Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : BJC ปักหลักปีนี้รายได้โต 7-9%

5,293

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (28 พฤษภาคม 2561) BJC ตั้งเป้าปี 61 รายได้รวมโต 7-9% คาดยอดขายสาขาเดิม โต 3-5% หวังบอลโลกหนุนธุรกิจบรรจุภัณฑ์- อุปโภคบริโภค ประเมินยอดขาย Q2/61 ต่ำกว่า Q1/61 เหตุเข้าช่วงโลว์ซีซั่น - ต้นทุนน้ำมัน- น้ำตาลพุ่ง ทุ่มงบ 300 ลบ. เปิดบิ๊กซีไฮเปอร์มาร์เก็ต แห่งแรกในกัมพูชา คาดเปิดให้บริการ ก.ค. ปี 62

นายธนพร เตชวิวรรธน์ ผู้จัดการนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมในปี 2561 เติบโต 7-9% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.64 แสนล้านบาท โดยคาดยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) ของ BIGC จะเติบโต3-5 % เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วกระป๋อง และธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค มีการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างไรก็ตามคาดยอดขายในช่วง Q2/61 อาจจะต่ำกว่า Q1/61 เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคจะซบเซาลง และเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นของธุรกิจ ประกอบกับต้นทุนในส่วนของราคาน้ำมัน และน้ำตาลเพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังได้มีการขยายธุรกิจในต่างประเทศ โดยเตรียมเปิดบิ๊กซีไฮเปอร์มาร์เก็ต 1 แห่ง ที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นการเปิดสาขาแรก คาดใช้เงินลงทุนกว่า 300 ล้านบาท คาดเปิดให้บริการได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม ปี 2562 สำหรับการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทได้เตรียมแผนที่จะออกสินค้าใหม่เกือบทุกเดือน เพื่อรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้บริษัทยังได้รุกการตลาดของสินค้าทุกๆตัว เพื่อที่จะทำให้ธุรกิจได้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า มีมุมมองเป็นกลางต่อการประชุมนักวิเคราะห์ของ BJC โดยปัจจัยจากสภาพอากาศที่มีภาวะฝนตกค่อนข้างมากและมาเร็วกว่าฤดูกาลปกติ อาจทำให้ผู้บริโภคออกมาจับจ่ายใช้สอยน้อยลง อย่างไรก็ตามในเดือน มิย.-กค.จะเข้าสู่ช่วงฟุตบอลโลก ซึ่งมีโอกาสที่จะกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค ตลอดจนคาดหวังการเติบโตของกำไรมาจากการเพิ่ม private brand ในปี 2018 ยังเติบโตโดย BIGC มีแผนเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง โดยมีแผนจะขยายสาขา hypermarket 8 แห่งและ mini BIGC อีก 200 แห่ง ประเมินมูลค่า โดยอิงวิธีส่วนลดกระแสเงินสด (DCF)ได้ราคาเหมาะสมที่ 72 บาท คงคำแนะนำ "ซื้อ"


ภาพจาก : http://www.bjc.co.th


อนึ่ง BJC คาดหวังการเติบโตของกำไรมาจากการเพิ่ม private brand รวมถึงความสามารถในการทำกำไรที่คาดว่าจะดีขึ้นของกลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ กลุ่มสินค้าและบริการอุปโภคบริโภค และกลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และเทคนิค นอกจากนี้ BJC จะมีการเพิ่มลูกค้าธรกิจ business to business (B2B) จาก 7,600 รายเป็นมากกว่า 12,500 ราย ณ ปัจจุบัน เป็นการเจาะตลาดพวกกลุ่มโรงแรม ภัตตาคาร และธุรกิจจัดงานเลี้ยง อีกทั้งธุรกิจกระป๋องสามารถเดินได้เต็มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการที่จะมีมากขึ้นมองว่า ในปี 2018 ยังเติบโตต่อเนื่อง โดย BIGC มีแผนเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง โดยมีแผนจะขยายสาขา hypermarket 8 แห่งและ mini BIGC อีก 200 แห่ง จากปีก่อนที่ 186 แห่ง BJC ยังมีแผนขยายเตาแก้วโรงงานที่ 5 ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ใน 3Q18 รวมถึงรับรู้รายได้เต็มปีจากสาขาของ BIGC 9 แห่งที่เปิดไปในปี 2017 อนึงธุรกิจกระดาษในเวียดนามเริ่มเดินหน้าในส่วนของวีนา เปเปอร์ตามความต้องการที่มากในประเทศเวียดนาม

คาดว่าการปรับโครงสร้างภาษีจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากการกลับรายการภาษี คาดว่าอัตราภาษีนิติบุคคล effective tax rate จากเดิมที่เคลื่อนไหวในระดับ 24-25% จะลงมาที่ 20% ในปี 2018 เราประเมินมูลค่า โดยอิงวิธีส่วนลดกระแสเงินสด (DCF) โดยอิง WACC ที่ 6.4% และ terminal growth 3% สะท้อนธุรกิจที่ยังเติบโตในระยะยาว ได้ราคาเหมาะสมที่ 72 บาท ใกล้เคียงกับ PE เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลังที่ 41 เท่า คงคำแนะนำ "ซื้อ" ความเสี่ยง:การชะลอตัวของการบริโภคในประเทศ, การแข่งขันในอุตสาหกรรมค้าปลีก, ปัญหาทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจ, ภัยธรรมชาติและอื่นๆ

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เปิดเผยในบทวิเคราะห์หลักทรัย์ว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์ คาดว่าทุกกลุ่มธุรกิจของ BJC ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีโดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์และสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากยอดขายเพิ่มขึ้นและควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ แม้คาดกำไร 2Q61 ชะลอลงตามผลของฤดูกาล แต่จะเติบโตแข็งแกร่ง YoY ส่วนใน 2H61 อาจได้ประโยชน์จากอัตราภาษีลดลงจากการปรับโครงสร้างภายในบริษัททำให้นำดอกเบี้ยจ่ายจากการซื้อกิจการ BigC มาหักภาษีได้ เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย (DCF) 68 บาท


คาดธุรกิจบรรจุภัณฑ์อยู่ในเกณฑ์ดีต่อเนื่อง ยอดขายกระป๋องอลูมิเนียมยังแข็งแกร่งจากลูกค้ากลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง และมีการผลิตกระป๋องแบบใหม่ให้กับโค้ก (ขนาดเล็ก 180 ml.) อีกทั้งมีโอกาสได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นจากแนวโน้มการเปลี่ยนกระป๋องกาแฟสำเร็จรูปเป็นกระป๋องอลูมิเนียมจากปัจจุบันที่ใช้กระป๋องเหล็ก ส่วนการผลิตขวดแก้วมีประสิทธิภาพสูงขึ้นจากการเปิดเตาที่ 4 เมื่อ 4Q60 และจะประหยัดต้นทุนอีกเมื่อเริ่มเตาที่ 5 ใน 3Q-4Q61 ขณะที่ต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นจะถูกชดเชยด้วยต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงจากราคาเศษแก้วที่ปรับตัวลดลงคาดธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัวจากทั้งกลุ่มอาหารและไม่ใช่อาหาร โดยสินค้าขนมขบเคี้ยว คือ เทสโต้ และ โดโซะ มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นหลังการออกสินค้าใหม่และตลาดเติบโตขึ้น ขณะที่มีการควบคุมต้นทุนได้ดีและราคาวัตถุดิบน้ำมันปาล์มลดลง ธุรกิจกระดาษทิชชู่ยังได้ผลบวกจากโรงงานกระดาษที่เวียดนามซึ่งเริ่มเมื่อปลายปีก่อน ในส่วนของธุรกิจเวชภัณฑ์และเครื่องมือแพทย์ซึ่งเลื่อนการส่งมอบจาก 1Q61 คาดจะทยอยติดตั้งเครื่องมือแพทย์ (โครงการก้าวคนละก้าว) ใน 2Q61 เป็นต้นไป

ภาพจาก : https://en.wikipedia.org/wiki/Big_C


คาด BigC ชะลอตัว QoQ ตามผลของฤดูกาล และฝนตกบ่อย รวมทั้ง Food deflation ทำให้คาด SSSG เดือน เม.ย. ติดลบเล็กน้อย แต่อาจฟื้นตัวในเดือน มิ.ย. ซึ่งมีฟุตบอลโลก อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบ YoY คาด BigC ยังเติบโตจากการขยายสาขาตามแผน รวมทั้งการขยายกลุ่มลูกค้า B2B และเพิ่มสัดส่วนสินค้า Private brand ขณะที่การให้เช่าพื้นที่ยังสร้างรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนการขยายสาขาไปต่างประเทศคาดว่ายังไม่ส่งผลกระทบในระยะสั้น โดย BigC จะเปิดสาขาขนาดเล็ก (3K) ที่กัมพูชา กลางปีหน้าความเสี่ยง : ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น / Synergy ไม่เป็นตามเป้าหมาย / การแข่งขันสูงในธุรกิจค้าปลีก / ลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อ

บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุ 3 เหตุผลคงน้ำหนักกลุ่มค้าปลีก "มากกว่าตลาด" 1)ภาพรวมกำไร 1Q61 ในกลุ่มค้าปลีกเติบโต 19% YoY ผลของ SSSG ที่เป็นบวกและกลยุทธ์การรักษามาร์จิ้น 2) แนวโน้มกำไร 2Q61 จะยังขยายตัวด้วยแรงกระตุ้นจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เทศกาลสงกรานต์และการแข่งขันฟุตบอลโลกในช่วงกลางเดือนมิ.ย จะกระตุ้นให้ SSSG โดยเฉลี่ยของกลุ่มยังเป็นบวกอีกไตรมาส 3) กลุ่มค้าปลีกมีระดับราคาตลาดที่ปรับตัวลง 6% นับตั้งแต่วันที่ 15 พค. เกิดจากการปรับลดน้ำหนัการลงทุนของ MSCI Thailand ทำให้ BJC และ CPALL มีการปรับฐานลง ขณะที่แนวโน้มการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปีมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง กลายเป็นโอกาสของการสะสม โดยเราเลือก BJC และ CPALL เป็น Top Pick ของกลุ่ม 1Q61 กำไรโตเด่น YoY


คาดกลุ่มค้าปลีกยังมีปัจจัยหนุนที่ดีจากภาพรวมของเศรษฐกิจไทย เช่น GDP ปี 2561 ที่ทาง สศช. เพิ่มเป็น 4.2-4.7% จากเดิมที่ 3.6-4.6% โดยทาง สศช. หลังจากใน 1Q61 มีตัวเลขที่ขยายตัวถึง 4.8% สูงสุดในรอบ 20 ไตรมาส นอกจากนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI) เดือน เม.ย อยู่ที่ 80.9 จุด สูงสุดในรอบ 40 เดือน และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคต ปรับดีขึ้นเป็น 91.9 จุด เป็นระดับสูงสุดในรอบ 61 เดือน ทำให้เราเชื่อว่าแนวโน้มการบริโภคในประเทศ จะมีโมเมนตั้มเชิงบวกคำแนะนำกลุ่ม "มากกว่าตลาด" คงน้ำหนักของกลุ่ม" มากกว่าตลาด" เลือก BJC เป็นหุ้น Top Pick ด้วยราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2561 ที่ 72 บาท จาก SSSG ปีนี้คาดบวก 2-5% เทียบจากปีก่อนที่ -5% ขณะที่แผนระยะยาวมีโอกาสขยายตลาดสินค้าเข้าไปในกลุ่ม CLMV ทั้งในส่วนของการเพิ่มกำลังการผลิต และเพิ่มสาขา BIGC ที่ได้แรงหนุนจาก TCC Group และ CPALL ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2561 เท่ากับ 103 บาท จาก SSSG ที่อยู่ระดับ 3-5% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม ที่ 2% บวกกับโอกาสขยายธุรกิจใน Banking Agent เป็น Upside Risk ที่ไม่ได้รวมไว้ในประมาณการ

คำค้นหา

 BJC     BigC  

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

GUNKUL ลุยขยายพอร์ตพลังงานทดแทน

GUNKUL ลุยขยายพอร์ตพลังงานทดแทน

ติดตาม By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ หลังจาก นายกฯคุยกับนายแบงก์ วันนี้ สมาคมธนาคารไทย ก็ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อย...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้