Strategy Update
น้ำท่วมปี 67 ตระหนัก แต่อย่าตระหนก

กลยุทธ์การลงทุน

สถานการณ์น้ำท่วมปี 67
ข้อมูลจากกรมชลประทาน ณ วันที่ 17 ก.ย.67 พบว่าปัจจุบันยังมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 14 จังหวัด ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคเหนือ (เชียงราย พิจิตร) กลางตอนบน (ชัยนาท อ่างทอง) และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (หนองคาย นครพนม อุดรธานี) ขณะที่ในช่วงที่เหลือของ ก.ย.- ต.ค. ยังอยู่ในช่วงติดตาม เนื่องจากเป็นช่วงที่ถูกคาดหมายว่าจะยังมีพายุพัดผ่าน แต่อย่างไรก็ตามประเมินผลกระทบน้ำท่วมปี 67 ไม่รุนแรงเท่ากับปี 54 โดยอ้างอิงข้อมูลผลกระทบ GISTDA พบพื้นที่ยังมีน้ำท่วมในเดือน ก.ย.ระหว่างวันที่ 10 ก.ย.-16 ก.ย 67 อยู่ที่ 9.05 แสนไร่ ต่ำกว่าปี 54 อยู่ที่ 16 ล้านไร่อยู่มาก (แถมต่ำกว่าปี 64/65 พื้นที่น้ำท่วม 5.6/5.3 ล้านไร่) นอกจากนี้ปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาที่ปริมาณน้ำในเขื่อนเฉลี่ย 63% ของความจุเทียบกับปี 54 ที่ปริมาณเต็มความจุ จึงประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมในภาคกลางและ กทม. ยังอยู่ในระดับต่ำ ส่วนผลกระทบของน้ำท่วมปี 67 ต่อเศรษฐกิจ กกร. คาดสร้างความเสียหาย 6-8 พันล้านบาทหรือคิดเป็น 0.03 – 0.04% ของ GDP

กลุ่มหุ้นที่ได้และเสียประโยชน์จากน้ำท่วมใหญ่ในอดีต
ในเชิงของผลกระทบต่อกลุ่มอุตสาหกรรมและหุ้น หากเทียบเคียงกับสถิติในอดีตกรณีที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 หากแบ่งออกเป็น 2 ช่วง
 ช่วงการปรับฐานใหญ่ (31 ก.ค. – 4 ต.ค. 2554) เป็นช่วงที่เศรษฐกิจเผชิญกับผลกระทบเชิงลบจากปัญหาน้ำท่วม SET Index ปรับฐานจากจุดสูงสุดของปีที่ทำไว้ระดับ 1133.53 จุด เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 2554 ลงทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 855.45 จุด ในวันที่ 4 ต.ค. 2554 หรือคิดเป็น -24.53% โดยกลุ่มหุ้นที่โดนผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญประกอบด้วย 1) ภาคอุตสาหกรรมและการผลิต (PKG -43.21%, PETRO -42.25%, ETRON -42.25%, AUTO -19.34%) 2) เกษตรกรรม (AGRI -34.75%) พืชผลทางการเกษตร รวมถึงอุตสาหกรรมการเกษตรต้องชุดชะงัก ธนาคารฯ 3) (BANK -27.80%) ซึ่งมีความเสี่ยงจากปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ของทั้งรายย่อยและภาคธุรกิจ และกลุ่มอื่นๆ ที่การดำเนินงานต้องสะดุด (TRANS -27.21%, PROP -23.10%, ENERG -29.40%, TOURISM -20.32%) ส่วนหุ้นบวกมีเพียง HELTH+0.9% ในฐานะกลุ่ม defensive
 ช่วงการฟื้นตัว (4 ต.ค. – 8 ธ.ค. 2554) เป็นช่วงที่ปัญหาน้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย SET Index ฟื้นตัวจากระดับ 855.45 จุด กลับขึ้นสู่ระดับ 1043.24 จุด ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบการฟื้นตัวครั้งนี้ ในวันที่ 8 ธ.ค. 2554 หรือคิดเป็น +21.95% ทั้งนี้ กลุ่มหุ้นที่ฟื้นตัวได้โดดเด่น นำโดย กลุ่มที่ปรับตัวลงแรงในช่วงก่อนหน้าและ/หรือได้ประโยชน์หลังภาวะน้ำท่วม นำโดย PETRO +36.17%, ENERG +26.37%, AGRI +25.40%, PKG +20.09%, TOURISM +19.10% และ CONMAT +33.74% ส่วนหุ้นที่ Underperform นำโดย INSUR +7.34% จากความเสี่ยงการจ่ายชดเชยน้ำท่วม

น้ำท่วม 2567: ผลเชิงลบจำกัด หุ้นจะได้ประโยชน์ช่วงการฟื้นฟูในเชิงกลุยทธ์ประเมินผลกระทบเชิงลบจากน้ำท่วมปี 2567 น่าจะจำกัด เนื่องจากน้ำท่วมครั้งนี้น่าจะไม่กระทบต่อพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญดังเช่นน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ที่ผ่านมา แต่ในทางกลับกันในช่วงที่สถานการณ์เริ่มผ่อนคลาย การฟื้นฟูซ่อมแซมถนน โครงสร้างพื้นฐาน อาคารบ้านเรือน ของทั้งหน่วยงานรัฐและของเอกชน ในบริเวณพื้นที่น้ำท่วม จะช่วยหนุน Sentiment ในกลุ่ม CONMAT COMM โดยเลือก Top picks ของ Theme การลงทุนนี้ ได้แก่ TASCO CPALL BJC HMPRO

Analyst
ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์
Theerasate.p@maybank.com
ชาญชัย พันทาธนากิจ
Chanchai.p@maybank.com

บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย)
TEL : 02-658-5000