Market Wrap-Up
- SET วันที่ 16 ก.ย.67 ปิด +11.14 จุด อยู่ที่ 1,435.53 จุด มูลค่าการซื้อขาย 61,020 ลบ.ต่างชาติซื้อ 350 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 607 ลบ.สถาบันขาย 2 ลบ. รายย่อยขาย 950 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 181 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น STA,KBANK,SCGP,TTB,CPALL และยอดขายในหุ้น PTTEP,PTT,IVL,VGI,ADVANC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,177 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ KKP,SCC,TPIPL โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 5,113 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 49,691 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 65 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.55%, S&P500 +0.13%, Nasdaq -0.52% ได้แรงหนุนกลุ่มการเงิน +1.22%, พลังงาน +1.20% ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยี -0.95%, สินค้าฟุ่มเฟือย -0.32% ส่วนเฟดนิวยอร์คเผยดัชนีภาคการผลิต ก.ย. ปรับขึ้นอยู่ที่ 11.5 & ส.ค. -4.7 อยู่ในโซนขยายตัว ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.16% จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี -1.2% ขณะที่กลุ่มค้าปลีก +0.9% หลังราคาหุ้น H&M +3.1%
Market View
- ตลาดสหรัฐวานนี้ DJIA ปิดทำจุดสูงสุดใหม่ ได้แรงหนุนจากกลุ่มการเงิน & พลังงาน ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีปรับลดลง หลัง Apple -2.78% จากยอดขายในช่วงเปิดตัว Iphone 16 ต่ำกว่าช่วงเปิดตัว Iphone 15 เนื่องจากความล่าช้าในการใช้ระบบ Apple Intelligence และการแข่งขันในตลาดจีนที่สูงขึ้น ส่งผลลบไปยังผู้ผลิตชิปด้วย เช่น Nvidia, Broadcom นักลงทุนยังรอผลการประชุมเฟดในช่วงค่ำวันพุธนี้ โดย CME Fed Watch ชี้โอกาส 59% & เดิม 30% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 50% ในการประชุม ก.ย. รวมถึง Fed Dot Plot ที่จะบ่งชี้แนวโน้มการลดดอกเบี้ยสหรัฐในปีหน้า และประมาณการณ์ GDP, อัตราว่างงาน, เงินเฟ้อของสหรัฐ
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปรับลดลงจากแรงขายทำกำไรกลุ่มเทคโนโลยี หลังสัปดาห์ก่อน +5% WoW หลัง ECB ปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากลง 25% อยู่ที่ 3.5% เป็นการปรับลดลงครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ และมีโอกาส 54% ที่จะลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ใน ธ.ค. นี้ สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตามผลการประชุม BOE อังกฤษคาดคงดอกเบี้ยที่ 5.0%
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ทรงตัว โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดในวันผู้สูงอายุ, ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิด 3 วันในเทศกาล Cheseok และตลาดหุ้นจีนปิด 2 วันในเทศกาล Mid-Autumn ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขายชะลอตัว กอปรกับยังรอผลการประชุม FED, BOE และวันศุกร์ การประชุม BOJ คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.25% และ ธ.กลางจีนจะพิจารณาดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ว่าจะปรับลดหรือไม่ หลังตัวเลขเศรษฐกิจจีน ส.ค.มีสัญญาณชะลอตัว เช่น การผลิตภาคอุต ฯ, ยอดค้าปลีก, ราคาบ้าน และอัตราว่างงานในเขตเมืองสูงสุดในรอบ 6 เดือน
- ดัชนี SET +0.78% ปริมาณการซื้อขาย 1 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 350 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 607 ลบ. สถาบันขาย 7.2 ลบ. และรายย่อยขาย 950 ลบ. ได้แรงหนุนจากกลุ่มปิโตรเคมี +7.0% นำโดย IVL +11.1% จากคาดการณ์กำไรปีนี้ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว กอปรเป็นหลักทรัพย์อยู่ในเกณฑ์การลงทุนของกองทุนวายุภักษ์ ส่วนกลุ่มเกษตร +3.5% นำโดยกลุ่มยางพารา & ถุงมือยาง หลังสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าถุงมือยางจากจีนในอัตรา 50% ในปี 68 และเพิ่มเป็น 100% ในปี 69 ขณะที่ EA ปิดซีลลิ่ง หลังบริษัทลูก EA ได้ถอนฟ้อง กกพ. ในโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเฟสแรก ช่วยลดความขัดแย้งกับกลุ่มบริษัทอื่น ๆ และมุ่งเน้นการปรับโครงสร้างของบริษัท ด้วยการหาพันธมิตรทางธุรกิจ โดยสัปดาห์นี้นักลงทุนรอประเมินผลการจองซื้อกองทุนวายุภักษ์วันที่ 16 – 20 ก.ย. ซึ่ง รมว.คลังเผยกระแสตอบรับอยู่ในเกณฑ์ดี และวันนี้ติดตามการประชุม ครม.นัดแรก ในประเด็น ม.กระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น ก.คมนาคมเตรียมเสนองบลงทุน 1 แสน ลบ. ในโครงการรถไฟทางคู่, มอเตอร์เวย์, รถไฟความเร็วสูงไทย – จีน เฟส 2 รวมถึงการพิจารณา พรบ.ตั๋วร่วม ในโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,420 – 1,425 แนวต้าน 1,440 คาดดัชนี SET ทรงตัวในกรอบระหว่างรอผลการประชุมเฟดในวันพุธ รวมถึงการประชุม ครม.นัดแรกและ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แนะนำทยอยซื้อกลุ่มค้าปลีก CPALL,CPAXT,CRC,BJC,GLOBAL/ ไฟแนนท์ SAWAD,MTC,TIDLOR ได้ประโยชน์จาก ม.ปรับโครงสร้างหนี้และดอกเบี้ยขาลง/ AOT,AAV,MINT,CENTEL เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูการท่องเที่ยว/ CK,STEC,TASCO,SCC ได้ประโยชน์จากเม็ดเงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 1 แสน ลบ.
- SAWAD* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 37.50 บาท) แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อ 2H67 มีโอกาสเติบโตได้มากกว่าช่วง 1H67 ที่ทำได้เพียง 4%YoY จากเป้าทั้งปีที่ 10-20% โดยจะมีปัจจัยบวกจากรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจหนุนการใช้จ่าย ขณะที่โครงการ digital wallet เฟสแรกที่เปลี่ยนเป็นเงินสดจะช่วยให้ลูกหนี้มีความสามารถในการชำระหนี้ดีขึ้น ด้านปัญหาราคารถยนต์มือ 2 และขาดทุนจากการขายรถยึดน่าจะดีขึ้น ส่วน NPL ยังบริหารจัดการได้ไม่เกินเป้า 3.5% และต้นทุนทางการเงินมีโอกาสลดลงในระยะถัดไปจากการปรับลดดอกเบี้ยของแบงค์ชาติ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 67-68 ที่ 5.3 พันล้านบาท +5%YoY และ 5.8 พันล้านบาท +11%YoY
- AU* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 11.10 บาท) กำไรสุทธิ 2Q67 อยู่ที่ 73 ลบ. +34%QoQ, +70%YoY บวกตามรายได้สินค้าขนมเครื่องดื่ม จาก 1.การกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ/การบริโภคในประเทศ บวกต่อ SSSG/ per bill และ 2.จำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น ด้านการดำเนินงาน 2H67 คาดยังมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง หนุนด้วย 1.การออกเมนูใหม่ๆ / ขายผ่าน Modern trade 2.การขยายสาขา โดยคาดเปิด After You อีกราว 6-8 สาขาในไทย และเปิดสาขาแรกในกัมพูชา 3.การเสริมแบรนด์/สินค้าใหม่ๆ เช่น “ลูกก๊อ” เน้นสินค้าจากผลไม้ไทย คาดจะเปิดเพิ่มอีก 5 สาขา/“มิกก้า” ร้านกาแฟที่เน้นเฟรนไชน์เป็นหลัก ทั้งนี้ ตลาดคาด กำไรสุทธิ AU* ปี67 และ68 จะอยู่ที่ 233 ลบ.(+31%YoY) และ 278 ลบ.(+20%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ต.ค. +$1.44 อยู่ที่ $70.09 / บาร์เรล, Brent พ.ย. +$1.14 อยู่ที่ $72.75/บาร์เรล ได้ปัจจัยหนุนจากการผลิตน้ำมัน -12%, ก๊าซ -16% เป็นผลจากพายุเฮอริเคนฟรานซีนเข้าอ่าวเม็กซิโก
Gold Update(-) Comex Gold ธ.ค.-$1.80 อยู่ที่ $2,608.90 /ออนซ์ ทรงตัวรอผลการประชุมเฟดค่ำวันพุธนี้ ว่าจะตัดสินใจลดดอกเบี้ยในอัตรา 0.25% หรือ 0.50%
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +13.36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +10.52 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +2.84 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 3.627 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +6 จุด อยู่ที่ 1,896
(-) BitCoinเช้านี้ -1.58% อยู่ที่ 57,700 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
12 ก.ย. หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
และ ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย
สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม
ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์
สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย
ต่างประเทศ
16 ก.ย. CN วันหยุด-เทศกาลไหว้พระจันทร์
17 ก.ย. CN วันหยุด-เทศกาลไหว้พระจันทร์
US ดัชนียอดขายปลีก ( ส.ค.)
18 ก.ย. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) ( ส.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
19 ก.ย. US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (ก.ย.)
US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) ( ส.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio September 2024: KCG*, CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th