SET INDEX รอผลเลือกตั้ง .. รอกำไร3Q67
การปรับตัวขึ้นแรงของ SET INDEX ดูไม่สอดคล้องกับมูลค่าการซื้อขายที่บางเกินไป อีกทั้งการปรับขึ้นมีลักษณะของการกระจุดตัว ภาวะดังกล่าวทำให้ SET INDEX มีโอกาสที่จะผันผวนได้อยู่ ส่วนปัจจัยที่ติดตามเป็น เรื่องผลการเลือกตั้งในสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้นตามความคืบหน้าในการนับคะแนนเสียง ช่วงของการรอคอยก็มีโอกาสทำให้ SETINDEX ผันผวนได้ ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่รอก็คือ การประกาศผลประกอบการงวด 3Q67 ซึ่งเบื้องต้นประเมินว่าน่าจะเห็นการย่อนตัวลงทั้งYOY และ QOQ ทำให้ยังมีโอกาสที่จะเห็นการปรับลดประมาณการกำไรงวดปี 2567 และอาจไปถึงปี 2568 อีกครั้งหนึ่ง สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจในบ้านเราวันนี้จะมีการประกาศเงินเฟ้อเดือน ต.ค.67 ซึ่ง CONSENSUSคาดที่ 0.94% YOY ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายที่ 1-3%ประเมินว่า SET INDEX วันนี้น่าจะมีโอกาสผันผวนไปตามความคืบหน้าของการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งสหรัฐฯ กรอบ 1475 –1490 จุด หุ้น TOP PICK วันนี้เลือก AOT, CENTEL และ SCGP
สัญญาณเศรษฐกิจดีขึ้น หนุนเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง
วานนี้ ตลาดหุ้นโลกดีดตัวขึ้นแรง เฉพาะอย่างยิ่งในฝั่งสหรัฐปิดบวกมากกว่า 1% และจีนขยับขึ้นราว 2% ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดย WTI วิ่งขึ้นมาเยือนที่72 เหรัยญฯ / บาเรล แล้ว (+4%MTD) สะท้อนเม็ดเงินทะลักเข้าสินทรัพย์เสี่ยง หลังปัจจัยทางเศรษฐกิจส่งสัญญาณดีขึ้น
เริ่มจากสหรัฐฯ เผยดัชนีPMI ภาคบริการ (ISM SERVICE) เดือน ต.ค. 67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 56.0 ซึ่งสูงกว่าคาดและยังทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี หลักๆ มีแรงหนุนมาจากการจ้างงานดีดตัว ทำให้ช่วยผ่อนคลายความกังวลเรื่องเศรษฐกิจRECESSION ลงไปได้บ้าง ขณะที่ BLOOMBERG คาดการณ์โอกาสเกิด
RECESSION ในอีก 1 ปีข้างหน้า ของสหรัฐฯ ลดลงมาอยู่ที่ 25%
ต่อมาสหรัฐฯ เผยดัชนีPMI ภาคบริการ (CAIXIN CHINA PMI SERVICE) เดือนต.ค. 67 ปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 51.9ซึ่งสูงกว่าคาดและยังทำจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือนหลังได้รับอานิสงค์เชิงบวกจากมาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่ เมื่อช่วงปลายเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ นายกฯ จีน (หลี่ เฉียง) ได้ออกมาเรียกความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนในปีนี้ จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 5% พร้อมกับส่งสัญญาณใช้มาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม
สรุป เม็ดเงินไหลทะลักเข้าสินทรัพย์เสี่ยง หนุนตลาดหุ้นดีดตัวแรง หลังปัจจัยทางเศรษฐกิจส่งสัญญาณดีขึ้นในประเทศขนาดใหญ่ ทั้งสหรัฐฯ และจีนอย่างไรก็ตาม ในฝั่งสหรัฐฯ ยังต้องติดตามผลการเลือกตั้ง ปธน. คนใหม่ ซึ่งจะผลต่อการเดินหน้านโยบายต่างๆ ในระยะถัดไป ที่อาจกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลกได้ ส่วนในฝั่งจีน ยังต้องรอดูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในการประชุม NPC วันที่ 8พ.ย. 67 ว่าจะออกมาตามที่ตลาดคาดหวังไว้มากน้อยเพียงใด
การเลือกตั้งสหรัฐปี 2024 เป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดฯที่แท้จริง
วันที่ 5 พ.ย. 67เป็นวันเลือกตั้งสหรัฐฯ คนที่ 47 หลังจากนั้น 11 ธ.ค.67 แต่ละรัฐฯต้องรับรองผลการเลือกตั้ง ต่อด้วย 17 ธ.ค.67 คณะผู้เลือกตั้งลงคะแนนเลือก ปธน. แล้วถึงจะรู้ผลลัพธ์ที่แน่นอนในวันที่ 6 ม.ค.68 ผ่านการนับคะแนนของประธานวุฒิสภา
ซึ่งผลการนับคะแนนล่าสุด ณ 8.09 น. ให้ทาง DONALD TRUMP (พรรคREPUBLICAN) มีคะแนนนำ KAMALA HARRIS (พรรค DEMOCRAT) อยู่ 95 ต่อ 35เสียง อย่างไรก็ตามต้องติดตาม 7 รัฐ SWING STATE เนื่องจากเป็นตัวแปรสำคัญของผลคะแนน โดยช่วง 10 – 11 โมง (ตามเวลาไทย) น่าจะเริ่มเห็นแนวโน้มผลการเลือกตั้งจาก 4 SWING STATE ซึ่งล่าสุด 3 รัฐ SWING STATE อย่าง MICHICAN ,PENSYLVANIA และ NORTH CAROLINA พรรค DEMOCRAT มีคะแนนนำอยู่ จึงทำการเลือกตั้งในครั้งนี้นัลงทุนต้องติดตามการนับคะแนนอย่างใกล้ชิด
โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน ถ้าพรรค REPUBLICAN ชนะ ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสผันผวนขึ้น จากผลกระทบของการเก็บภาษี 100% ประเทศจีน หรือประเทศในกลุ่ม BRICS,ค่าเงินมีโอกาสผันผวน และเงินเฟ้อสหรัฐฯ อาจยืนสูงนานขึ้น แต่ยังมีหุ้นที่ได้ประโยชน์คือ หุ้นกลุ่มขนส่งจากการเร่งสั่งสินค้าก่อนมีการขึ้นภาษีRCL PSL SJWD WICEหุ้นกลุ่มนิคมฯ จากการเปิดโรงงานในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยงจากประเด็นกำแพงภาษี AMATA WHA ROJNA และเก็งกำไรหุ้นกลุ่มได้ประโญชน์จากBITCOIN TTA JTS BTC เป็นต้น
ในทางกลับกันหากพรรค DEMOCRAT ชนะในสมัยที่ 2 มองว่าสภาพแวดล้อมดีต่อตลาดหุ้นไทย ตามนโยบายการเพิ่ม CORPORATE TAX สหรัฐจาก 21% เป็น 28%ส่งผลลบต่อกำไรบริษัทจดทะเบียน ทำให้ FUND FLOW มีแนวโน้มไหลออกจากสหรัฐไปประเทศอื่นๆ ส่วนเงินเฟ้อสหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวเข้าสู่กรอบเป้าหมาย โดยมีหุ้นที่ได้ SENTIMENT บวก คือ หุ้นได้ประโยชน์บาทแข็ง GULF GPSC BGRIM, หุ้นวัฎจักรดอกเบี้ยขาลง MTC TIDLOR TISCO, หุ้นได้ประโยชน์จากจีน IVL SCGP SCC เป็นต้น
ทิศทางกำไร 3Q67 กลุ่มท่องเที่ยวเป็นอย่างไรบ้าง
แม้แนวโน้มกำไรกลุ่มท่องเที่ยว 3Q67 (4Q67 สำหรับ AOT) ลด QOQ ทั้งจาก LOWSEASON ใน EU (MINT), OPEX ตามฤดูกาลของ AOT และค่าใช้จ่ายในการเปิดโรงแรมใหม่ของ CENTEL, ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มตามภาระหนี้ของ ERW อย่างไรก็ดีประเมินกำไรเตรียมผ่านจุดต่ำของปี หลังประกาศงบ 3Q (MINT 12 พ.ย.,CENTEL&ERW 14 พ.ย. และ AOT วันที่ 21 พ.ย.) โดยเฉพาะหุ้นที่อิงกับท่องเที่ยวไทยเป็นหลัก คาดกำไรปกติไต่ระดับ QOQ ตั้งแต่งวด ต.ค. 67 ถึงสิ้น มี.ค. 68 หนุนด้วย SEASONALITY ของท่องเที่ยวไทย (ปกตินักท่องเที่ยว 1Q เป็นจุดสูงสุดของปี)สะท้อนจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย ต.ค. 67 ที่ 2.68 ล้านคน (+6.3% MOM,+22% YOY) และมีสัญญาณดีจากตัวเลขนักท่องเที่ยวฯ รายสัปดาห์ (28 ต.ค. – 3พ.ย. 67) สูงสุดในรอบ 12 สัปดาห์ ที่ 701,962 คน เพิ่ม 20% WOW (+ 25.9%YOY)เพราะจีนและรัสเซีย ประกอบกับธุรกิจร้านอาหาร (CENTEL, MINT) เตรียมเข้าสู่ช่วงเฉลิมฉลองในงวด 4Q รวมถึงลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศโค้งท้ายปีราคาหุ้นกลุ่มอิงท่องเที่ยวส่วนใหญ่ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เคลื่อนไหวแพ้ SET INDEX มองว่าตอบรับปัจจัยงบ 3Q แล้ว เลือก AOT (OUTPERFORM :FV@B69) เป็น TOP PICK กลุ่มฯ ตามเดิม รับประโยชน์จากการไหลเข้าของนักท่องเที่ยวฯ มากสุดในกลุ่มในฐานะประตูสู่ประเทศไทย ประกอบกับทิศทาง ROEเป็นขาขึ้นเฉลี่ย 16.4% (D/E ณ สิ้นงวด 3Q67 ที่ 0.6 เท่า) สูงสุดในหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่ฝ่ายวิจัยศึกษา ด้านกลุ่มโรงแรม ชอบ CENTEL(OUTPERFORM : FV@B48) ผ่านการเปิดโรงแรมใหม่ที่มัลดีฟส์ 2 แห่งปีหน้า, โรงแรมญี่ปุ่น ทยอยดีขึ้น หลังเปิดดำเนินการปีที่ 2 และโรงแรมใหญ่ที่พัทยากลับมาเปิดดำเนินงานเต็มรูปแบบ หลังปิดปรับปรุงแล้วเสร็จในปีนี้ คาดหนุนการเติบโตกำไรต่อเนื่องปี 2568 – 69 ตามด้วย MINT (OUTPERFORM : FV@B37) เพราะวงจรดอกเบี้ยขาลงใน EU และ PER ซื้อขายต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และชอบน้อยสุดในกลุ่มฯ ERW (NEUTRAL : FV@B4.9)เนื่องจาก UPSIDE และประเมินอัตราการเติบโตปีหน้าต่ำกว่าโรงแรมอื่น
Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์