News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

16 ก.ย. 2567 08:54:21 522

Market Wrap-Up

SET วันที่ 13 ก.ย.67 ปิด +2.81 จุด อยู่ที่ 1,424.39 จุด มูลค่าการซื้อขาย 53,777 ลบ.ต่างชาติซื้อ 1,760 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 412 ลบ.สถาบันขาย 644 ลบ. รายย่อยขาย 1,529 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 1,781ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น KBANK,EA,GULF,TISCO,BDMS และยอดขายในหุ้น PTT,PTTEP,INTUCH,ADVANC,IVL มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,762 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TOA,SAWAD,HANA โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 5,004 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 44,578 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 1,718 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.72%, S&P500 +0.54%, Nasdaq +0.65% ได้แรงหนุนกลุ่มสาธารณูปโภค, บริการสื่อสาร จากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 50% ในสัปดาห์หน้า ส่วน ม.มิชิแกนเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เบื้องต้น ก.ย. ปรับขึ้นอยู่ที่ 69.0 & คาด 68.3 และคาดเงินเฟ้อสหรัฐ 1 ปีข้างหน้าอยู่ที่ 2.7% & เดิมคาด 2.8% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.76% ได้แรงหนุนจากเทคโนโลยี, อสังหา, เหมืองแร่, รถยนต์ หลัง ECB มีมติเอกฉันท์ลดดอกเบี้ย 0.25%

Market View

DJIA +2.6%,S&P500 +4.02%,Nasdaq +5.95% WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี, บริการสื่อสาร, สินค้าวัฏจักรอุปโภค หลังรายงาน US CPI ส.ค. อยู่ที่ 5% & ก.ค. 2.9% YoY และ US PPI ส.ค. อยู่ที่ 1.7% & ก.ค. 2.1% YoY บ่งชี้เงินเฟ้อสหรัฐมีแนวโน้มลดลง ขณะที่อดีต ปธ.เฟดสาขานิวยอร์ค บิลล์ ดัดลีย์ หนุนเฟดลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 17 -18 ก.ย. เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันยังสูงกว่า Neutral Rate ที่ 1.5 – 2.0% โดย CME Fed Watch ชี้โอกาส 49% & เดิม 28% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม ก.ย. สัปดาห์นี้ติดตาม ผลการประชุมเฟด & Fed Dot Plot, ยอดค้าปลีก ส.ค. และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
Stoxx600 ยุโรป +1.85% WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มเหมืองแร่, เทคโนโลยี หลัง ECB มีมติลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ธ.พาณิชย์ที่ฝากไว้กับ ECB ลง 25% อยู่ที่ 3.5% เป็นการปรับลดลงครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ ขณะที่ CPI ยูโรโซน ส.ค. ลดลงอยู่ที่ 2.2% & ก.ค. 2.6% YoY บ่งชี้ ECB มีโอกาส 54% ที่จะลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ใน ธ.ค. นี้ สัปดาห์นี้วันพฤหัสติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษคาดคงดอกเบี้ยที่ 5.0%
MSCI Asia Pacific X Japan +0.77% WoW ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยีในตลาดเอเชียเหนือ จากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 50% ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ดัชนีนิเกอิ +0.49% WoW ยังถูกกดดันจากค่าเงินเยนแข็งค่าอยู่ที่ 140.76 เยน/ดอลลาร์ หลังผู้กำหนดนโยบายการเงิน BOJ เผยมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยใน ธ.ค. และวางเป้าหมายขึ้นดอกเบี้ยไปที่ 1.0% ส่งผลลบต่อกำไร บจ.ญี่ปุ่นที่พึ่งพารายได้จากการส่งออก ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ -2.2% WoW หลังตัวเลขเศรษฐกิจจีน เช่น ผลผลิตภาคอุตฯ, ยอดค้าปลีก, การลงทุนสินทรัพย์ถาวร ส.ค. ชะลอตัวกว่าคาด กอปรอัตราว่างงานจีน ส.ค. ปรับขึ้นอยู่ที่ 5.3% & คาด 5.2% สัปดาห์นี้วันศุกร์ติดตามผลการประชุม BOJ คาดคงดอกเบี้ยที่ 0.25% และ ธ.กลางจีนจะพิจารณาดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปี ว่าจะปรับลดหรือไม่
ดัชนี SET -0.23% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 53 หมื่น ลบ. +7.6% WoW ต่างชาติซื้อ 9,474 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 2,250 ลบ. สถาบันขาย 4,733 ลบ. และรายย่อยขาย 6,991 ลบ. WoW ถูกแรงขายกลุ่มพลังงาน -1.87% WoW ปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ หลังกลุ่มโอเปกปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันตลาดโลกปีนี้ และปีหน้าลง ส่วนกลุ่มค้าปลีก -1.5% ถูกแรงขายกำไรระหว่างรอ ม.แจกเงินสดให้กับกลุ่มเปราะบาง ซึ่งจะเริ่มเบิกจ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 25 – 30 ก.ย. ขณะที่กลุ่มที่ปรับขึ้น คือ อิเล็กฯ +2.38% ที่ฟื้นตัวตาม Nasdaq และกลุ่มธนาคาร +1.8% & ไฟแนนท์ +1.55% คาดได้ประโยชน์จาก ม.ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ จะส่งผลให้ภาระหนี้เสี่ยปรับลดลง โดย Fund Flow ต่างชาติสัปดาห์ที่ผ่านมาซื้อสุทธิในตลาด TIP +1.65 พัน ล.ดอลลาร์ เป็นผลจากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ยในปีนี้ลงไปที่ระดับ 4.0 – 4.5% และทยอยปรับลดไปที่ Neutral Rate ที่ 2 – 2.25% ส่งผลให้ผลตอบแทนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ปรับดีขึ้น ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ติดตามการประชุม ครม.นัดแรกในวันอังคารเกี่ยวกับ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจ และผลการจองซื้อกองทุนวายุภักษ์ 16 – 20 ก.ย

Daily Strategy

วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,410 – 1,420 แนวต้าน 1,430 – 1,440 คาดดัชนี SET ทรงตัวในกรอบระหว่างรอผลการประชุมเฟดในวันพุธ รวมถึงการประชุม ครม.นัดแรกและ ม.กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แนะนำทยอยซื้อกลุ่มอุปโภค CPALL,CPAXT/ กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทแข็งค่า GULF,GPSC,AAV,BA,ADVANC
AAV (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 84 บาท) แม้ 3Q67 ผลการดำเนินงานปกติจะอ่อนตัวลง QoQ เนื่องจาก low season อย่างไรก็ตามจะยังดีขึ้น YoY ได้ตามจำนวนผู้โดยสารทั้งในประเทศและระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น รวมถึงราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยที่ยังคงสูงกว่าปีก่อน นอกจากนี้คาดว่า Bottom line จะดีกว่าที่คาดไว้เนื่องจากได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากเทียบกับสิ้นไตรมาสก่อนทำให้มีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งทุกๆ 1 บาทที่แข็งค่าจะมีกำไร FX ราว 1 พันล้านบาท ขณะที่มองข้างไปยัง 4Q67 จะกลับมาเข้า high season การท่องเที่ยว อีกทั้งเชื่อราคาน้ำมันปรับตัวลดลงจะช่วยหนุนโมเมนตัมของกำไรเติบโตต่อเนื่อง
CRC (ซื้อสะสม/ ราคาเป้าหมาย 40.00 บาท) หนึ่งในหุ้นที่น่าสนใจจากการเป็นหุ้นใน SET100, SETESG และได้ SET ESG Ratings ระดับ AAA ส่วนการดำเนินงานปกติช่วงครึ่งปีหลัง แม้ใน 3Q67 เราะประเมินว่าการดำเนินงานจะอ่อนตัวจาก Low Season ฤดูฝน แต่จากฐานต่ำในธุรกิจฝั่งเวียดนาม และงบประมาณที่ล่าช้าของไทยในช่วงก่อน คาดว่าธุรกิจ HARDLINE มีฐานที่ต่ำแล้ว และภาพรวม 2H67 ยังมีโอกาสฟื้นตัว โดยในช่วง 4Q67 จะเป็น High Season รวมถึงได้ Demand จากสินค้าซ่อมแซมบ้านหลังน้ำท่วม คาดว่าจะเห็นกำไรที่ฟื้นตัวได้ชัดมากขึ้น QoQ YoY ปัจจุบัน ฝ่ายวิเคราะห์คาดกำไรสุทธิ CRC ปี67 และ 68 จะอยู่ที่ 8,397 ลบ.(+5%YoY) และ 9,626 ลบ.(+15%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI ต.ค. -$0.32 อยู่ที่ $68.65 / บาร์เรล, Brent พ.ย. -$0.36 อยู่ที่ $71.61/บาร์เรล สัปดาห์ที่ผ่านมา WTI +1.4%, Brent +0.8% WoW ได้แรงจากความกังวลพายุเฮอริเคนเข้าอ่าวเม็กซิโกในช่วงต้นสัปดาห์ แต่ในช่วงปลายสัปดาห์พายุได้พัดผ่านและการผลิตน้ำมันคาดเข้าสู่ภาวะปกติ

Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$30.10 อยู่ที่ $2,610.70 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจากคาดการณ์เฟดมีโอกาสลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 18 ก.ย. ส่งผลให้ Dollar Index อ่อนค่า -0.25% อยู่ที่ 101.114

Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ซื้อสุทธิ +1,653.88 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +281.42 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +1,325.12 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +47.34 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.19 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ทรงตัวอยู่ที่ 3.647 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ -37 จุด อยู่ที่ 1,890

(-) BitCoinเช้านี้ -2.20% อยู่ที่ 58,707 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

12 ก.ย. หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค

และ ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย

สัปดาห์ที3 ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย

ต่างประเทศ

16 ก.ย. CN วันหยุด-เทศกาลไหว้พระจันทร์

17 ก.ย. CN วันหยุด-เทศกาลไหว้พระจันทร์

US ดัชนียอดขายปลีก ( ส.ค.)

18 ก.ย. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) ( ส.ค.)

US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

19 ก.ย. US การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย

US การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของ FOMC

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย (ก.ย.)

US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) ( ส.ค.)

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,

(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*

(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB

(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio September 2024: KCG*, CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS