ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook
สรุปภาพตลาดวานนี้
SET ดิ่งอีกรอบวานนี้ จากแรงขายหุ้นใหญ่ทั้ง GULF PTT PTTEP PTTGC CPALL CBG WHA (งบฯ ต่ำคาด) BH เป็นต้น ขณะที่ DELTA ADVANC CPN พยายามพยุงตลาดไว้ ส่วนที่บวกสวนแรง JTS SIS OKJ MONO
แนวโน้มตลาดวันนี้
SET ลงไม่ลึก? แต่รู้สึกเหมือนพอร์ตแตก...
หลังเสร็จศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ และผ่านปัจจัยมหภาค เช่น ประชุมสภาฯจีน, ประชุม เฟด ฯลฯ เราให้มุมมองผ่านกลยุทธ์สัปดาห์นี้ไปแล้วว่าจะ ตลาดจะกลับมาให้น้ำหนักกับ ปัจจัยภายใน งบการเงิน บจ.
ซึ่งเราจะเห็นว่า ราคาหุ้นรอบนี้ไม่ได้เล่นไปกับ กระแสฯสักเท่าไร เช่น ทรัมป์มา ไหนบอกหุ้นย้ายฐานการผลิตจะดี (WHA ROJNA ร่วง AMATA แผ่ว) หรือสินค้าส่งออกทดแทนจะบวก (STA STGT กระอัก) China play (SCGP PTTGC IVL กระอ่วน) ทั้งนี้เป็นเพราะผลพวงจากงบการเงิน (ปัจจัยภายใน) ผิดไปจากสิ่ง ที่ นลท.คาดหวัง
ประเด็นดังกล่าวเรามองเป็นเรื่องที่ฉีกออกจาก มุมมองการลงทุนทั่วไปในตลาดที่ต่างก็คิดถึงแต่เรื่อง สงครามการค้า, ย้านฐานการผลิต, เงินเฟ้อ ฯลฯ หลังทราบผลเลือกตั้งสหรัฐ ได้ ทรัมป์ กลับมาเป็น ปธน.
แต่กระแสลงทุนจะไปต่อได้นั้น ต้องขึ้นอยู่กับ กำไรที่ส่งมอบด้วย ดังนั้นเราจึงหันกลับมาโฟกัสหุ้นที่เข้ากับกระแสการลงทุนช่วงนี้ บวกกับการประกาศงบฯ
1) กลุ่มที่ยังน่าเก็บแม้จะ สวนความรู้สึก เมื่อเห็นงบออกมาแย่กว่าคาด หรือ แย่ตามคาด แต่ราคาหุ้นลงมารอก่อนแล้ว เช่น STECON BGRIM THCOM JMT เพราะพื้นฐานกำไร เมื่อมองไปข้างหน้า ด้วยปัจจัยพื้นฐาน (ที่เรา Covered) มีแนวโน้มสดใสขึ้น (Earnings Upward)
2) พวกที่ราคาหุ้นลอยอยู่ด้านบน (ไม่จำเป็นต้องลอยก็สอยลงได้) แถมงบออกมาดีไม่พอ หรือ ทำได้แค่ตามคาด หรือแม้แต่หุ้นที่กำไรแย่กว่าคาด ควรหลีกเลี่ยง เช่น BH SAFE OR
สำหรับหุ้นที่เป็นผู้นำตลาดมาก่อนกาล เช่น GULF INTUCH ADVANC DELTA ฯลฯ เราคาดแค่พักฐาน ดังนั้นจึงคาดว่า SET จะลงไม่ลึก แค่สร้างฐานใหม่บริเวณ 1450 จุด +/-
กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว โฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้
วิเคราะห์ทางเทคนิค
SET ปิดต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย EMA 25 วัน ขณะที่โมเมนตัมลงแต่! > 0 ส่วน volume ชะลอลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต่อวันที่ 5.7 หมื่นบ้านบาท ดัชนีอาจปิดไม่สวย แต่ไม่ได้แย่มาก เนื่องจากโมเมนตัมระยะกลางยังยืนเหนือโซนรับ EMA 75 วัน (เส้นล่าง)ขณะที่กองวายุภักษ์เพิ่มเข้าตลาดเมื่อเดือนตุลาคมคาดช่วยประคอง SET หากปรับฐานลงมาบริเวณโซน 1,450 จุด (กองเริ่มซื้อ) หรือกรณี bear case เลวร้ายสุด อาจปรับฐานลงมาที่โซนรับล่าง 1430 จุด
สรุป: แนวโน้ม SET ปรับฐานย่อย (ย่อไม่ลึก) Note: แนะแผนแก้เกมส์ STA และหุ้นบวกสวนตลาด CRC วางกลยุทธ์อย่างไร
What to watch
รายงานงบการเงินหุ้นสำคัญสัปดาห์นี้ เช่น อังคาร TIDLOR MTC MINT AAV BGRIM BDMS พุธ OSP SAWAD CPALL CRC PTT BEM DITTO GUNKUL พฤหัสฯ GULF CPN CPF BTS ERW AMATA CENTEL และศุกร์ CK STECON
จับตาท่าทีของทรัมป์ ที่จะให้ความเห็นเชิงนโยบายมากขึ้นหลังการเลือกตั้งจบ เช่นล่าสุดได้พูดถึงแนวโน้มถอนตัวจากข้อตกลงปารีส (ข้อตกลงหลักเกี่ยวกับการร่วมกันลดโลกร้อน) และโอกาสในการสนับสนุนคริปโต (การใช้เป็นทุนสำรองเชิงยุทธศาสตร์ รวมทั้งการตั้งสภาที่ปรึกษาด้านคริปโต เป็นต้น) สนับสนุน ยุติสงคราม (กดดันราคาทองดิ่ง)
Fitch Ratings คงอันดับเครดิตไทย BBB+ และคงมุมมอง Stable Outlook
ประเด็นการเมืองในประเทศ 22 พ.ย. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดวันพิจารณา“รับ-ไม่รับ”คดียุบพรรคเพื่อไทย, เคาะ “กิตติรัตน์” ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เตรียมเสนอ ครม. เห็นชอบ
คาดหุ้นเข้า ออก จากการคำนวณ SET50-100 รอบใหม่ ได้แก่ SET50 เข้า COM7 BANPU SAWAD (ออก BCP EA TIDLOR) ส่วน SET100 เข้า CCET COCOCO JTS (ต้องผ่านเกณฑ์ทั้งหมดใน ต.ค.-พ.ย.) KAMART (ออก MBK TIPH RBF SKY)
หุ้นแนะนำวันนี้
ERW
Stay the course เราพยายาม Scope หุ้นแนะนำเน้นไปที่ Risks & rewards และผลการดำเนินงานภายใน(S 3.9 R 4.04 SL 3.8)
รายงานพื้นฐานวันนี้
Quantitative Strategy
คาดตลาดหุ้นไทยผันผวนมากขึ้น
ตลาดหุ้นไทยเทรดในกรอบ 1440-1488 จุดในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมานับตั้งแต่เข้าสู่ฤดูประกาศผลประกอบการ โดยยังไม่สามารถทะลุแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 1500 จุดได้ เราคาดว่าดัชนี SET จะยังคงแกว่งตัวในกรอบโดยความผันผวนมีแนวโน้มสูงขึ้นในระยะอันใกล้ ทั้งนี้ ดัชนี Composite Short-term ได้อ่อนแอลงต่อเนื่องจากเดิมที่อยู่ในระดับแข็งแกร่ง โดยดัชนี Short-term Bull-to-Bear ได้ปรับลงจากกรอบบนนับตั้งแต่กลางเดือน ต.ค. อย่างไรก็ตามดัชนีดังกล่าวน่าจะแตะระดับกรอบล่างในสิ้นสัปดาห์นี้ ชี้ว่าอาจเกิดภาวะ Mean-reversion ได้หลังจากนั้น ขณะที่ค่าความผันผวนของตลาดหุ้นไทยปรับลดลงเล็กน้อยจาก 12.2% ใน 2 สัปดาห์ก่อนหน้า สู่ระดับ 11.8% ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามความผันผวนตลาดมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเนื่องจากดัชนีจับจังหวะตลาดส่งสัญญาณมิกซ์ ส่วนดัชนี Composite Medium-term อ่อนแอลงเล็กน้อยในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนี Medium-term Bull-to-Bear ที่อ่อนแอไม่สามารถถูกชดเชยจากดัชนี Medium-term Momentum Strength ที่แข็งแกร่งขึ้นได้ทั้งหมด เราประเมินกรอบการแกว่งตัวของ SET ในช่วง 1440-1500 ในวันที่ 12-25 พ.ย.
Commodities
ค่าระวางเรือเป็นผู้นำรอบนี้
สัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าระวางเรือตู้คอนเทนเนอร์ปรับตัวขึ้นสูงสุด WoW ตามด้วยค่าระวางเรือเทกอง ขณะที่สเปรดเคมีบางส่วนปรับตัวลดลงมากที่สุด ตามด้วยราคาถ่านหิน สำหรับแนวโน้ม 4Q24 คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับลดลงจากอุปสงค์ที่ซบเซา หากความขัดแย้งในตะวันออกกลางส่งผลเพียงระยะสั้น GRM จะเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล QoQ อย่างไรก็ตาม หากราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นต่อเนื่อง จะกดดัน GRM
น้ำมันดิบ: ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยเพิ่มขึ้น $1.66 WoW มาอยู่ที่ $73.76/bbl จากการขยายเวลาลดการผลิตของ OPEC+ และการระงับการผลิตชั่วคราวจากพายุเฮอริเคนในอ่าวเม็กซิโก
ค่าการกลั่น (GRM): ค่าการกลั่นสิงคโปร์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย $0.11 WoW มาอยู่ที่ $6.02/bbl โดยสเปรดน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นจากอุปสงค์ที่สูงขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสต็อกในสิงคโปร์ที่ลดลง สเปรดเจ็ทฟิวล์และดีเซลเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลและการส่งออกจากจีนที่คาดว่าจะลดลง แต่สเปรดของน้ำมันเตาลดลง
เคมีภัณฑ์: สเปรดเคมีส่วนใหญ่ปรับลดลงจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น โดยสเปรด Propylene ลดลง $7 WoW มาอยู่ที่ $130/t ขณะที่ HDPE และ PP ลดลง $2 WoW มาอยู่ที่ $310/t ยกเว้น Ethylene ที่เพิ่มขึ้น $13 WoW มาอยู่ที่ $145/t
ถ่านหิน: ดัชนี Newcastle ลดลงอีก $2.53 WoW มาอยู่ที่ $143.30/tonne จากความต้องการที่ลดลง
ค่าระวางเรือ: Baltic Dry Index (BDI) เพิ่มขึ้น 3% WoW มาอยู่ที่ 1,430 โดยได้รับแรงหนุนจากดัชนีย่อย Capesize ที่เพิ่มขึ้น 13% WoW ขณะที่ค่าระวางตู้คอนเทนเนอร์ (World Container Index) เพิ่มขึ้นอีก 7% WoW มาอยู่ที่ 3,444
Fundamental view: เรายังคงให้คำแนะนำซื้อ IVL มากที่สุด เพียงบริษัทเดียวในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์นี้
TU-ITC
ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป
ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น
สรุปจากงานแถลงกลยุทธ์ TU-ITC
สำหรับ TU บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 7 พันล้านบาท ในปี 2030 โดยแบ่งเป็น Organic Growth ที่ 6 พันล้านบาท (เติบโตเฉลี่ย 7% ต่อปี) และจากการทำ M&A (In-organic growth) ที่ 1 พันล้านบาท โดยมีเป้าหมาย GM ที่ 21-23% ในปี 2030 (เพิ่มขึ้นจาก 19% ในปี 2024)
ส่วน ITC ตั้งเป้าหมายรายได้เพิ่มกว่าเท่าตัว เป็น 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แบ่งเป็น จาก Organic growth 13-15% ต่อปี และที่เหลือจาก M&A เช่นกัน
Highlights รอบนี้โฟกัสไปที่การดำเนินการผ่าน 2 โครงการ
1) Project Sonar สำหรับ TU group จะช่วยลดต้นทุน 75 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อปี หลังปี 2026 โดยหลักๆ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านการจัดซื้อ การผลิต
2) Project Tailwind สำหรับ ITC จะช่วยเพิ่มกำไรจากการดำเนินงาน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ หลัง ปี 2027
อย่างไรก็ตาม โดยรวมทั้งสองโครงการจะมีค่าใช้จ่ายรวมราว 50-60 ล้านเหรียญสหรัฐ เกิดขึ้นใน ปี 2024-26
ดังนั้น เราจึงมึมุมมองต่อโครงการเหล่านี้ ดังนี้
1) TU น่าจะส่งผลดีในระยะยาวหากทำสำเร็จตามเป้าหมาย แต่สำหรับระยะสั้น ค่าใช้จ่ายเข้าก่อนผลประโยชน์ กดดันกำไร เนื่องจากรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น ขยายตัวช้า
2) ITC เราสะท้อนค่าใช้จ่ายเข้าปไป 200 ล้านบาทต่อปี (ปี 2024-26) อย่างไรก็ดี รายได้ที่เติบโตระดับ Double Digit ทำให้ส่งผลกระทบกำไรเพียง 4%
Fundamental view: เราปรับลดคำแนะนำของ TU เป็น ถือ และชอบ ITC มากกว่า
รายงานผลประกอบการวันนี้
(+) AWC รายงานกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 1,139 ล้านบาท หักรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 288 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129% YoY และ 41% QoQ กำไรหลักสูงกว่าที่เราและตลาดคาด 7% และ 5% ตามลำดับ จากต้นทุน-ค่าใช้จ่ายที่ต่ำกว่าคาด แนวโน้ม 4Q24 คาดกำไรเติบโตทั้ง YoY, QoQ หนุนจากปัจจัยฤดูกาล เรายังคงคำแนะนำซื้อ
(+) ILM รายงานกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% YoY และ 13% QoQ สูงกว่าที่เราและตลาดคาด 6% และ 10% ตามลำดับ เกิดจากรายได้มากกว่าคาด (จากการฟื้นตัวของการขายงานโครงการและยอดขายต่างประเทศ) ขณะที่ตัวหนุนกำไรหลักมาจาก GM ที่ขยายตัว แนวโน้ม 4Q24 คาดกำไรทรงตัว YoY (คาดผลของค่าใช้จ่ายเพิ่มกลบ SSSG ที่ขยายตัวเพียง 1% ไป) แต่เพิ่มขึ้น QoQ ตามฤดูกาล เรายังแนะนำซื้อ และให้ราคาเป้าหมาย 20 บาท
(0) IVL รายงานกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 1,505 ล้านบาท หักรายการพิเศษกำไรหลักจะอยู่ที่ 2,521 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน YoY และเพิ่มขึ้น 74% QoQ เป็นไปตามที่เราคาด แนวโน้ม 4Q24 คาดเติบโตต่อ YoY แต่ลดลง QoQ ตามฤดูกาล เรายังคงให้คำแนะนำซื้อ
(+) BBIK รายงานกำไรสุทธิ 3Q24 ที่ 88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% YoY และ 113% QoQ เป็นสถิติสูงสุดใหม่ เป็นไปตามที่เราคาด แต่สูงกว่าตลาดคาด 10% โดยสัญญาณเชิงบวกคือเห็นรายได้กลับมาเติบโต และค่าใช้จ่ายต่อรายได้จึงลดลง แนวโน้ม 4Q24 คาดว่าจะขยายตัวต้อ YoY และ QoQ และทำสถิติสูงสุดใหม่อีกรอบ จากงานใน Backlog ที่มี โดยในเชิงพื้นฐานเราปรับเพิ่มคำแนะนำจากถือ เป็น ซื้อ (และก่อนหน้านี้เราหยิบมาเชียร์ในเชิง Tactical Stock มาก่อนแล้ว)
สรุปประเด็นจาก Quick take
JMT
เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส
ประเด็นสำคัญจาก Opportunity Day
JMT ตั้งเป้ากำไรสุทธิจะขึ้นทำ new high ในปี 2025
View From Fundamental: เรามีมุมมองเป็นกลาง โดยคาดแนวโน้มการจัดเก็บเงินสดและกำไรสุทธิ จะฟื้นตัวต่อเนื่อง QoQ ใน 4Q24 แนะนำซื้อ
BCP
บางจาก คอร์ปอเรชั่น
ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
จากการเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เรามีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้ม 4Q24 ของบริษัท
View From Fundamental: จากแนวโน้ม 4Q24 ของ BCP ที่ไม่น่าตื่นเต้นมากนัก ดังนั้นเราจึงไม่เห็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น ในเชิงกลยุทธ์ หากราคาหุ้นเพิ่มขึ้นตามค่าการกลั่นที่สูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาลใน 4Q24 เราขอแนะนำ ขาย
KTB
ธนาคารกรุงไทย
ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
KTB ประเมินภาพรวมธุรกิจยังเป็นไปตามเป้าหมายของธนาคาร
View From Fundamental: เรามีมุมมองเป็นกลาง โดยภาพรวมผลการดำเนินงานยัง in line กับประมาณการของเรา โดยเราคาดกำไรสุทธิปี 2024 จะเติบโต 14% YoY สูงสุดในกลุ่มธนาคาร และคาดกำไรสุทธิปี 2025 จะเติบโตอีก 5% YoY ขณะที่ Valuations ก็ถูกทั้งในด้านของ PER ที่เพียง 6.6 เท่าและ PBV ที่เพียง 0.6 เท่า และ dividend yield ราว 5% ต่อปี แนะนำซื้อ
CPAXT
ซีพี แอ็กซ์ตร้า
ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์
ผู้บริหารยังคงเชื่อมั่นในการเติบโตทั้งในแง่รายได้และกำไรต่อเนื่องใน 4Q24 และปี 2025
View From Fundamental: ข้อมูลที่ได้จากงานประชุมยังคงสอดคล้องกับประมาณการของเรา โดยคาดกำไรปกติ 4Q24 ทำจุดสูงสุดของปีโตเด่น QoQ และลุ้นปรับขึ้น YoY ในขณะที่ทิศทางปี 25 เริ่มรับรู้ผลบวกการทำ Amalgamation ดังนั้น เรายังคงคาดกำไรปกติปี 25 ขยายตัว 21% เรายังแนะนำ ซื้อ CPAXT (ราคาเป้าหมาย 40 บาท)
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน