2 หมื่นล้านบาท โดยมีต้นทุน 2.3% ทั้งนี้การออกหุ้นกู้ดังกล่าวบริษัทฯหวังนำมาลดต้นทุนทางการเงิน ซึ่งปัจจุบันมีหนี้สินทั้งสิ้น 1.5 แสนล้านบาท มีต้นทุนดอกเบี้ยเฉลี่ย 3% ต่อปี

 

ขณะที่ บริษัท บิ๊กซี รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ยื่นประกาศเข้าถือหลักทรัพย์ บริษัท ไวท์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ WG โดยเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการในสัดส่วน 8,882,182 หุ้น คิดเป็น 49.76% ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด ในราคาเสนอหุ้นละ 180 บาท คิดเป็นมุลค่าเสนอซื้อ 1,598.79 ล้านบาท คาดว่าจะยื่นคำเสนอซื้ออย่างเป็นทางการได้ภายในเดือนธันวาคมนี้

 

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการทำแผน ปี 2562 โดยคาดว่าจะสรุปได้ในเดือนธันวาคมนี้ 

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้

ออกบทวิเคราะห์เปิดเผยว่า บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC ปรับประมาณการกำไรลง ด้วยมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2019 ที่ 64.00 บาท หลังจากที่ไม่มีปัจจัยบวกจากการปรับปรุงรายการภาษี และการฟื้นตัวของการบริโภคยังดูช้ากว่าที่คาด รวมถึงอาจเผชิญการแข่งขันที่มากขึ้นในธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต ทำให้เราปรับลดประมาณการกำไรและมูลค่าพื้นฐานปี 2019 (DCF) อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องของธุรกิจค้าปลีก และกำไรที่คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นของธุรกิจบรรจุภัณฑ์จะยังคงเป็นปัจจัยหนุนกำไร ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงราว 10% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ราคาหุ้นที่ซื้อขายในระดับ PE 29 เท่า (-0.5 S.D.) ในปี 2019 ดูน่าสนใจมากขึ้น เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก "Outperform" เป็น "ซื้อ"

 


บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)

ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า BJC ซื้อหุ้น WG 50.2% เป็นเงิน 1.6 พันล้านบาท โดยซื้อทั้งหมด 8.97 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 180 บาท เป็นการซื้อจาก OSP 23.4%, จาก MDX Assets 8.8% และจากผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นอีก 18.1% WG ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ สำหรับการใช้เฉพาะอย่าง เช่น เคมีภัณฑ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี & อาหาร, เคมีวิเคราะห์และอุปกรณ์ห้องปฎิบัติการ, ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ และลงทุนในบริษัทอื่นๆ ในงวด 9M61 บริษัทมีรายได้ 864 ล้านบาท กำไรสุทธิ 103 ล้านบาท และกำไรสุทธิต่อหุ้น 5.76 บาท มี BVS ณ สิ้นก.ย.61 เท่ากับ 99.52 บาท/หุ้น BJC จะทำเทนเดอร์ฯหุ้นที่เหลือ 49.8% ที่ราคาหุ้นละ 180 บาทในช่วงเดือนธ.ค.61-กลางม.ค.62 ซึ่งต้องใช้เงินอีกราว 1.6 พันล้านบาท (ถ้าซื้อได้ 100% ก็จะใช้เงินลงทุนทั้งหมด 3.2 พันล้านบาท โดยมาจากการกู้ยืมทั้งหมด

 

ทั้งนี้ราคาซื้อคิดเป็น P/E ปีนี้ที่ประมาณ 23 เท่า และ P/BV ราว 1.8 เท่า ทาง DBSVTH มีมุมมองเป็นกลางต่อการซื้อกิจการครั้งนี้ โดยการซื้อ WG จะทำให้กำไรสุทธิของ BJC ในระยะสั้นเพิ่มขึ้นเพียง 1% ของกำไรสุทธิทั้งหมดของ BJC (สุทธิจากดอกเบี้ยจ่ายแล้ว) แต่ก็มีโอกาสที่จะสร้างส่วนเพิ่มกำไรมากขึ้นในระยะยาวเมื่อเกิด Synergies ทางธุรกิจเต็มที่ คงคำแนะนำซื้อ BJC ให้ราคาพื้นฐาน 70 บาท

 

บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย)

ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า 3 เหตุผลที่คงคำแนะนำ "ซื้อ" 1) BJC ประกาศเข้าถือหุ้นใน WG ได้ทั้งธุรกิจเคมีภัณฑ์และทรัพย์สินใช้เงินลงทุน 1.6 พันล้านบาท ด้วยเงินกู้ทั้งจำนวน ขณะที่ 2) ระยะสั้น SSSG ใน 4Q61 คาดเป็นบวกต่อจาก 3Q61 จากการเข้าสู่ฤดูกาล และรอลุ้นมาตรการช็อปช่วยชาติจากรัฐบาลเร็วๆ นี้ ส่วน 3) ระยะยาว BJC คงแผนพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์ใหม่ต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด พร้อมแผนการลงทุนขยายลูกค้าต่างประเทศในกลุ่ม CLMV ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2562 ที่ 73 บาท

 

BRH บริษัทย่อยของ BJC เข้าซื้อ WG จำนวน 8.9 ล้านหุ้นๆ ละ 180 บาท วงเงินลงทุน 1.6 พันล้านบาท ด้วยสัดส่วนถือหุ้น 50.24% โดยใช้เงินกู้ทั้งจำนวน นอกจากนี้บริษัทจะจัดทำ Tender offer ตามเกณฑ์ของตลาด สำหรับหุ้นส่วนที่เหลือ 49.76% ช่วงเดือน ธ.ค.2561- กลางเดือน ม.ค.2562 ประโยชน์ที่ได้รับนอกเหนือจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ต่อยอดธุรกิจในเครือ BJC แล้ว อาคารสำนักงาน WG ติดกับสนญ.ของ BJC ที่ซอยรูเบีย ส่วนคลังสินค้าใกล้กับของ BJC ที่ถ.บางนา-ตราด เช่นกัน ขั้นตอนแล้วเสร็จในช่วงเดือน ม.ค. 2562 (รายละเอียดเบื้องต้นบริษัท WG : ธุรกิจหลักนำเข้าและจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์อุตสาหกรรม,ธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์กล่มอุตสาหกรรม หมวดเคมีภัณฑ์ ผลประกอบการปี 2560 รายได้ 1.1 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 138 ล้านบาท สำหรับในงวด 9M61 มีกำไรสุทธิ 103 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย 12% สถานะการเงินแข็งแกร่งมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.14 เท่า)

 

นอกจากนี้ BJC เดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค เช่นขนมขบเคี้ยว "เทสโต" เพิ่มรสชาติใหม่ "รสไข่เค็ม" หลังรสชาติ Emperor Chili และ BBQ Spicy ช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 10% จากเดิม 8% และ ปรับบรรจุภัณฑ์ใหม่ของสบู่ตรานกแก้ว และกระดาษทิชชู่ โดยนำโลโก้ของกลุ่ม "Line friend collection" มาใช้ ซึ่งได้รับการตอบรับดีจากกลุ่มลูกค้า

 

คาด SSSG ใน 4Q61 เป็นบวกต่อจาก 3Q61 ที่ทำได้ที่ +2.5% แม้เดือน ต.ค.จะมีผลกระทบจากช่วงท้ายของฤดูฝนก็ตาม แต่เดือน พ.ย.-ธ.ค.เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นช่วยหนุนแรงซื้อ นอกจากนี้ยังเป็นช่วงต้นของการเริ่มเข้าสู่การเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2562 เราคาดว่าจะเห็นการจับจ่ายใช้สอยที่มากขึ้น หนุนยอดขายสินค้าทั้งในธุรกิจ BJC และธุรกิจค้าปลีก BIGC และกำไรปกติใน 4Q64 เติบโต QoQ

 


คงคำแนะนำ "ซื้อ" ปรับใช้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2562 ที่ 73 บาท (DCF) เรามีมุมมองเป็นบวกต่อการเข้าซื้อ WG หนุนรายได้ธุรกิจเคมีภัณฑ์ และ SYNERGY จากอาคารสำนักงาน และ Warehouse ช่วยลดค่าใช้จ่าย SG&A ได้ อีกทั้ง WG เป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแรงและกำไรต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามเรายังไม่รวมงบของ WG เข้าในประมาณการ เพื่อรอสัดส่วนการถือหุ้นสุดท้ายหลังทำ Tender Offers ในเดือน ม.ค. 2562

 

BJC

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

"สโตนวัน (STX)" ลั่นระฆังเทรด หุ้นเหมืองหินรายแรกในตลท.

"สโตนวัน (STX)" ลั่นระฆังเทรด หุ้นเหมืองหินรายแรกในตลท.

จบในวัน By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง เมื่อข่าวบวก ข่าวดีมา เล่นหุ้น ก็ต้อง เผด็จศึก จบในวัน ทำกำไร ไม่ต้องรอ ฟ้าสาง เพราะฟ้า...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้