Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : DNA ทุ่ม 43.50 ลบ. ซื้อหุ้น 2 ธุรกิจ

3,049

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 24 กันยายน 2561)

DNA ทุ่ม 43.50 ลบ. ซื้อหุ้นธุรกิจที่รับชำระเงินค่าบริการต่างๆ ด้วยระบบแอพพิเคชั่น และระบบอิเล็กทรอนิกส์ "เพย์นาว"  30% -ซื้อหุ้นธุรกิจCall Center  "ไทย คอล เซ็นเตอร์"  45%

 

นายศิริศักดิ์ ปิยทัสสีกุล กรรมการ บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) DNA เปิดเผยว่า ด้วยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) ครั้งที่ 7/2561 เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2561 ได้มีมติอนุมัติในเรื่องดังต่อไปนี้


1. ขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าซื้อขายหุ้นของบริษัท บัน จำกัด ส่วนที่เหลือทั้งหมดเป็นเงินจำนวน 46.4 ล้านบาท โดยกาหนดชาระเงินให้ครบถ้วนภายในวันที่ 28 กันยายน 2561 ซึ่งภายในวันดังกล่าว ผู้ซื้อไม่สามารถนำเงินมาชาระให้ครบถ้วนได้ บริษัทจะดำเนินการทางกฎหมายและใช้สิทธิริบเงินงวดแรกที่ได้จ่ายมาก่อนหน้าแล้วจำนวน 11.6 ล้านบาท ซึ่งตามเงื่อนไขของสัญญากำหนดว่าหากผู้ซื้อผิดสัญญา บริษัทมีสิทธิริบเงินที่ชำระงวดแรกทั้งหมด และบริษัทจะส่งมอบหุ้นสามัญทั้งจำนวนก็ต่อเมื่อผู้ซื้อได้ชำระราคาครบถ้วนแล้วเท่านั้น

 

2. อนุมัติเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์โดยการลงทุนในบริษัท เพย์นาว จำกัด (“Paynow”) ด้วยการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ Paynow จากนายวงศ์วริศ ศุภปฐวีพงศ์ จำนวน 300,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของ Paynow มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ในราคาหุ้นละ 100 บาท (หนึ่งร้อยบาท) คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 30,000,000 บาท (สามสิบล้านบาท) ผลประโยชน์ที่บริษัทคาดว่าจะได้รับธุรกิจของ Paynow เป็นธุรกิจที่รับชำระเงินค่าบริการต่างๆ ด้วยระบบแอพพิเคชั่น และระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะได้รายได้มาจากค่าบริการและค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากหน่วยงานต่างๆ ที่เข้ามาใช้บริการระบบของ Paynow ซึ่งในปัจจุบัน อยู่ระหว่างการเข้าทำสัญญากับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง ซึ่งการที่บริษัทเข้าลงทุนในครั้งนี้ บริษัทจะได้รับประโยชน์จากส่วนแบ่งรายได้ของ Paynow และรูปแบบการทำธุรกิจด้านอื่นๆ นอกจากธุรกิจปัจจุบันของบริษัทสำหรับแหล่งที่มาของเงินทุนในการเข้าทำธุรกรรมฯ ในครั้งนี้ บริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดภายในของบริษัท

 

3. อนุมัติเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์โดยการลงทุนในบริษัท ไทย คอล เซ็นเตอร์ เซอร์วิส จำกัด (“TCC”) ด้วยการเข้าซื้อหุ้นสามัญของ TCC จากนางจรัสศรี แช่เตียว จำนวน 135,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 45 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของ TCC มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท ในราคาหุ้นละ 100 บาท (หนึ่งร้อยบาท) คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 13,500,000 บาท (สิบสามล้านห้าแสนบาท)

 

ทั้งนี้ผลประโยชน์ที่บริษัทคาดว่าจะได้รับ ธุรกิจของ TCC เป็นธุรกิจที่ให้บริการทางด้านการให้ข้อมูลทางโทรศัพท์ (Call Center) ให้แก่หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาครัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ซึ่งการที่บริษัทเข้าลงทุนในครั้งนี้ บริษัทจะได้รับประโยชน์จากส่วนแบ่งรายได้ของ TCC และรูปแบบการทาธุรกิจด้านอื่นๆ นอกจากธุรกิจปัจจุบันของบริษัท โดยในการเข้าทำธุรกรรมฯ ในครั้งนี้ บริษัทจะใช้แหล่งเงินทุนจากกระแสเงินสดภายในของบริษัท

 

การเข้าทำรายการดังกล่าวข้างต้น ถือเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ. 20/2551 เรื่อง หลักเกณฑ์ในการทำรายการที่มีนัยสำคัญที่เข้าข่ายเป็นการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ และประกาศคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปิดเผยข้อมูลและการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ พ.ศ. 2547 (“ประกาศรายการได้มาหรือจาหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์”) จากผลการคำนวณขนาดรายการตามประกาศการได้มาหรือจาหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ มีขนาดรายการรวมสูงสุดที่คำนวณตามตามเกณฑ์มูลค่ารวมของสิ่งตอบแทน เท่ากับร้อยละ 6.25 (สาหรับกรณีการเข้าลงทุนใน Paynow) และจากผลการคำนวณขนาดรายการตามประกาศการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ มีขนาดรายการรวมสูงสุดที่คานวณตามตามเกณฑ์กาไรสุทธิ เท่ากับร้อยละ 3.15 (สำหรับกรณีการเข้าลงทุนใน TCC) ซึ่งจากงบการเงินรวมของบริษัทสิ้นสุด ณ วันที่30 มิถุนายน 2561 ซึ่งมีขนาดรายการน้อยกว่าร้อยละ 15 ดังนั้น บริษัทจึงไม่มีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลใดๆ เพิ่มเติมต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลาดหลักทรัพย์”) แต่อย่างใด

 

 

อนึ่งก่อนหน้านี้ นายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือ DNA เปิดเผยกับสำนักข่าวหุ้นอินไซด์ว่าภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2561 ที่ผ่านมาบริษัทฯมีกำไร 51.46 ล้านบาท พลิกฟื้นจากช่วงเดียวกันของปี 2560 ที่มีผลประกอบการขาดทุน 46.58 ล้านบาท หลังบริษัทฯยังคงมุ่งมั่นปรับแผนธุรกิจให้มีเพียงธุรกิจที่มีประโยชน์และสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัทเท่านั้น โดยที่ผ่านมาบริษัทฯได้ขายธุรกิจที่ไม่ได้สร้างผลกำไรออกไป และได้ลดบุคคลากรลง เพื่อลดต้นทุนค่าใช่จ่าย เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น

 

สำหรับปัจจุบันธุรกิจที่มีการเติบโตและสร้างรายได้มากที่สุด คือ ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสาร และ Accessory ต่างๆ ภายใต้ ร้านคิงคองโฟน(KingKong Phone) ซึ่งร้านคิงคองโฟน จะเน้นจำน่ายสินค้าของระบบแอนดรอยด์เป็นหลัก เจาะกลุ่มระดับกลาง-ล่าง โดยปีนี้มั่นใจว่ายอดขายจากร้านคิงคองโฟนจะเติบโตแตะระดับ 1,000 ล้านบาท จากไตรมาส 2/2561 บริษัทฯมียอดขายจากร้านคิงคองโฟนราว 700 ล้านบาท ในขณะที่เมื่อสิ้นปี 2560 บริษัทมียอดขายจากร้านคิงคองโฟนราว 400 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ 2/2561 ร้านคิงคองโฟนมีสาขารวมทั้งสิ้น 91 สาขา ขณะที่ไตรมาสที่ 2/2560 มีสาขาเพียง 43 สาขา โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถขยายสาขาได้ถึง 100 สาขาภายในปีนี้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ร้านคิงคองโฟนเติบโตได้อย่างรวดเร็วมาจากการเน้นสร้างความน่าเชื่อถือ สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการซื้อสินค้าประกอบกับบริษัทฯเนื่องมีความชำนาญในการทำธุรกิจรีเทล

 

"ตั้งแต่ผมเขามาบริหาร ผมก็ตัดธุรกิจที่มันไม่ทำเงินออกไป แล้วให้เหลือไว้แค่ธุรกิจทำเงิน ลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ทำให้สองไตรมาสที่ผ่านมาเรามีกำไรขึ้นมาได้ โดยตอนนี้ธุรกิจที่เป็นตัวเด่นสร้างรายได้มากที่สุด คือ ร้านขายมือถือ คิงคองโฟน ซึ่งมีการเติบโตเป็นอย่างมากจากสิ้นปีที่แล้ว ยอดขายอยู่ที่ 400 กว่าล้านบาท สิ้นไตรมาสสองตอนนี้โตเเป็น 700 กว่าล้านบาท และเราจะขยายให้ถึง 100 สาขาในปีนี้ และยอดขายแตะระดับ 1,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน ซึ่งมองแล้วโตขึ้นราว 200-300 % โดยแต่ละสาขาเราใช้เงินลงทุนไม่เยอะ ใช้วิธีแบบร้านดีเอ็นเอสมัยก่อน เน้นขายมือถือระดับกลางและล่าง ไม่ได้ขายพวกไอโฟน เพราะเป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันห่ำหั่นมาก เราจะเปิดสาขาอยู่ตามห้างโลตัส บิ๊กซีทั่วไป" นายอมฤทธิ์ กล่าว

 

นอกจากนี้ ยังมีโครงการลงทุนในธุรกิจจำหน่ายน้ำประปา ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ได้มีมติเห็นชอบให้ บริษัท เสม็ดยูทิลิตี้ส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในเครือของ DNA เป็นผู้ดำเนินการโครงการวางระบบประปา เพื่อบริหารจัดการน้ำบนพื้นที่เกาะเสม็ด เป็นระยะเวลา 25 ปี อีกทั้งบริษัทฯยังได้รับสัมปทานดูแลการบำบัดน้ำเสียของอุทยานเพิ่มเติมอีกด้วย โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายในต้นปี 2562ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้าง 1 ปี และจะสามารถเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2563

 

นายอมฤทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯยังคงมองหาธุรกิจใหม่ๆที่เน้นการสร้างความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาที่จะทำธุรกิจพลังงานทดแทน แต่คงมีความแตกต่างจากพลังงานทดแทนประเภทพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม เนื่องจากมองว่ามีการแข่งขันสูงในปัจจุบัน โดยบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้ อีกทั้งบริษัทฯยังได้ศึกษาที่จะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศในอนาคตด้วย

 


ด้านกระแสเงินทุนของบริษัทฯ หลังจากที่ผลการดำเนินงานโดยรวมพลิกกลับมามีกำไร บริษัทฯเชื่อจะสามารถสร้างกระแสเงินสดเพื่อให้มีเงินทุนหมุนเวียน และจะใช้การกู้จากสถาบันการเงินเพิ่มเติมในการขยายธุรกิจ โดยไม่มีความคิดที่จะเพิ่มทุนให้ตกเป็นภาระกับผู้ถือหุ้น นายอมฤทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัทฯได้มีการหารือในประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในการพิจารณาเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ เพื่อให้เป็นชื่อที่เหมาะสมกับการดำเนินธุรกิจต่อไปในอนาคต โดยคาดว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในปี 2562

 

DNA

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

GUNKUL ลุยขยายพอร์ตพลังงานทดแทน

GUNKUL ลุยขยายพอร์ตพลังงานทดแทน

ติดตาม By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ หลังจาก นายกฯคุยกับนายแบงก์ วันนี้ สมาคมธนาคารไทย ก็ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อย...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้