Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : DOD เซ็น MOU กรมการแพทย์แผนไทยฯ ขับเคลื่อนสมุนไพรไทยสู่เวทีโลก / ย้ำปี 61 โตฉลุย

4,212

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (19 กรกฎาคม 2561) บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) ขานรับนโยบายแผนแม่บทสมุนไพรแห่งชาติ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ช่วยผลักดันผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย สู่ตลาดโลก ด้านผู้บริหาร "ศุภมาส อิศรภักดี" ระบุ การจัดตั้งโรงสกัด - ห้อง Lab ของ DOD เป็นการยกระดับมาตรฐานสารสกัดไทย ให้เทียบเท่ากับมาตรฐานสากล และถือเป็นบริษัทเอกชนแห่งแรกๆที่นำนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้

 

นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยว่า วันนี้ (19 ก.ค.61) บริษัทฯได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อช่วยกันขับเคลื่อน สนับสนุนและส่งเสริมผลิตภัณฑ์สมุนไพรของประเทศไทย สู่ตลาดสากล ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ ได้ดำเนินตามแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับที่ 1 (พ.ศ.2560-2564) ของกระทรวงสาธารณสุข

 

โดยรูปแบบความร่วมมือดังกล่าว บริษัทฯ จะดำเนินการลงทุนก่อสร้างโรงสกัดสมุนไพร ที่มีมาตรฐานพร้อมด้วยนวัตกรรม และเทคโนโลยีที่ทันสมัย (Green Technology) และยังช่วยส่งเสริมการปลูกและวางแผนการทำ Contract farming ให้กับเกษตรกรในเชิงอุตสาหกรรม และยังช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ต่อยอดจากสารสกัด รวมถึงการสร้างห้องปฏิบัติการกลาง ในการตรวจวิเคราะห์คุณภาพสารสกัดและผลิตภัณฑ์จากสารสกัดสมุนไพร

 

 

ขณะเดียวกัน กรมการแพทย์แผนไทยฯ จะดำเนินการด้านการให้คำปรึกษาออกแบบโรงงานสกัดสมุนไพรและคัดสรรเทคโนโลยีการสกัดที่ทันสมัยที่สุด รวมถึงถ่ายทอดองค์ความรู้ ด้านการสกัดสมุนไพรและการตรวจวิเคราะห์คุณภาพสารสกัดสมุนไพร เป็นต้น นางสาวศุภมาส ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า " DOD " จะเป็นหนึ่งในบริษัทเอกชน ที่พร้อมจะขับเคลื่อน สนับสนุนและส่งเสริมผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อช่วยกันสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจไทย ให้มีความมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งเราคาดหวังว่า ความร่วมมือครั้งนี้ จะทำให้อุตสาหกรรมสมุนไพรไทย สามารถเติบโตได้ในเวทีโลก " ในอนาคตข้างหน้าประเทศไทย จะเป็นประเทศส่งออกวัตถุดิบสมุนไพรคุณภาพและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นนำของภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งยังเป็นการเพิ่มขีดความสามารถ ด้านการแข่งขันของสมุนไพรไทยในตลาดทั้งในและต่างประเทศ ที่จะนำความมั่นคงและยั่งยืนต่อเศรษฐกิจไทย มาสู่ประเทศในอนาคต ซึ่ง DOD จะร่วมขับเคลื่อนและผลักดันให้ผลิตภัณฑ์ "สมุนไพรไทย" คงคุณค่าและอุดมไปด้วยสารสกัด ที่เป็นประโยชน์สูงสุด " นางสาวศุภมาส กล่าว

 


อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ " DOD " อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม ในการออกแบบ และก่อสร้างโรงสกัด แห่งที่ 2 โดยเน้นใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสกัดที่ทันสมัยที่สุด พร้อมห้องปฏิบัติการกลางระดับสากล ที่ได้มาตรฐาน ISO 17025 เพื่อใช้ในการวิเคราะห์สารออกฤทธิ์ และตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะของสารสกัดที่ได้จากโรงสกัด ที่สามารถนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยบริษัทฯ มีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) ที่มีประสบการณ์ด้านวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์จากพืชสมุนไพรไทยดังนั้นจึงมองว่า การจัดตั้งโรงสกัด ของ DOD จะเป็นการยกระดับมาตรฐาน สารสกัดไทย ให้เทียบเท่ากับมาตรฐานสากล และยังเป็นการช่วยลดการขาดดุลทางการค้ากับต่างชาติ ซึ่งโรงสกัดดังกล่าว คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 โดย DOD ถือเป็นบริษัทเอกชนแห่งแรกๆ ที่นำนวัตกรรมโรงสกัด ซึ่งเทียบเท่าระดับสากล มาสกัดสารจากพืชสมุนไพรไทย

 

 

 

บิ๊ก DOD ส่งซิกงบปี 61 โตกว่าปีก่อน เทียบทั้งปี 60 กำไร 146 ลบ.

นางสาวศุภมาส กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯคาดว่าผลประกอบการในปีนี้เติบโตดีกว่าปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯได้มีการขยายโรงงานผลิตเพิ่มเติมจากพื้นที่ 1 ไร่ เป็น 17 ไร่ ซึ่งทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และสามารถรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น และจากผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 1/2561 ที่มีกำไร 111 ล้านบาท ซึ่งเกือบเท่ากับกำไรปี 2560 ที่ทั้งปีอยู่ที่ 146 ล้านบาท ในขณะเดียวกันผลประกอบการไตรมาส 2/2561 มีแนวโน้มเติบโตกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ถ้าหากเทียบผลประกอบการกับไตรมาสที่1/2561 บริษัทฯไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการรอปิดงบ และจะมีการนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารในวันที่ 9 สิงหาคมนี้ เพื่อดำเนินการอนุมัติงบการเงินไตรมาส 2/61 และนำแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯต่อไป

 


ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุน เมื่อวันอังคารที่ 17 กรกฎาคม 2561 บริษัทได้นำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นไอพีโอ ไปใช้หนี้เงินกู้ยืมสถาบันการเงิน จำนวน 50 ล้านบาท หมดแล้ว ทำให้บริษัทฯเหลืออัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) เพียง 0.08 เท่านั้น จากเดิมอยู่ที่ 0.09 เท่า สำหรับความคืบหน้าในการลงทุนก่อสร้างโรงงานสกัดวัตถุดิบ (โรงที่ 2) รวมถึงลงทุนในเครื่องสกัด ด้วย CO2 เพื่อเพิ่มประสิทธิผลในการสกัดพืชสมุนไพร รวมถึงการลงทุนในห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากลที่ได้มาตรฐาน ISO/IEC 17025 สามารถตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะของสารสกัดที่ได้จากโรงสกัด เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และเป็นสูตรเฉพาะของบริษัท รวมทั้งการให้บริการตรวจวิเคราะห์ทางเคมีและทางจุลชีววิทยากับหน่วยงานภายนอกอื่น ขณะนี้ได้ออกแบบแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างเลือกเครื่องจักรที่จะนำมาใช้ หลังจากนั้นจะนำแบบทั้งหมดเสนอต่อองค์การอาหารและยา (อย.) คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตให้ก่อสร้าง ภายในปีนี้ และจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในต้นปี 2562 ใช้เวลาก่อสร้างประมาน 12 เดือน แล้วเสร็จในปี 2563 ส่วนโรงสกัดวัตถุดิบโรงแรก บริษัทได้จัดตั้งขึ้นเพื่อผลิตสารสกัดใช้เองภายในโรงงานเท่านั้น ไม่ได้มีการดำเนินการทางพาณิชย์แต่อย่างใด

 DOD 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้