Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

259


Earning & Service Plays"

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "แกว่งตัวขึ้น" ต้าน 1487/1495 จุด รับ 1473/1463 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นรับภาพเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง หลัง ISM PMI นอกภาคผลิต เดือน ต.ค. ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 2 ปี Key สำคัญ คือ วันนี้ผลการเลือกตั้งสหรัฐ เริ่มนับคะแนน 7 โมงเช้า (กรณีคุณทรัมป์เป็นประธานาธิบดี ประเมิน SET Index ผันผวนน้อยกว่าตลาดหุ้นประเทศอื่น กรณี Harris เป็นประธาธิบดีประเมินภาพจะบวกต่อตลาดหุ้นเอเซีย) อย่างไรก็ตามประเมิน SET ช่วง 2 เดือนหลังเลือกตั้งมีโอกาสเห็นช่วง Honey Moon period สถิติหลังการเลือกตั้งสหรัฐ 2 รอบก่อนหน้า เดือน พ.ย. - ธ.ค. SET ให้ผลตอนเป็นบวก ส่วนภายในเริ่มเห็นสัญญาณบวกจาก Flow ต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทย 2 วันติด และเริ่มเห็นการทยอยปรับเพิ่มมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทย จากทิศทางการเติบโตเศรษฐกิจไทยที่จะเร่งขึ้นปี 2025 ตลาดคาดโต 3%y-y จาก 2.4% ปีนี้ วันนี้ช่วงสายตาม เงินเฟ้อไทย เดือน ต.ค. ตลาดคาด 0.96%y-y(มีโอกาสต่ำคาดจากหมวดน้ำมัน) ประเมินหุ้นนำตลาดคือ หุ้นพลังงาน(น้ำมันบวก 5วันติด) หุ้น China play(ลุ้นมาตรการ), หุ้นอิงบริการ, หุ้นงบ 3Q24 เด่น วันนี้แนะ HMPRO, AOT, PTT

 

 

 


Daily outlook: "แกว่งตัวขึ้น" ต้าน 1487/1495 จุด รับ 1473/1463 จุด

What happened around the world ?

(*/+)US Stocks: ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นก่อนรู้ผลการเลือกตั้งสหรัฐ หลัง PMI ภาคบริการปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 2 ปี อิง Dow jones +1.02%, ดัชนี S&P500 +1.23% และดัชนี Nasdaq +1.42% โดยดัชนี S&P 500 Sectors ที่ปรับขึ้นทุก Sector หลักๆ คือ Indistrial, Consumer discretionary, IT, Financials, Energy ฯลฯ หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ กลุ่ม Tech อาทิ NVDIA + 2.84%, Tesla +3.54% , Meta +2.1% , Micro strategy +2.1% รับราคา Bitcoin พลิกปรับขึ้นแรงราว 3% ใกล้แตะ 7 หมื่น$ อีกครั้ง ฯลฯ

(*)US Econ: ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อคืนออกมาสหรัฐแข็งแกร่ง 1.) ISM PMI นอกภาคผลิต เดือน ต.ค. ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 2 ปี อยู่ที่ 56.0 จุด มากกว่าตลาดคาดและเร่งขึ้นจาก prev. 54.9 จุด 2.) GDP Now โดย Fed atlanta คาดงวด 4Q24 +2.4%q-q สูงขึ้นจากที่ตลาดคาด 2.3% ในสัปดาห์ก่อน และ prev. +2.8% ในงวด 3Q24 ทำให้ยังประเมินเศรษฐกิจสหรัฐเป็นภาพ Soft landing มากกว่า Hard Recession

(*) US Earning : สหรัฐรายงานผลประกอบการ 3Q24 ออกมาล่าสุดรวม 389 จาก 499 บริษัท โดยกำไรรวมอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และเป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐ อิง กำไรที่ออกมาดีกว่าคาด(Surprise) ราว 6.61% จากวันก่อนที่ 6.56% และ เติบโต 7.2% จากวันก่อนที่ +8.1%y-y

(*)US Election : ผลการเลือกตั้งสหรัฐ (เริ่มนับคะแนนช่วงเช้า - สายวันนี้ คาดจะทราบเป็นทางการวันนี้) KSS ประเมินผลต่อตลาดหุ้นมีโอกาสจะเห็น Honey moon period ) อิงจากสถิติหลังการเลือกตั้งสหรัฐ 2 รอบก่อนหน้า เดือน พ.ย. - ธ.ค. SET ให้ผลตอนเป็นบวก กรณี 1.) ทรัมป์เป็นประธานาดิบดี แนวนโยบาย American First อาทิ การลดภาษีนิติบุคคล และการยกระดับมาตรการกีดกันทางการค้า ประเมินความผันผวนต่อสินทรัพย์เสี่ยงโลกในช่วงปลายปี 2024 - ต้นปี 2025 โดย EM Assets จะผันผวนจาก Dollar Index ที่พลิกแข็งค่าขึ้นไว แต่อย่างไรก็ดี KSS ประเมินกลุ่ม TIPs จะผันผวนน้อยกว่า จากตลาดหุ้นกลุ่มนี้ มีสัดส่วนรายได้โดยตรงจากจีน+สหรัฐฯ ที่ต่ำกว่า 10% น้อยกว่า EM อื่นๆ มองหุ้นกลุ่มเด่น คือ กลุ่มนิคม ส่งออกาหาร กลุ่มพลังงาน น้ำมัน ถ่านหิน 2.) Kamala Harris เป็นประธานาดิบดี แนวคิดเน้นขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและบริษัทเป็นปกติที่ 28% (เดิม 21%) ผสาน การผลักดันนโยบาย Green Energy มองหุ้นกลุ่มนำอิง Theme Data Center+ดอกเบี้ยขาลง (โรงไฟฟ้า สื่อสาร เช่าซื้อ) ผสาน หุ้น Domestic ที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจภายใน (ค้าปลีก ธนาคาร ท่องเที่ยว

(*)China:จีนมีปัจจัยบวก 2 ประเด็นคือ 1.)ตัวเลขเศรษฐกิจบริการชี้นำแข็งแกร่ง อิง CAIXIN รายงาน PMI ภาคการบริการจีน เดือน ต.ค. อยู่ที่ระดับ 52.0 จุด ดีกว่าที่ตลาดคาดที่ 50.5 จุด และดีกว่าเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 50.3 จุด (> 50 จุด สะท้อนภาคบริการขยายตัว) 2.) นายกรัฐมนตีจีน หลี่ เฉียง กล่าวในพิธีเปิดการประชุม "China International Import Expo" ที่เซี่ยงไฮ้ คือมั่นใจ จีนจะบรรลุเป้าหมาย GDP Growth ปี 2024 ที่ 5.0%y-y ทำให้คาดการณ์การส่งสัญญาณจะเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้นทางการคลังเพิ่ม 4-8 พย 2024 การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติของจีนคาดจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการทางการคลังใหม่ให้มีขนาดที่เหมาะสม และน่าจะมุ่งเน้นไปที่แผนบรรเทาหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น 2-6 ล้านล้านหยวนKSS ประเมินบวกต่อหุ้น China Play IVL , AOT, SCGP , PTTGC

(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ : 6-7 พ.ย. Fed Meeting:(ไทยทราบผลเช้า 8 พ.ย.) ติดตามประชุม Fed MUFG คาด Fed จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง -25 bps เหลือ 4.5-4.75% สอดคล้องกับมุมมองของตลาด ฝั่งจีน 7 พ.ย. ยอดส่งออก - นำเข้า ต.ค. 24 ไม่มีคาด prev. +2.4%y-y และ +0.3%y-y

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐผันผวนก่อนทราบผลเลือกตั้งสหรัฐ อายุ 2 ปี ปรับขึ้น +2 bps อยู่ที่ 4.18% และอายุ 10 ปี ปรับลง -2 bps อยู่ที่ 4.27% ส่วน Dollar Index ผันผวนพลิกอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 103.3 จุด

(+) Oil : น้ำมันดิบปรับขึ้นแรง และปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 อิง Brent +0.6%d-d ปิดที่ USD 75.53/barre, น้ำมันดิบ West Texas +0.73%d-d ปิดที่ USD 71.99/barrelแรงหนุนระยะสั้นมาจากกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน OPEC+ ประกาศเลื่อนการเพิ่มการผลิตน้ำมันที่วางแผนไว้ในเดือน ธ.ค.ออกไป 1 เดือน โดยรวมมองบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ PTT, PTTEP

 

What happened in Thailand?

(+) SET : SET Index วานนี้ปิดเพิ่มขึ้น 18.72 จุด (+1.28%) ปิดที่ระดับ 1,482 จุด หุ้น Big Cap ปรับขึ้นหนุนดัชนี นักลงทุนดักเก็งกำไรก่อน MSCI ประกาศน้ำหนักในวันที่ 6 พ.ย. (บ้านเรารู้ผลเช้าวันที่ 7 พ.ย.) คาดหุ้น Big Cap หลายหลักทรัพย์มีโอกาสได้ปรับน้ำหนักการลงทุนเพิ่ม ผสานราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกฟื้นตัวแรง และ จีนรายงานดัชนี PMI ภาคบริการเร่งตัวขึ้นเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นในกลุ่มน้ำมัน, ปิโตรฯ, โรงกลั่นและ หุ้นธีม China Play หุ้นที่ปรับตัวขึ้นเด่นหนุนดัชนี คือ DELTA, ADVANC, PTTEP, TOP, SCGP, CRC และ CPALL

(+) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุด (5 พ.ย.2024) ไหลเข้า โดยซื้อสุทธิในตลาดหุ้น +42.94 ล้านเหรียญ, TFEX Net Long 30,231 สัญญา, ขายพันธบัตรแต่เบาบาง -7.3 ล้านเหรียญ, เงินบาทแข็งค่าสู่ระดับ 33.61 บาทต่อดอลลาร์

(+) TH Tourism: กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬารายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรายสัปดาห์ (28 ต.ค. – 3 พ.ย. 24) มีจำนวน 701,962 คน คิดเป็นเฉลี่ยต่อวันที่ 100,280 คน เพิ่มขึ้น 20.10%wow ทำให้ยอดรวม YTD แตะระดับ 29 ล้านคน เรามีมุมมองบวก การเร่งตัวขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือน พ.ย. ยืนยันภาพการท่องเที่ยวของไทยเข้าสู่ High season เต็มตัว เป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ที่ระดับ 35.5-36 ล้านคน มีโอกาสเป็นไปตามเป้าหมาย เชิงกลยุทธ์ แนะนำทยอยสะสมหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและกลุ่มธุรกิจเกี่ยวข้อง เน้น AOT (TP-64.5), AAV (TP-3.9), ERW (TP-4.3), AWC (TP-4.4) และ SPA (TP-8.50)

(*/+) Cabinet Approved : อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 งบกลาง กรอบวงเงิน 2,553 ล้านบาท ฟื้นฟูเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย เราผิดหวังกับผลประชุมของ ครม.วานนี้ เนื่องจากไม่มีการพิจารณาและอนุมัติมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาฯ โดยเฉพาะมาตรการ "ซื้อ - แต่ง - ซ่อม และ สร้างบ้าน" มูลค่ารวม 5.5 หมื่นล้านบาท ตามที่ตลาดคาดไว้ อย่างไรก็ตามเราคาดว่ารัฐบาลจะนำเข้าเสนอในสัปดาห์ถัดๆ ไป เราประเมินผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนกับหุ้นกลุ่มอสังหาฯ และ วัสดุก่อสร้าง จากประเด็นนี้จำกัด

(*) TH 3Q24 Earnings: อิง Bloomberg ปัจจุบัน บจ. รายงานกำไรแล้วทั้งสิ้น 43 บริษัท กำไรต่ำกว่าคาด -10.7% และหดตัว -3.87%y-y โดยวานนี้ กลุ่มที่รายงานกำไร

ดีกว่าคาด ได้แก่ INSET

ตามคาด ได้แก่ ITC

วันนี้บริษัทที่จะประกาศงบ 3Q24 PTTGC, QH, และ TU

(+) MSCI Rebalance: 6 พ.ย. MSCI (รู้ผลเช้า 7 พ.ย.) จะประกาศน้ำหนัก, ผลคัดเลือกหุ้น เข้า/ออก ดัชนีรอบใหม่ (MSCI Rebalance) มีผลบังคับ โดย ใช้ราคาปิด ณ วันที่ 25 พ.ย. 2024 เบื้องต้นเราคาดว่าจะไม่มีหุ้นไทยได้ปรับ เข้า/ออก จากคำนวณในดัชนีรอบนี้ อย่างไรก็ตามเราคาดว่าจะมีหุ้น Big Cap ของไทยในหลายบริษัทมีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักการลงทุน อาทิ GULF, KTC, TRUE, KTB, CPAXT, AOT, KBANK, CPALL, และ ADVANC เป็นจิตวิทยาบวกกับหุ้นข้างต้น

(*) To monitor: ปัจจัยที่ต้องติดตาม วันนี้ (10.30 น.) ก.พาณิชย์รายงานเงินเฟ้อ (CPI) ต.ค. 24 Consensus คาด ทรงตัว m-m, +0.93%y-y vs prev. -0.1%m-m, +0.61%y-y,

 

Daily Strategy : HMPRO, AOT, PTT เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทย "แกว่งในขึ้น" ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นรับภาพเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง หลัง ISM PMI นอกภาคผลิต เดือน ต.ค. ปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 2 ปี Key สำคัญ คือ วันนี้ผลการเลือกตั้งสหรัฐ เริ่มนับคะแนน 7 โมงเช้า (กรณีคุณทรัมป์เป็นประธานาธิบดี ประเมิน SET Index ผันผวนน้อยกว่าตลาดหุ้นประเทศอื่น กรณี Harris เป็นประธาธิบดีประเมินภาพจะบวกต่อตลาดหุ้นเอเซีย) ประเมิน SET ช่วง 2 เดือนหลังเลือกตั้งมีโอกาสเห็นช่วง Honey Moon period สถิติหลังการเลือกตั้งสหรัฐ 2 รอบก่อนหน้า เดือน พ.ย. - ธ.ค. SET ให้ผลตอนเป็นบวก ส่วนภายในเริ่มเห็นสัญญาณบวกจาก Flow ต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทย 2 วันติด หลังเห็นการปรับเพิ่มมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทย จากทิศทางการเติบโตเศรษฐกิจไทยที่จะเร่งขึ้นปี 2025 ตลาดคาดโต 3%y-y จาก 2.4% ปีนี้ วันนี้ช่วงสาย ติดตาม เงินเฟ้อไทย เดือน ต.ค. ตลาดคาด 0.96%y-y(มีโอกาสต่ำคาดจากหมวดน้ำมัน) ประเมินหุ้นนำตลาดคือกลุ่ม หุ้นพลังงาน (น้ำมันบวก 5วันติด) หุ้น China play, หุ้นอิงบริการ วันนี้แนะ

หุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักจากกองทุนวายุภักษ์
กลุ่มที่ 1 หุ้นที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้น, อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และมีแนวโน้มเติบโตดีในช่วง 2024 – 2025 ได้แก่ AOT, KTB, PTT

กลุ่มที่ 2 หุ้นที่อยู่ในกองทุนวายุภักษ์ 1 และซื้อขายในระดับ Valuation Zone รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตดี ได้แก่ CPALL, SCC, MINT, CRC, HMPRO, SCGP

กลุ่มที่ 3 หุ้นที่มีน้ำหนักใน SETESG สูงและมีแนวโน้มการเติบโตดี อยู่ใน Theme Data Center ได้แก่ ADVANC, GULF มีโอกาสเป็นเป้าหมาย

กลุ่มที่ 4 หุ้นได้ประโยชน์กองทุนวายุภักษ์ Theme ที่ 4 คือ Div Yield 2024-2025 สูง >5% และอยู่ใน ThaiESG หุ้น (KBANK, BBL, HMPRO, INTUCH)

กลุ่มที่ 5 หุ้นที่ยังมีน้ำหนักในกองทุนวายุภักษ์น้อย ขณะที่เข้าเกณฑ์ ESG Score (ถ้าอยู่ใน SET100 เรทติ้ง A ขึ้นไป ต่ำกว่า SET100 AA ขึ้นไป การเติบโตปี 2024-25 เกณฑ์ดี CPALL CPAXT BDMS CRC HMPRO IVL MTC BJC WHA

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
กลุ่มที่ได้ประโยชน์/ทนทานต่อความเสี่ยงผลการเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ (KTB, GPSC, GULF, ADVANC, CPALL, BDMS, WHA)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STECON, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AAV, BA, AU)
กลุ่มคาดกำไร 3Q24F จะออกมาดี (IVL, ADVANC, CPALL, TRUE, AWC และ MOSHI)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, CPAXT)

• 4Q24 Stock Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : US Election 2024 and Global Market Impact

ทีมกลยุทธ์ออกรายงานกลยุทธ์ลงทุนก่อนเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ ระยะสั้นเรามองสินทรัพย์เสี่ยงก่อนการเลือกตั้ง 1-2 สัปดาห์ น่าจะแกว่งออกข้างเป็นหลัก รอความชัดเจนก่อนการเลือกตั้ง นักลงทุนควรเตรียมตัวปรับพอร์ตตามสถานะการณ์ดังที่ KSS ประเมินไว้ 4 กรณี ในระยะนี้ เบื้องต้น KSS คงมุมมองบวกต่อแนวโน้ม SET Index หลังเลือกตั้ง น่าจะตอบรับช่วง Honeymoon Period รับผล US Election ไปก่อน อย่างไรก็ดี ผู้ต้องการลดความเสี่ยงจากผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ล่วงหน้า แนะนำ BANK (KTB), UTILITIES (GPSC, GULF), TELCO (ADVANC), Consumer Staples (CPALL), Health(BDMS, CHG), IE (WHA)

KSS ประเมินสถานการณ์การเลือกตั้งสหรัฐฯ 4 กรณี

1) กรณี Red Wave (พรรค Republican ครองสภาบนและสภาล่าง)

• มองแนวนโยบาย American First อาทิ การลดภาษีนิติบุคคล และการยกระดับมาตรการกีดกันทางการค้า จะส่งผลบวกต่อการลงทุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากสมมติฐานหลัก ซึ่งมาพร้อมกับความเสี่ยงแรงกดดันต่อเงินเฟ้อที่ลดระดับช้าลง กระทบวงจรดอกเบี้ยขาลงที่น่าจะช้ากว่าที่ตลาดประเมินไว้เดิม

• กรณีนี้สร้างความผันผวนต่อสินทรัพย์เสี่ยงโลกในช่วงปลายปี 2024 - ต้นปี 2025 โดย EM Assets จะผันผวนจาก Dollar Index ที่พลิกแข็งค่าขึ้นไว แต่อย่างไรก็ดี KSS ประเมินกลุ่ม TIPs จะผันผวนน้อยกว่า จากตลาดหุ้นกลุ่มนี้ มีสัดส่วนรายได้โดยตรงจากจีน+สหรัฐฯ ที่ต่ำกว่า 10% น้อยกว่า EM อื่นๆ ผสานนโยบายการเมืองระหว่างประเทศเป็นกลาง และตลาดหุ้นยังมี Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย อีกทั้งยัง Laggard ภายใต้เศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวเร่งขึ้น

• ทางเลือกการลงทุนหุ้น คือ หุ้นที่ได้ประโยชน์/ทนทานต่อภาวการณ์กีดกันทางการค้า นำโดยกลุ่มนิคมและกลุ่มส่งออกอาหาร รวมถึงหุ้น Domestic อาทิ ค้าปลีก สื่อสาร ร.พ. ธนาคาร

• ทั้งนี้ เรามอง Red Wave จะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับสูงขึ้นจากแรงกดดันเงินเฟ้อจากสงครามการค้า และส่งผลเชิงลบต่อการลงทุนในตราสารหนี้ ในระยะสั้น-กลาง

2) กรณี Blue Wave (พรรค Democrat ครองสภาบนและสภาล่าง)

• นโยบายที่ตรงข้ามกับ Republican อาทิ ขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและบริษัทเป็นปกติที่ 28% (เดิม 21%) ผสาน การผลักดันนโยบาย Green Energy และรวมถึงใช้มาตรการกีดกันทางการค้าระดับใกล้เคียงปัจจุบัน จะช่วยให้ภาพวงจรเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาลงเดินหน้าต่อ Dollar จะอ่อนค่า

• เร่งปรากฏการณ์ Search for Yield หนุน Fund Flow มายัง EM Asia รวมถึงไทยต่อเนื่อง หุ้นอิง Theme Data Center+ดอกเบี้ยขาลง (โรงไฟฟ้า สื่อสาร เช่าซื้อ) ผสาน หุ้น Domestic ที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจภายใน (ค้าปลีก ธนาคาร ท่องเที่ยว)

• นอกจากนี้ ภาพ Blue Wave ยังเป็นบวกต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ส่งผลเชิงบวกต่อการลงทุนตราสารหนี้โลก

3) กรณี Republican President + Democratic Congress :

• เรามอง นโยบายหลักของพรรค Republican ที่จะถูกผลักดันจำกัดกว่ากรณี Red Wave ทั้งนี้ ในกรณีนี้เรามองค่อนข้างบวกต่อหุ้นสหรัฐ เนื่องจากทิศทางหลักเป็นนโยบายลักษณะ American First และการลดภาษี แม้จะทำได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่ากับกรณี Red Wave

• ตลาดหุ้นอื่นๆ จะเริ่มผันผวนต้นปี 2025 แต่ภาพ EM Asia จะผันผวนน้อยกว่ากรณี Red Wave โดยเฉพาะ TIPs ที่มีการปรับโครงสร้างการค้า และภาคการผลิตมาตั้งแต่ปี 2018-ปัจจุบัน และตลาดหุ้น TIPs ยังมีสัดส่วนรายได้โดยตรงจากสหรัฐฯและจีนต่ำ

• แนะนำ หุ้นที่ได้ประโยชน์/ทนทานต่อภาวการณ์กีดกันทางการค้า นำโดยกลุ่มนิคม หุ้นส่งออกอาหาร และหุ้น Domestic อาทิ ค้าปลีก สื่อสาร ร.พ. ธนาคาร

• ในกรณีนี้เรามองอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะยังแกว่งตัวในกรอบ โดยมีโอกาสปรับขึ้นก่อนแกว่งตัวลง ให้รอจังหวะ ก่อนลงทุนรับวงจรเงินเฟ้อและดอกเบี้ยโลกขาลงแบบค่อยเป็นค่อยไปหลังจากนั้น มองเป็นกลางถึงบวกอ่อนๆต่อการลงทุนในพันธบัตร

4) กรณี Democratic President + Republican Congress :

• เรามอง นโยบายหลักของพรรค Democrat จะถูกคัดค้านอย่างต่อเนื่องจากเสียงส่วนใหญ่ในสภาบน ที่มาจากขั้วตรงข้าม ส่งผลให้การผลักดันนโยบายเป็นไปได้อย่างจำกัดใน กรณีนี้เรามองเป็นกลางต่อหุ้นสหรัฐ แต่ Upside จำกัดจากระดับ Valuation ที่ตึงตัว และความเสี่ยงเศรษฐกิจอ่อนลงที่รออยู่

• มอง Fund Flow จะทยอยไหลเข้า EM Asia รายประเทศ ขึ้นกับทิศทางการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในกรณีนี้เรามองหุ้นไทยยังมีโอกาส "outperform" ได้ แต่จะต้อง Selective ตามปัจจัยกระทบที่ค่อนข้างสูง

• หุ้นเด่นเรามอง Theme Data Center+ดอกเบี้ยขาลง (โรงไฟฟ้า สื่อสาร เช่าซื้อ) ผสาน หุ้น Domestic ที่ฟื้นตัวตามเศรษฐกิจภายใน (ค้าปลีก ธนาคาร ท่องเที่ยว)

Strategy: ในระยะนี้ ผู้ต้องการลดความเสี่ยงจากผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ ล่วงหน้า ให้เน้นลงทุนในหุ้น Theme US Election หุ้นได้ประโยชน์การเลือกตั้ง + กระแส FDI เข้าไทยที่ดีช่วงหลัง ผสาน หุ้น Domestic ที่หลบเลี่ยงผลกระทบได้ดี ดังนี้ BANK (KTB), UTILITIES (GPSC, GULF), TELCO (ADVANC), Consumer Staples (CPALL), Health(BDMS, CHG), IE (WHA)

• Strategy Update : 3Q24F Earnings Plays

ช่วงต้นเดือน ต.ค. - กลางเดือน พ.ย.2024 เป็นช่วงรายงานผลประกอบของบริษัทจดทะเบียนไทยงวด 3Q24 หลังจากผ่านช่วงรายงานผลประกอบการกลุ่มธนาคารแล้ว จะเข้าสู่ช่วงการรายงานผลประกอบฝั่ง Real Sector โดยก่อนรายงานมักมีกระแสการเก็งกำไรเข้าซื้อในหุ้นที่แนวโน้มผลประกอบการจะออกมาดี เติบโต y-y, q-q หรือ หุ้นที่มีสัญญาณผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด (เริ่มฟื้นตัว q-q)

ทีมกลยุทธ์ KSS รวบรวมข้อมูลคาดการณ์งบงวด 3Q24 ทีมีการประมาณการณ์ อิงจาก Bloomberg รวมทั้งหมด 96 บริษัท เพื่อค้นหาหุ้นที่มีความน่าสนใจต่อการเข้าเก็งกำไร

กลยุทธ์ แนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่คาดจะรายงานงบ 3Q2024 ออกมาเด่น y-y , q-q และอยู่ในธีมหลักในการลงทุนที่ เรามองจะเด่นในปัจจุบัน ประกอบด้วย

o หุ้น China play IVL, AU

o หุ้นกลุ่มวงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงหนุน TRUE, MTC, GPSC, ADVANC, CPALL, CPF

o หุ้นได้ประโยชน์ธีม US Election หรือ ทนต่อความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากผลการเลือกตั้ง AMATA, WHA, BDMS

o หุ้น Mid small -Cap เน้น MOSHI

〽️Best Picks : เราเลือกหุ้นเด่น 5 บริษัทใน Theme 3Q24F Earnings Plays คือ IVL, ADVANC, CPALL, TRUE และ MOSHI

• Strategy Update :SET50/100 Rebalance เก็งกำไร BANPU SAWAD และ COM7

ทีมกลยุทธ์ได้คำนวณหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 1H25 ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน ธ.ค. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ม.ค. 2025 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2023 – 30 ก.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 2 เดือน) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในส่วนของ SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BANPU (โอกาสเข้า 90%), SAWAD (โอกาสเข้า 90%), COM7 (โอกาสเข้า 90%) และ TCAP (โอกาสเข้า 60%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BCP (โอกาสหลุด 60%), TIDLOR (โอกาสหลุด 60%), CENTEL (โอกาสหลุด 90%) และ EA (โอกาสหลุด 100%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 3 บริษัท คือ CCET, COCOCO และ JTS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 3 บริษัท คือ TIPH, MBK และ RBF

• Strategy Update : Data Center

กระแสเทคโนโลยีสมัยใหม่ Cloud, AI และในอนาคตในส่วนระบบ Automation แม้ไทยอาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศต้นน้ำที่ได้ประโยชน์จากการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาโดยตรง แต่กระแสหลักนี้ จะสร้างโอกาสให้ไทยช่วง 4-5 ปีนับจากนี้ ด้วยศักยภาพการเป็นศูนย์กลางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านเทคโนโลยี กล่าวคือ Data Center ในไทย มีจุดเด่นจากพื้นที่ตั้งเป็นศูนย์กลางภูมิภาค, ความพร้อมโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ 4G 5G ที่ครอบคลุม ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติต่ำ และกระแสไฟฟ้าที่มีเสถียรภาพและมั่นคง ทำให้ไทยเป็นจุดสนใจ จากการขยาย Data Center จากสิงคโปร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเดิมที่เริ่มมีข้อจำกัด จากการรวบรวมตัวเลข KSS ในส่วนเม็ดเงินลงทุน Data Center ที่มีโอกาสเกิดขี้นในประเทศหลักๆ เราประเมินปัจจุบันมีเม็ดเงินมหาศาลรอลงทุน Data Center ในไทยช่วง 4-5 ปีจากนี้ ไม่น้อยกว่า 2.0 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนสูงราว 1.1% ของมูลค่า GDP ประเทศไทยในปัจจุบัน โดยหากทยอยลงทุน 4-5 ปี เท่ากับผลบวกต่อ GDP ราว 0.2-0.25% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมการนำมาสู่ประโยชน์ด้านดิจิตอลต่างๆ อีกจำนวนมากต่อประเทศ ถือเป็นหนึ่งใน S Curve ใหม่ของไทย และ Upside ของเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่เชื่อว่าตลาดยังแทบไม่รวมในประมาณการ GDP

มุมมองเชิงกลยุทธ์ ประเมินว่า Upside จากแรงขับเคลื่อนด้านเทคโนโลยีใหม่ๆ มีจุดเด่นสำคัญ คือ ปริมาณข้อมูลที่ใช้สนับสนุนจะเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential) ซึ่งน่าจะสร้างโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าที่ตลาดคาดคิดไว้ และเป็น Thematic Theme ระยะกลาง-ยาว 1-5ปี KSS มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของ Data Center โดยฝั่ง Data Center เราแนะนำผู้ได้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานขยายตัวโดยตรง อาทิ GULF INTUCH ADVANC TRUE INSET DELTA STPI(Non-Coverage) กลุ่ม Digital Tech ที่ Data Center จะนำมาสู่ Upside งานประเภท Cloud Adoption และ AI รวมถึง Automation Adoption ระยะหนุนอุตสาหกรรมเข้าสู่รอบใหญ่ของการขยายตัวอีกครั้ง อาทิ BE8 BBIK ส่วนกระแส Cycle เทคโนโลยี AI ที่ผลักดันอุปกรณ์สื่อสารต่างๆ พัฒนาให้มี AI พื้นฐานติดเครื่องมากขึ้น จะสร้างโอกาส ฟื้นตัวจากรอบการเปลี่ยนอุปกรณ์ตามกระแส AI เราคาดไม่ต่างไปจากยุค 3G 4G หนุนหุ้นได้ประโยชน์ อาทิ HANA , ADVICE(Non-Coverage), SYNEX(Non-Coverage)

Best Picks : GULF, TRUE, DELTA, INSET, BE8, HANA, ADVICE

 

• ICT (BULLISH) More room for surprise We remain bullish on the sector. Sector earnings are not only on the upswing since 3Q23 but also making the positive surprise to the market for three consecutive quarters since 1Q24. We call for 93% EPS growth in FY24F and another 10.4% growth in FY25F with the upside risk from spectrum bidding around 2Q25. TRUE remains top pick for sector.

• Aviation (Bullish) เรามอง Positive ยอด นทท.สัปดาห์ที่ 44/24 เพิ่ม +26% y-y +20% w-w เทียบเท่า 90% Pre COVID เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างเต็มตัว แนวโน้มสัปดาห์ถัดไปคาดยอด นทท. เพิ่มต่อเนื่อง ด้านราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำแม้จะเพิ่ม +3% w-w และอัตราแลกเปลี่ยนอ่อนค่าเล็กน้อย w-w เราคงน้ำหนัก Bullish หุ้นกลุ่มการบิน และเลือก AAV (Buy, TP 3.9) เป็นหุ้น Top pick กลุ่มฯ

• ONEE (Buy TP-5.55) เรามอง Positive ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q24F ของ ONEE คาดอยู่ที่ 164 ลบ. (+9% y-y +37% q-q) เติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม Media จาก Content ที่แข็งแรงหนุนรายได้เติบโตท่ามกลางอุตฯ สื่อโฆษณาชะลอตัว แนวโน้มกำไร 4Q24F โตต่อเนื่อง y-y และ q-q และคาดปี 2025F กำไรสุทธิกลับมาเติบโต +16% y-y ตามการฟื้นของอุตฯ สื่อโฆษณา คงคำแนะนำ Buy ราคาเป้าหมาย 5.55 บาท

 

HMPRO(BUY TP 13.5) We attended HMPRO analyst meeting and the tone was positive, mainly from the qoq improvement in same-store-sales (SSS) which was an improvement to a negative of low single-digit in October 2024, from (-5.8%) in 3Q24. Additionally, in the low-budget Mega Home segment (17.8% revenue contribution), the turnaround in SSS in October was succinct at +4% from -3.9% in 3Q24. The uptick in SSS trend could be underpinned by: 1) post-flooding demand especially in the north and 2) the better consumption trend after the THB10,000 per person cash handout in the last week of September. We believe the positive trend in SSS could be a positive catalyst to the share price. HMPRO is our top pick in the home-improvement sector, due to the potential SSSG recovery from 4Q24 onwards and its reasonable valuation of 18.9x 2025F P/E, about -2SD of its long-term average.

 

 

4Q24F Equity Outlook : Thailand Inflection Point

Stock Best Picks : GULF, GPSC, MTC, CPALL, BJC, BDMS, AOT, KTB, ADVANC, HMPRO

Mid-Small Cap Play : BTS, MALEE, MOSHI, CHG, ERW, BA

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

หยั่งเชิง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ หุ้นไทยเช้าวันจันทร์ขยับลง คนเล่นหุ้น ชาวหุ้น หยั่งเชิง ตลาดคาบเกี่ยวตลาดหยุดทำการเนื่อง....

มัลติมีเดีย

มารู้จักหุ้น SNPS ก่อน IPO - สายตรงอินไซด์

มารู้จักหุ้น SNPS ก่อน IPO - สายตรงอินไซด์

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้