News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

18 ต.ค. 2567 09:06:45 519

Market Wrap-Up

SET วันที่ 17 ต.ค.67 ปิด +10.01 จุด อยู่ที่ 1,495.02 จุด มูลค่าการซื้อขาย 60,355 ลบ.รายย่อยซื้อ 1,071 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 654 ลบ.สถาบันซื้อ 833 ลบ. และต่างชาติขาย 2,560 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,635 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น KTB,CPAXT,KBANK,BBL,PTT และยอดขายในหุ้น PTTEP,BDMS,JMT,IVL,CPALL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,473 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ LH,ERW,SPALI โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 5,177 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 89,814 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 2,107 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.37%, S&P500 -0.02%, Nasdaq +0.40% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี หลัง TSMC +9.8% ตอบรับกำไร Q3/67 ดีกว่าคาด ,กลุ่มธนาคารใน S&P500 +0.10% รับงบ Q3/67 ดีกว่าคาด ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค -0.9%, อสังหาฯ -0.7% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.83% ได้แรงหนุนจากกลุ่มผู้ผลิตอาวุธ +2.6% และกลุ่มวัฏจักรเศรษฐกิจ เช่น ธนาคาร & การเงิน, อุตสาหกรรมปรับขึ้น หลัง ECB ลดดอกเบี้ย 0.25%

Market View

ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี หลัง TSMC รายงานกำไร Q3/67 อยู่ที่ 10.1 พัน ล.ดอลลาร์ +54% YoY และดีกว่าคาดที่ 9.23 พัน ล.ดอลลาร์ กอปรแนวโน้มรายได้ Q4/67 คาดเพิ่มขึ้น +35% YoY ส่งผลบวกไปยัง Nvidia +0.90% ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ ยอดค้าปลีกสหรัฐ ก.ย. +0.4% & คาด +0.3% & ส.ค. +0.1% MoM และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 19,000 ราย อยู่ที่ 241,000 ราย ลดลงมากสุดในรอบ 3 เดือน บ่งชี้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐยังเติบโตดี ส่วนราคาหุ้น Netflix หลังปิดตลาด +4.9% ตอบรับกำไร Q3/67 ดีกว่าคาด จากจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น 5.07 ล.ราย สูงกว่าคาดที่ 4.54 ล.ราย
ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับขึ้น หลัง ECB มีมติปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารกับ ECB ลดลงอยู่ที่ 3.25% เป็นการปรับลดลงครั้งที่ 3 ในรอบปีนี้ หลัง CPI ยูโรโซน ก.ย. ลดลงอยู่ที่ 1.7% YoY ต่ำกว่าระดับเป้าหมายที่ 2% กอปรกับ ปธ.ECB ยังกังวลต่อภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ EU ส่งผลให้ตลาดคาด ECB มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุม ธ.ค.
ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -1.05%, ฮั่งเส็ง -1.02% หลังกระทรวงการเคหะจีนแถลงเพียงจะเพิ่มรายชื่อโครงการอสังหาฯ ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินลงทุน และเพิ่มวงเงินสินเชื่อวงเงินราว 5.62 แสน ล.ดอลลาร์ และมาตรการสร้างรายได้สำหรับโครงการพัฒนาเมืองราว 1 แห่ง แต่โดยรวมนักลงทุนยังรอความชัดเจน ม.กระตุ้นเศรษฐกิจอื่น ๆ เพิ่มเติม ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจเช้านี้ติดตาม GDP จีน Q3/67 คาด 5% & Q2/67 4.7% YoY รวมถึงยอดค้าปลีก, ผลผลิตภาคอุต ฯ, ราคาบ้าน และอัตราว่างงานจีน ก.ย.
SET วานนี้ +0.67% ปริมาณการซื้อขาย 6.0 หมื่น ลบ. รายย่อยซื้อ 1,071 ลบ. สถาบันซื้อ 833 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 654 ลบ. และต่างชาติขาย 2,560 ลบ. โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มไอซีที & โรงไฟฟ้า นำโดยกลุ่ม New Co.ของ GULF, INTUCH, ADVANC ที่คาดกำไรในอนาคตมีโอกาสเติบโตได้ดีตามเทรนด์ธุรกิจ Ai & Data Center ส่วนกลุ่มอิเล็ก ฯ ก็ปรับขึ้นตามกลุ่มผู้ผลิตชิปใน Nasdaq กอปรกลุ่มเหล่านี้ยังได้ประโยชน์หลัง กนง.ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% และอาจปรับลดดอกเบี้ยต่อในช่วง Q1/67 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านการเงิน โดยการปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% จะส่งผลบวกต่อ Upside ดัชนี SET ราว 40 – 50 จุด ส่วน ม.กระตุ้นภาคอสังหาฯ วานนี้ ครม.เตรียมพิจารณาโครงการ ซื้อ,สร้าง,ซ่อม,แต่ง วงเงินรวม 5.5 หมื่น ลบ. รวมถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับใช้ซ่อมแซมบ้านหลังภัยน้ำท่วม ซึ่งจะส่งผลบวกต่อรายได้หุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง และผู้พัฒนาทีอาศัย ประเด็นที่ต้องติดตามวันนี้ TTB จะรายงานกำไร Q3/67 ซึ่ง Consensus คาดที่ 5.34 พัน ลบ. ทรงตัว QoQ, +12.9% YoY

Daily Strategy

วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,480 โดยมีแนวต้าน 1,500 – 1,505 ระยะสั้นดัชนีได้ปรับขึ้นรับข่าวบวกของดอกเบี้ยที่ปรับลดลงไประดับหนึ่งแล้ว กอปร Valuation ของดัชนีเริ่มแพงขึ้นเทรดที่ F/PE 3 X และรอการรายงานงบ Q3/67 ของกลุ่มธนาคาร ดังนั้นแนะนำทยอยขายทำกำไรบางส่วนบริเวณแนวต้าน ระยะสั้นแนะนำทยอยซื้อ GLOBAL,DOHOME,HMPRO คาดได้ประโยชน์จาก ม.ซ่อมแซมบ้าน / เก็งกำไร DELTA,CCET,SVI มีสัญญาณบวกทางเทคนิค
BEM* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 11.50 บาท) แนวโน้ม 3Q67 คาดกำไรปรับตัวขึ้นต่อจากปริมาณผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าที่สูงขึ้น +7%YoY ที่ 3 ล้านเที่ยว และ BEM ปรับขึ้นค่าโดยสารสายสีน้ำเงินเฉลี่ย 1 บาท/เที่ยว ตั้งแต่ 3 ก.ค.67 รวมถึงจะมีเงินปันผลจาก TTW เข้ามาอีกก้อนหนึ่ง ส่วนนโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ไม่ส่งผลกระทบ โดย BEM เป็นเจ้าของสัมปทานสายสีน้ำเงิน คาดบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการขายคืนไปชำระหนี้ และรับจ้างบริหารแทน ขณะที่โครงการทางยกระดับชั้นที่ 2 มีความคืบหน้า หลังได้รับความเห็นชอบ EIA ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 3.9 พันล้านบาท +12%YoY และ 4.3 พันล้านบาท +11%YoY
WHA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท) สำหรับภาพการดำเนินงานกลุ่มนิคมฯในปี67-68 เราคาดว่าจะยังมีแรงหนุนจากการตั้งฐานการผลิตกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV)/ การตั้ง Data Center รวมไปถึงการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย โดยในส่วนของ WHA เองวางเป้ารายได้รวม (รวมส่วนแบ่งกำไร) ราว 1.5 หมื่นลบ./ EBITDA margin>50% และ เป้าขายที่ดินปีนี้ 2,500 ไร่(เพิ่มขึ้นจากเป้าเดิมที่ 2,275 ไร่) +18%YoY เน้นไปที่ที่ดินในไทย 2,300 ไร่ ส่วนที่เหลือ 200 ไร่เป็นที่ดินในเวียดนาม ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิของ WHA ปี67 และ 68 จะอยู่ที่ 4,645 ลบ.(+5%YoY) และ 5,943 ลบ.(+28%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI พ.ย. +$0.28 อยู่ที่ $70.67 / บาร์เรล, Brent ธ.ค. +$0.23 อยู่ที่ $74.45/บาร์เรล ได้แรงหนุนจาก EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 2.2 ล.บาร์เรล สวนทางคาดเพิ่มขึ้น 1.8 ล.บาร์เรล

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$16.20 อยู่ที่ $2,707.50 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.25% ใน พ.ย. กอปรกับทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +0.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมียอดขายหุ้นไทย -77.19 ล.ดอลลาร์หสหรัฐ, ซื้อหุ้นอินโดฯ +78.74 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -0.82 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 32.12 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.089 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -82 จุด อยู่ที่ 1,594

(-) BitCoinเช้านี้ -0.23% อยู่ที่ 67,550 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

16 ต.ค. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 5/2567

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย

ต่างประเทศ

17 ต.ค. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ก.ย.)

EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ( ต.ค.)

EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US ดัชนียอดขายปลีก (ก.ย.)

18 ต.ค. US ดัชนีจีดีพี (GDP) ของจีน (ไตรมาส 3)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio October 2024: CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS