ภาพตลาดและแนวโน้ม
Market wrap & Outlook
สรุปภาพตลาดวานนี้ SET เคลื่อนไหวแบบ Sideways กลุ่มที่บวกแรงโดดเด่นมีประกันฯ TLI BLA THRE คอมเมิร์ช โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย CRC COM7 ADVICE JMART และกลุ่มธนาคาร KTB BBL KBANK เห็นโมเมนตัมบวกได้ดีขึ้น ส่วนหุ้นเล็ก พบสัญญาณบวกแรงกลับเข้ามาใน MCOT TIGER TEAMG เป็นต้น
แนวโน้มตลาดวันนี้
หุ้นไทย ต้องไม่งงในดงแดง
วันนี้คาดดัชนีหุ้นไทย ยังแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคต่อเนื่อง หลักๆจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน ค้าปลีก แม้ว่าหุ้นพลังงานเชื่อมโยงน้ำมันอาจเจอบททดสอบรายวัน (น้ำมันขึ้นหุ้นนิ่ง ต้องมาดูว่าพอน้ำมันลง จะยังคงรักษาทรงอยู่ได้ไหม)
ส่วนปัจจัยสนับสนุนการซื้อเก็งกำไรหุ้นรายตัว คือ ทิศทางผลประกอบการ, การประชุมนักวิเคราะห์กับข้อมูลคาดการณ์กำไร ไตรมาส 3/24, หุ้นตามกระแสข่าว ฯลฯ
สำหรับประเด็นการลงทุนอื่นๆที่ต้องติดตาม ได้แก่ โอกาสที่ กนง.จะลดดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดการณ์เดิมของตลาด คือการลดดอกเบี้ยในการประชุม 16 ต.ค.นี้เลย โดยไม่ต้องรอ รอบ ธค. ซึ่งอาจจะเป็นเซอร์ไพร์สน้ำหนักด้านบวกต่อตลาดหุ้นไทย มากกว่าน้ำหนักด้านลบต่อกลุ่มแบงก์
คาดการณ์กรอบดัชนีฯสัปดาห์นี้ “Consolidated” เหนือ 1,426 จุด แนวต้าน 1,460 จุด (ขยับจาก 1450) “ตอนนี้ยังเล่นอยู่บนกรอบที่คาดการณ์”
กลยุทธ์การลงทุน
กลยุทธ์แนะนำ เลือกหุ้นเล่นเป็นรายตัว โฟกัสไปข้างหน้า เน้นไปที่แนวโน้มผลการดำเนินงานที่จะมีโอกาสถูกปรับเพิ่มประมาณการณ์ หรือ มองเห็นปัจจัยหนุนชัดเจนที่จะเข้ามาเกื้อหนุนต่อผลการดำเนินงานหลังจากนี้
วิเคราะห์ทางเทคนิค
ตราบใดที่ แนวโน้ม SET Index ยังไม่หลุดแนวรับสำคัญ 1,426 จุด บนเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 25 วัน คาดว่าฐานดัชนีฯจะยกสูงขึ้น และรอวันขึ้นทะลุผ่าน แนวต้านเดิมที่ทำไว้บริเวณ 1,470 จุด ในกรณีที่หลุด 1,426 จุด จะเกิด False signal และกลับลงมาที่ฐาน 1,400 จุด จาก Gap ที่เปิดทิ้งไว้ ซึ่งเราไม่คิดว่าจะเกิด เพราะดัชนีฯได้ลดความร้อนแรงจากภาวะ Overbought ไปแล้วตาม กราฟ Modified Stochastic ขณะที่รูปแบบดัชนีฯหลัก ได้ทำลายเส้นแนวโน้มขาลงไปแล้วเมื่อ ส.ค. พร้อมทั้งขึ้นทะลุผ่าน แนวต้านหลัก เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ได้สำเร็จ ดังนั้นกราฟรายสัปดาห์ มีโอกาสเล่นขึ้นต่อมากกว่าที่จะปรับลง
What to watch
งบธนาคาร: วันที่ 15 มี TISCO (คาดกำไร 1,718 ลบ. -8% y-y, -2% q-q) วันที่ 18 คาด งบ BBL KBANK KTB TTB KKP และวันที่ 21 คาด SCB (ติดตามดูคาดการณ์รายงานงบ 3Q24 ในรายงานฉบับเต็ม)
พายุเฮอร์ริเคน "มิลตัน" ทวีกำลังแรงสู่ระดับ 5 ขณะมุ่งหน้ารัฐฟลอริดา โดยรัฐได้สั่งการให้อพยพประชาชนครั้งใหญ่แล้ว
การประชุม กนง. 16 ต.ค. ตลาดยังคงคาดว่าจะคงดอกเบี้ยฯที่ 2.5% /คลังขยับกรอบเงินเฟ้อปีหน้า 0.5% จาก 1-3% เป็น 1.5-3.5% เผื่อไว้สำหรับการลดดอกเบี้ย เวลาลบแล้ว เป้าเงินเฟ้อจะได้ตามเป้า 2% ของแบงก์ชาติ ขณะที่หนี้ครัวเรือนไทยลดลงต่ำสุดในรอบ 4 ปี เหลือ 89.6% (จากกรอบแบงก์ชาติ 91.4%)เหตุแบงก์ไม่ปล่อยสินเชื่อ และการแก้หนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 86% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนพ.ย. และให้น้ำหนัก 14% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนดังกล่าว
ครม. เคาะเพิ่มวงเงินเยียวยาน้ำท่วมเหมาจ่าย 9 พันบาท/หลัง ตามที่กระทรวงมหาดไทย เสนอหลักเกณฑ์การเยียวยาจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โดยเปลี่ยนเป็นการช่วยเหลือแบบเหมาจ่ายอัตราเดียว ครัวเรือนละ 9,000 บาท ภายใต้กรอบวงเงินเดิมตามมติครม. เมื่อวันที่ 17 ก.ย. 67 คือวงเงิน 3,045 ล้านบาท
จีนให้คำมั่นฟื้นฟูศก. แต่เมินประกาศแผนกระตุ้นรอบใหม่ คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน (NDRC) ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการในหลายด้านเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้ประกาศแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่เพิ่มเติม
ประธานเจิ้งกล่าวว่า เงินที่ระดมทุนได้จากการออกพันธบัตรพิเศษที่มีอายุการไถ่ถอนเป็นเวลานาน มูลค่ารวม 1 ล้านล้านหยวนเมื่อไม่นานมานี้ ได้ถูกนำไปใช้อย่างเต็มที่เพื่อสนับสนุนโครงการท้องถิ่น พร้อมกับให้คำมั่นว่าจีนจะยังคงออกพันธบัตรพิเศษที่มีอายุการไถ่ถอนเป็นเวลานานในปีหน้า
เจ้าหน้าที่อาวุโสของ NDRC รายหนึ่งกล่าวว่า รัฐบาลกลางของจีนจะเปิดเผยแผนการลงทุนมูลค่า 100,000 ล้านหยวนสำหรับปีหน้าภายในสิ้นเดือนนี้ ซึ่งนับว่าเร็วกว่ากำหนด
นักเศรษฐศาสตร์และเทรดเดอร์ต่างจับตาการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากคณะผู้นำของจีนได้ส่งสัญญาณถึงความต้องการที่จะยุติการชะลอตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยก่อนที่จะถึงช่วงหยุดยาววันชาติ รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายรายการ ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย การเพิ่มสภาพคล่องเพื่อสนับสนุนการปล่อยกู้ในภาคธนาคาร และให้คำมั่นสัญญาว่าจะสนับสนุนตลาดหุ้นในวงเงินสูงถึง 3.40 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ราคาน้ำมันร่วงลงหลังจากมีรายงานว่า กลุ่มฮิซบอลเลาะห์เปิดรับโอกาสการเจรจาหยุดยิง หลังจากกองกำลังทหารอิสราเอลยกระดับการโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ด้วยการรุกคืบเข้าสู่พื้นที่ตอนใต้ของเลบานอน
สำหรับสถานการณ์ล่าสุดนั้น เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลยืนยันว่า อิสราเอลได้สังหารฮาเชม ซาฟิดดิน ผู้ที่ได้รับการคาดหมายว่าจะขึ้นมาเป็นผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์คนต่อไป หลังจากกองทัพอิสราเอลได้โจมตีพื้นที่ตอนใต้ของกรุงเบรุต ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ โดยมีเป้าหมายสังหารฮาเชม ซาฟิดดิน
หุ้นแนะนำวันนี้
THCOM รายงานข่าวจาก สำนักงาน กสทช. เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา สำนักงาน กสทช. ได้เปิดให้เอกชนเข้ายื่นข้อเสนอการขอใบอนุญาตดาวเทียมวงโคจรประจำที่ ตำแหน่ง 50.5,51 และ 142 องศาตะวันออก ที่ยังประมูลไม่ออกในครั้งแรกเมื่อเดือน ม.ค. ปี 66 เนื่องจากไม่มีเอกชนรายใดสนใจประมูลในวงโคจร ซึ่งหลังสิ้นสุดกำหนดระยะเวลาเปิดยื่นข้อเสนอการขอใบอนุญาตฯในวันที่ 7 ต.ค. ปรากฏว่าเอกชนสนใจยื่นเอกสารเพียงรายเดียวคือ บริษัทในเครือ บมจ.ไทยคม ซึ่งสนใจยื่นขอใบอนุญาตทั้ง 3 ตำแหน่งวงโคจร(S 13 R 14 SL 12.7)
รายงานพื้นฐานวันนี้
CPF
เจริญโภคภัณฑ์อาหาร
กำไร 3Q24 เป็นไตรมาสที่ดีสุด
เราคาดกำไรหลัก 3Q24 ทำสถิติสูงสุดของปีที่ 6.6 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุนหลัง YoY และเพิ่มขึ้น 14% QoQ และสูงกว่าที่เราเคยคาดไว้ก่อนหน้าที่ 5 พันล้านบาท ปัจจัยหนุนหลักไตรมาสนี้มาจากราคาหมูไทย-จีน-เวียดนามที่ยังแกร่ง สำหรับต้นเดือน ต.ค. ราคาหมู-ไก่ ย่อลงมา เกิดจากปัจจัยฤดูกาล แต่ก็ถือว่าลงมาน้อยกว่าคาด ทำให้คาดการณ์ว่าราคาจะขยับขึ้นใน 4Q24 ได้ไม่ยาก
ในด้านต้นทุนยังมีแนวโน้มลดลง ทั้งจากราคาและนวัตกรรมการลดต้นทุนการเลี้ยงต่างๆ ทำให้ถึงจุดคุ้มทุนจากต้นทุนการเลี้ยงลดลง ทั้งธุรกิจในไทยและ ตปท. และช่วยหนุนอัตรากำไรด้วย
เรามีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลักทั้งปี 2024 ขึ้น 18% สะท้อนแนวโน้มที่ดีกว่าคาดเดิมดังกล่าว
Fundamental view: เราได้ปรับราคาเป้าหมายอิงวิธี SOTP ขึ้นเป็น 28.6 บาท (จาก 27.7 บาท) และยังคงให้คำแนะนำซื้อ และชอบ CPF มากที่สุดในกลุ่มปศุสัตว์
คำถามสำคัญว่าทำไมเรายังคงแนะนำ CPF เนื่องจากหากเราย้อนกลับไปดูรูปแบบราคาหุ้นในอดีต ปีที่กำไรยังน้อยกว่านี้ และแนวโน้มแย่กว่านี้ ตอนนั้นราคาหุ้นยังอยู่ในกรอบ 23-27 บาท ได้
และเปรียบเทียบแนวโน้มราคาปัจจุบัน ทั้งราคาเนื้อสัตว์ และราคาวัตถุดิบที่ยังมีทิศทางว่ายังสร้าง อัตรากำไรที่ดีกว่าใน 4Q24 เราเชื่อว่าจะคงเป็นปัจจัยหนุนให้กับหุ้น CPF ที่ปัจจุบันซื้อขายบน PER ปี 2024-25 ที่ราว 11-12 เท่า เท่านั้น
GPSC
โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่
แนะนำ Switching ไปตัวเทียบอื่น
จากสถานการณ์ La Nina ที่ทำให้น้ำหนัก เราพบว่าแนวโน้มจะกระทบเชิงลบกับ GPSC (มีส่วนที่เป็นโรงไฟฟ้าน้ำในแม่น้ำโขง) โดยเฉพาะใน 3Q24 เพราะน้ำฝนที่มากจนเกินไปและไหลแรง จะทำให้โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำที่แม้จะชอบน้ำควรจะเป็นผลดี กลับเป็นผลเสีย เพราะต้องหยุดเดินเครื่องในบางเวลาช่วง ส.ค.-ก.ย. ที่ผ่านมา ทำให้เราปรับลดคาดการณ์กำไรหลัก 3Q24 ลงเหลือ 1.6 พันล้านบาท ลดลง 6% YoY (กำไรจาก รฟฟ. น้ำลดลง) แต่เพิ่มขึ้น QoQ ตามฤดูกาล
นอกจากนี้ เรายังมองว่าการประมูลโรงไฟฟ้ารอบใหม่ของ กกพ. ที่จะเปิด 2.2GW คาดว่า GPSC อาจ จะไม่ได้มี Upside อย่างมีนัยสำคัญ (เนื่องจากพอร์ตเดิมใหญ่) แม้ชนะในกรณี Best-case ที่ 400MW
อย่างไรก็ตาม เรามองความน่าสนใจของ GPSC จะอยู่หลังประมาณงบ 3Q24 เพราะแนวโน้มใน 4Q24-1Q25 ที่จะมีน้ำมากกว่าช่วงเวลาปกติที่เป็น Low season และน่าจะไม่ได้เป็นระดับที่หนักเกินไปแบบ 3Q24 จะทำให้ผลประกอบการกลับมาโดดเด่น
Fundamental view: ทั้งนี้ ในระยะสั้นที่ราคาหุ้น GPSC ขึ้นมาแล้ว 14% ตั้งแต่ปรับคำแนะนำขึ้นมา เราแนะนำให้ล็อคกำไรแล้ว Switching (ปรับคำแนะนำลงเป็นถือ) ไปที่ ...
BGRIM ที่เล่นตามแนวโน้มราคา Pool Gas ลดลง (ปี 2025) และเปรียบเทียบเชิง Valuation ที่ PER ถูกกว่า ได้ดีกว่า
GUNKUL ที่เล่นธีมโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนได้ดีกว่า จาก Upside จากประมาณการสูงกว่า
THCOM
ไทยคม
เปลี่ยนตัวเล่นสู่กลุ่มหลัก
แม้ว่าในภาพรวมจะมีประเด็นบวกต่อ THCOM จากกรณีที่ กสทช. ผ่อนคลายเกณฑ์การประมูลวงโคจร เพื่อไม่ให้ไทยสูญเสียสิทธิในการใช้วงโคจรในสล็อค 50.5 และ 142 องศาตะวันออก ซึ่งก่อนหน้านี้ THCOM ไม่ได้สนใจเข้าร่วมประมูล ซึ่งหากรอบนี้เข้าและชนะการประมูลได้ ก็จะเป็นผู้ครองสล็อตวงโคจรของไทยที่ยากต่อการเข้ามาของผู้เล่นรายใหม่
อย่างไรก็ตาม เรามองภาพกลับมาที่ระยะสั้น 3Q24 ไม่ค่อยน่าตื่นเต้น โดยคาดกำไรหลักที่ 19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 8% YoY (ส่วนแบ่งขาดทุนน้อยลง และดอกเบี้ยจ่ายลดหลังจ่ายหนี้) แต่ลดลง 61% QoQ จากรายได้ Thaicom-4 ที่ลดลง และน่าจะมีขาดทุน FX จากเงินบาทแข็งค่า ทำให้รายงานผลประกอบการสุทธิจะออกมาเป็นขาดทุนสุทธิราว 327 ล้านบาท
เราได้สะท้อนตัวเลขที่ไม่ค่อยดีใน 2H24 เข้าไปในประมาณการกำไรทั้งปี 2024 ปรับลดคาดการณ์กำไรหลักลง 21% เป็น 135 ล้านบาท
Fundamental view: เราปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 15.10 บาท (จาก 16.20 บาท) และคำแนะนำ ลงเป็น ถือ (เดิมซื้อเก็งกำไร) โดยมองโอกาสที่จะกลับมาเก็งกำไรได้น่าตื่นเต้น รอลูกค้าอินเดียช่วง 4Q24-1Q25 แต่ในระหว่างนี้ เรามองว่าในกลุ่มสื่อสาร ADVANC และ TRUE ดูน่าสนใจกว่า
สรุปประเด็นจาก Quick take
OKJ
ปลูกผักเพราะรักแม่
น้ำท่วมในจังหวัดเชียงใหม่ เริ่มคลี่คลาย
จากข่าวที่ OKJ ประกาศต่อ SET เรื่องผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงใหม่ ต่อฟาร์มผักที่อำเภอสารภี ซึ่งคิดเป็นประมาณไม่เกิน 13% ของกำลังการผลิตผักสลัดทั้งหมด ปัจจุบัน สถานการณ์ในฟาร์ม เริ่มคลี่คลาย ระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่อง ผู้บริหารมีความเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานและฐานะการเงินบริษัทฯ
View From Fundamental: ณ ปัจจุบัน เนื่องจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดเชียงใหม่เริ่มคลี่คลาย เมื่อมองในภาพรวมของผลการดำเนินงานทั้งปีของ OKJ เราคาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบ
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน