***2H67 แนวโน้มดีกว่าที่คาดไว้***
Key Point
2H67 แนวโน้มยังดีจากเรือที่รับใหม่ใน 1H67 ปริมาณการขนส่งสูงขึ้นการปรับขึ้นค่าบริการ และ U Rate ดีขึ้น โดยเฉพาะใน 4Q67 ที่จะมีการ M&A และซื้อโครงการขยายธุรกิจ ในปี 2568 ยังจะเห็นกำไรโตได้ต่อเนื่องทั้งจากเรือที่รับระหว่างปี 2567 และที่จะรับในปี 2568 โดยเฉพาะเรือขนาดใหญ่ 2 ลำ ทางฝ่ายปรับกำไรปีนี้ขึ้น 11.8% เป็น 2,406 ล้านบาท +13.2% y-y ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาพื้นฐานเป็น 10.30 บาท
3Q67 แนวโน้มกำไรลดลง q-q จาก 1) ธุรกิจขนส่งน้ำมันดิบ (COC) เรือ Aframax ต้องออกไปปรับปรุงเรือตั้งแต่ ก.ค. ก่อนกลับมาทำงานให้บริการใหม่ในธุรกิจเรือขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบสำหรับแท่นขุดเจาะน้ำมัน (FSO) ในเดือน ธ.ค. ที่เคยทำในอดีตแต่ปัจจุบันไม่มีเรือให้บริการแล้ว อยู่ในกลุ่มเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (OSV) และเรือ VLCC 1 ลำ มีการเปลี่ยนเรือลำใหม่ ทำให้เรือต้องหยุดให้บริการไป 3 อาทิตย์ ทำให้รายได้ลดลงในกลุ่มเรือขนส่งน้ำมันดิบ (COC) 2) ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและเคมี (PCT) เป็น low season ของการท่องเที่ยวเพราะเป็นฤดูฝน การขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปลดลง โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องบินที่ขนส่งลงภาคใต้ รายได้อ่อนตัวลง 3) ธุรกิจเรือกักเก็บและผสมน้ำมันกลางทะเล (FSU) คาดทรงตัวถึงดีขึ้นเล็กน้อยจาก U Rate ที่ใกล้เคียงหรือดีขึ้นเล็กน้อยจาก 2Q67 ที่ 84.1% และ 4) ธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (OSV) คาดดีขึ้นแม้เรือเท่าเดิม แต่มีการต่อสัญญาใหม่กับลูกค้าได้ค่าเช่าสูงขึ้น
ส่วนกำไรจะเพิ่มขึ้น y-y อย่างมีนัยสำคัญ จาก 1) PCT ดีขึ้นจากเรือเพิ่มขึ้น 2 ลำจากปีก่อน เป็น 39 ลำ 2) FSU อัตราการใช้ทรัพย์สิน (U Rate) ดีขึ้นจาก 3Q66 ที่ 51.5% ซึ่งต่ำสุดของปี ใกล้เคียง 2Q67อยู่ที่ราว 84% และค่าเช่าเรือสูงขึ้น 3) OSV โตดีสุด จากเรือ AWB (โรงแรมลอยน้ำ) เพิ่ม 1 ลำ เป็น 2 ลำ และ Crew Boat เพิ่ม 3 ลำ เป็น 16 ลำ และการปรับขึ้นค่าบริการจากการต่อสัญญาใหม่กับลูกค้า และ 4) COC ลดลงจากเรือ Aframax ที่ออกไปปรับปรุง และเรือ VLCC 1 ลำ หยุดทำงาน 3 อาทิตย์
4Q67 คาดกำไรจะสูงสุดของปี และกำไรปกติดีกว่า 4Q66 ที่ 436 ล้านบาท แต่หากเทียบกำไรสุทธิ 748 ล้านบาท อาจลดลง เพราะมีกำไรขายเรือ 312 ล้านบาท จาก 1) PCT เข้าสู่ high season ของการท่องเที่ยว ปริมาณการขนส่งน้ำมันเพิ่มขึ้น q-q และ y-y อีกทั้งเรือเพิ่มจากปีก่อน 2 ลำ ทำให้รายได้สูงขึ้น q-q และ y-y 2) COC คาดดีขึ้น q-q จากเรือ VLCC 1 ลำ ที่หยุดไป 3 อาทิตย์ทำงานได้เต็มไตรมาส แต่จะลดลง y-y จากเรือ Aframax ที่หายไป 1 ลำ 3) FSU คาดทรงตัว q-q แต่ y-y ดีขึ้นจาก U Rate ที่สูงขึ้นจาก 4Q66 ที่ 61.9% เป็นราว 84% และค่าเช่าสูงขึ้น และ 4) OSV คาดดีขึ้น q-q จากเรือ Aframax ที่ออกไปปรับปรุง กลับให้บริการ FSO ในเดือน ธ.ค. และดีขึ้น y-y จาก Crew Boat ที่เพิ่มขึ้น 3 ลำ นอกจากนี้จะมีการ M&A ในธุรกิจตัวแทนสายเดินเรือและออกของ(SAS) ในโครงการ Ocean ใช้เงินลงทุนไม่มาก แต่เพิ่มศักยภาพไปสู่ธุรกิจและบริการใหม่ ๆ และขยายฐานลูกค้าไปในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมจากเดิมอยู่ในกลุ่มปิโตรเลียม และเจรจาซื้อโครงการพร้อมเรือ Crew Boat 2 ลำ ซึ่งหากได้เซ็นสัญญาสำเร็จทั้ง 2 โครงการจะรับรู้รายได้ทันที ส่วนการจัดหาเรือ Aframax และ FSU ยังไม่ชัดจะทันใน 4Q67 หรือไม่ หากทันถือเป็น Upside เพราะเรือทั้ง 2 ลำมีลูกค้ารอใช้บริการและเป็นเรือขนาดใหญ่รายได้จะสูง
ในปี 2568 แนวโน้มกำไรยังโตได้ต่อเนื่อง จากเรือใหม่ที่รับเข้ามาในระหว่างปี 2567 และเรือ FSO ที่กลับมาทำงานปลายปี 2567 ทำงานได้เต็มปี 2568, เรือเข้าอู่ซ่อมบำรุงลดลงจากปี 2567 ที่เข้าอู่ 26-28 ลำ และไม่มีเรือใหญ่เข้าอู่, M&A และการซื้อโครงการใน 4Q67, เรือใหม่ Aframax และ FSU เป็นเรือขนาดใหญ่ที่อาจรับใน 4Q67 หรือเลื่อนมาในปี 2568, 2 ส.ค. 2567 ได้สั่งต่อเรือ Crew Boat ใหม่ 2 ลำ รับในเดือน มี.ค. และ ก.ค. 2568 และปลายปี 2567 จะมีสั่งต่อเรือใหม่กลุ่ม PCT จำนวน 6 ลำ ขนาด 2,500 DWT รับมอบปลายปี 2568
ทางฝ่ายได้ปรับประมาณการรายได้ขึ้นเป็น 9,227 ล้านบาท และปรับกำไรสุทธิขึ้น 11.8% เป็น 2,406 ล้านบาท +13.2% y-y ส่วนหุ้นซื้อคืน 172.89 ล้านหุ้น มีนโยบายจะลดลงทุน ทำให้หมดกังวลเรื่องการขายคืนกลับเข้ามาในตลาด ยังคงอิง P/E ที่ 10 เท่า ปรับราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 10.30 บาท ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”
สยาม ติยานนท์นักวิเคราะห์การลงทุนด้านหลักทรัพย์ #17970โทร: 66 2 635 1700 # 4838