Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews : DOD แย้มงบโค้ง 2 โตฉลุย / CHOW ปริมาณขายเหล็กปีนี้พุ่งแตะ 2.7 แสนตัน / BEAUTY ชงบอร์ดซื้อหุ้นคืน หลังราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน

4,517

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (6 กรกฏาคม 2561) บิ๊ก DOD  คาดผลงาน Q2/61  ดีกว่า Q2/60  ที่มีกำไร 50 ลบ.  หลังขยายรง.  หนุนออเดอร์เพิ่ม ประเมินกำไรปีนี้ ดีกว่าปีก่อนที่ทำได้ 142.18 ลบ.  โชว์ Q1/61 กวาด 111.20 ลบ.  พร้อมแจงธุรกิจเป็นรง. ผลิตสินค้า ไม่ใช่เทรดดิ้ง-ค้าปลีก  ระบุต้องเทียบกับ APCO - MEGA เผยเร็วๆ นี้ใช้เงิน IPO คืนหนี้แบงก์ 50 ลบ. เกลี้ยง  มองหากดบ.ขาขึ้น ไม่กระทบบริษัทฯ  เหตุปลอดหนี้ 

นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยกับสำนักข่าวหุ้นอินไซด์ว่า บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/2561 มีแนวโน้มดีกว่าช่วงเดียวกันของปี 2560 เนื่องจากการขยายโรงงานผลิตเพิ่มเติมจากพื้นที่ 1 ไร่ เป็น 17 ไร่ ซึ่งทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และสามารถรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น โดยประเมินภาพรวมผลประกอบการปีนี้ในแง่ของกำไรจะดีกว่าปี 2560 ที่มีกำไรอยู่ที่ 142.18 ล้านบาท โดยไตรมาสที่ 1/2561 บริษัทฯ มีกำไรอยู่ที่ 111.20 ล้านบาท"เราคาดว่า Q2/61 น่าจะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยภาพรวมออกมาเป็นี่น่าพอใจ แต่เรายังไม่ได้ปิดงบ งบจริงน่าจะได้เห็นในเดือน ส.ค.นี้ " นางสาวศุภมาส กล่าว

 


ทั้งนี้บริษัทฯ มีโรงงานตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอยู่เจริญ-ท่าจีน อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร บนที่ดินขนาด 7-2-71.40 ไร่ ประกอบด้วยอาคาร 1 หลัง 2 ชั้น พื้นที่รวม 3,969.50 ตารางเมตร ชั้นบนเป็นส่วนสำนักงาน ชั้นล่างเป็นสำนักงานและห้องประชุม และส่วนผลิตที่เป็นระบบปิดในห้องคลีนรูม ประกอบด้วย ห้องเก็บวัตถุดิบ ห้องผสม ห้องบรรจุผลิตภัณฑ์ เช่น ห้องอัดเม็ดแคปซูล ห้องบรรจุแผงอัตโนมัติ เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทมีโรงงานสกัดวัตถุดิบจากธรรมชาติ เช่น พริก พริกไทย มะระขี้นก เป็นต้น เพื่อผลิตสารสกัดที่ใช้เป็นวัตถุออกฤทธิ์ (Active ingredients) นางสาวศุภมาส กล่าวเพิ่มเติมว่า DOD ประกอบธุรกิจเป็นผู้รับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplement Product) ที่มีส่วนประกอบหลักมาจากสารสกัดจากธรรมชาติ โดยให้บริการครบวงจร แบบ One Stop Service ตั้งแต่การให้คำปรึกษาด้านผลิต การคิดค้นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า การบริการจดแจ้งเลขสารบบอาหารของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า การออกแบบสินค้าและบรรจุภัณฑ์ การให้คำปรึกษาด้านการตลาดและช่องทางในการจัดจำหน่าย ตลอดจนการผลิตและการควบคุมการผลิตที่ได้คุณภาพ โดยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ได้ดังนี้

 

1)ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อความงาม แบ่งออกเป็น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูแลรูปร่าง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารสกัดต่างๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยดูแลรูปร่าง เช่น ช่วยเผาผลาญไขมัน ลดการสะสมของไขมัน และลดความอยากอาหาร เป็นต้น และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูแลผิวพรรณ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ประกอบด้วยสารสกัดต่างๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวพรรณให้นุ่ม ชุ่มชื่นยกกระชับ กระจ่างใส ลดเรือนริ้วรอย และจุดด่างดำบนใบหน้า

2)ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้บริโภครับประทานเพื่อต้องการให้ร่างกายมีประสิทธิภาพดีขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ประกอบด้วยวิตามินแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น สารต้านอนุมูลอิสระ และสารสกัดต่างๆ ที่ช่วยในเรื่องเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบำรุงสมอง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อระบบขับถ่าย และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทโปรตีน

 

ผลิตภัณฑ์ของบริษัทมีการจำหน่ายให้แก่ลูกค้าในประเทศทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นการผลิตตามคำสั่งซื้อของลูกค้าและภายใต้ตราสินค้าที่ลูกค้ากำหนด ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทซื้อมาขายไป (Trading Company) ที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางหรือเป็นผู้รวบรวมคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายย่อยต่างๆ ที่ต้องการมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ตราสินค้าของตนเอง เช่น ดารา นักแสดง ศิลปินหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงต่างๆ ตลอดจนคลินิคเสริมความงาม บริษัทขายตรง หรือบริษัทที่มีหน้าร้านขายสินค้าเครื่องสำอางในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น

 

 

นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพของบริษัทเอง ภายใต้ตราสินค้า “Dai a to” (ได เอโตะ) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อสุขภาพประเภทโปรตีน มีคุณสมบัติช่วยดูแลรูปร่าง ช่วยลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน บำรุงระบบประสาท และบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใส มีลักษณะเป็นผงชงดื่มโดยนำมาผสมน้ำ เขย่าให้เข้ากัน แล้วดื่มทดแทนมื้ออาหาร

 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่มีธุรกิจใกล้เคียงกับบริษัท บริษัทจึงทำการเปรียบเทียบกับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีลักษณะที่ใกล้เคียงกับบริษัท กล่าวคือ บริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งส่วนใหญ่จะผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ตราสินค้าของตัวเอง มีช่องทางจำหน่ายที่ครอบคลุม และมีเครื่องหมายการค้าที่แข็งแกร่ง เป็นต้น บริษัทจดทะเบียนที่ใช้อ้างอิง ได้แก่ บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) (APCO) และ บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) (MEGA)

 

ส่วนปัญหาการปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นของสถาบันการเงินต่างๆ นั้น ไม่ได้มีผลกระทบกับทางบริษัท เนื่องจากเร็วๆนี้ บริษัทฯ ได้นำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ไปจ่ายคืนหนี้ให้กับสถาบันการเงิน จำนวน 50 ล้านบาท ซึ่งทำให้ในอนาคตอันใกล้นี้บริษัทจะไม่มีหนี้สิน ประกอบกับมีเงินทุนหมุนเวียนที่ใช้ในการขยายธุรกิจสูง

 

 

 

CHOW  แย้มครึ่งปีแรก ธุรกิจเหล็ก โตต่อเนื่อง ทั้งปีมั่นใจปริมาณขายพุ่งแตะ 2.7 แสนตัน  จากปีก่อน 1.5  แสนตัน  ส่งซิกครึ่งปีหลัง ออเดอร์เข้าไม่ขาดสาย หลังเซ็น MOU  Tata International  (Asia) ส่งออกไปยังตลาดตปท. ยืนยันคำสั่งซื้อแล้ว20,000 ตัน    มั่นใจภาพรวมปีนี้ รายได้โต 20%  จากปีก่อน  จากธุรกิจเหล็ก - โรงไฟฟ้า หนุน 

นายศุภชัย ยิ้มสุวรรณ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและบริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW เปิดเผยกับสำนักข่าวหุ้นอินไซด์ว่า ผลประกอบการครึ่งปีแรกในส่วนของธุรกิจเหล็กมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้ทั้งปีภาพรวมของธุรกิจก็จะเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ได้รับออเดอร์จาก Tata International Metals (Asia) หลังบริษัทฯ ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางการค้า (MOU) กับ Tata International Metals (Asia) Ltd. (“Tata”) ผู้ประกอบธุรกิจจัดหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กทั่วโลก เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2561 ที่ผ่านมาซึ่ง Tata มีความประสงค์ขอเข้าซื้อผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billets) เพื่อส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ จำนวน 100,000 ตัน ภายในระยะเวลา 12 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน 2561 ถึงเดือนมีนาคม 2562 ในราคาที่สามารถแข่งขันได้ตามสถานการณ์ตลาดเหล็กในช่วงนั้น โดยมีการยืนยันคำสั่งซื้อแล้ว จำนวน 20,000 ตัน

 

 

"มองว่าในภาพรวมว่าเราจะยังเติบโต เนื่องจากว่าเรามีออเดอร์ของ tata international ซึ่งตอน Q2 เราเซ็น MOU ไปแล้ว ก็น่าจะมีออเดอร์เข้ามาเรื่อยๆ " นายศุภชัย กล่าวสำหรับปีนี้ บริษัทฯ คาดว่าปริมาณการขายเหล็กจะอยู่ที่ 2.7 แสนตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 1.5 แสนตัน โดยตั้งเป้ารายได้ทั้งปีโตประมาณ 20% จากปีก่อน นอกจากนี้ ธุรกิจพลังงานทดแทน ในส่วนของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ บริษัทฯ ได้จำหน่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อิวากิ (Iwaki) ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 26.68 เมกะวัตต์( เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 ตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเป็นระยะเวลา 20 ปี

 

อีกทั้งยังเพิ่งลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจ (MOU) กับ Jetion Solar (Thailand) Co., Ltd. ผู้ผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์รายใหญ่ในประเทศจีนและประเทศไทยเพื่อขยายตลาดแผงเซลล์แสงอาทิตย์และอุปกรณ์ในประเทศญี่ปุ่นโดยเบื้องต้นกำหนดเป้าหมายจะส่งออกแผงเซลล์แสงอาทิตย์ประมาณ 100,000 แผง ในระยะเวลา 2 ปีนับจากวันลงนามในบันทึกข้อตกลง

 

"เราหวังว่าจะเป็นไปตามเป้า เรามีแพลนที่จะทำโครงการ COD เพิ่มขึ้น ปีนี้ก็คาดว่าจะมีโครงการ COD เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีโครงการรอการพัฒนาและการก่อสร้างในปีหน้าอีกค่อนข้างเยอะ" นายศุภชัย กล่าว

 

 

สำหรับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ บ้าง เนื่องจากบริษัทฯ มีวัตถุดิบที่นำเข้าเหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ได้ออเดอร์ส่งออกจาก Tata เข้ามาชดเชย จึงมองว่าทั้งปีไม่น่าจะได้รับผลกระทบมาก ส่วนปัญหาสงครามทางการค้า สหรัฐฯ-จีน มองว่าผลกระทบที่ได้รับน่าจะเป็นทางอ้อมมากกว่า โดยตอนที่เหล็กจีนทะลักเข้ามาเมื่อปี 2558 ภาครัฐและสมาคมเหล็กก็มีมาตรการป้องกันตนเองมากขึ้น จึงคาดผลกระทบครั้งนี้จะไม่รุนแรงเท่ากับครั้งก่อน

 

นายศุภชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า บริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) ซึ่งบริษัทย่อย ยังอยู่ในระหว่างดำเนินการที่จะ Spin-off เข้าตลาดหุ้น ซึ่งจะทำให้โครงสร้างตัวธุรกิจเหล็กและธุรกิจพลังงานน่าจะแยกกันชัดเจน อีกทั้งการ Spin-off เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ ยังเป็นการต่อยอดภาพรวมธุรกิจได้ดีขึ้น "ปีนี้ทางบริษัทยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีแพลนที่จะ Spin Off Chow Energy ใกล้เข้ามาแล้ว หวังว่าเราจะ spin of ได้เร็วๆนี้ คิดว่าโครงสร้างตัวธุรกิจเหล็กและธุรกิจพลังงานน่าจะแยกกันชัดเจน คาดว่าการ spin of chow energy ครั้งนี้ น่าจะต่อยอดภาพรวมธุรกิจได้ดีขึ้น" นายศุภชัย กล่าว

 

 

BEAUTY เตรียมเสนอบอร์ดอนุมัติซื้อหุ้นคืน 9 ก.ค.นี้ หลังราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน  ระบุปัจจุบันมีกระแสเงินสดในมือกว่า 1,000 ล้านบาท เพียงพอที่จะใช้ในการลงทุนอื่นๆรวมทั้งซื้อหุ้นคืน 

 

นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด ( มหาชน ) หรือ BEAUTY เปิดว่า วันที่ 9 กรกฎาคม 2561 ทางบริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) จะมีการจัดประชุมคณะกรรมการบริษัท เพื่อขออนุมัติซื้อหุ้นคืน โดยรายละเอียดเรื่องของจำนวน ราคาและวงเงินในการซื้อหุ้นคืนยังไม่ได้ข้อสรุปอันเนื่องจากยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา และจะดำเนินการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต่อไปเมื่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติ ทั้งนี้บริษัทเตรียมเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อขอซื้อหุ้นคืน ในวันจันทร์ที่ 9 ก.ค.นี้

 

 

เนื่องจากเชื่อมั่นแนวโน้มการเติบโตของบริษัท และเห็นว่าราคาหุ้นลดต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน สำหรับเหตุผลในการซื้อหุ้นคืนดังกล่าว เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ หลังจากหุ้น BEAUTY ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดในมือกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีศักยภาพเพียงพอที่จะใช้ในการลงทุนอื่นๆรวมทั้งซื้อหุ้นคืน อย่างไรก็ตามแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีแรกของบริษัทจะยังเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึงแม้ว่าแนวโน้มผลประกอบการ Q2/61 จะปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเป้าหมายที่ประมาณการไว้นอกจากนี้บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้มากกว่า 4,290 ล้านบาทและรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว

  BEAUTY          CHOW            DOD 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้