มุมมองตลาดหุ้นวันนี้
SETคาดแกว่งตัวออกข้าง :มองแม้มีปัจจัยหนุนภายในช่วยผลักดัน แต่ความกังวลการเร่งตัวของเงินเฟ้อสหรัฐยังกดดัน UpsideของSETindexปัจจัยบวกนำโดย 1)ความคืบหน้าการแถลงนโยบายของรัฐบาลหลังวานนี้ได้มีการแถลงนโยบายทั้งในระยะสั้นและยาวโดยในระยะสั้นเน้นการช่วยเหลือค่าครองชีพเพิ่มกำลังซื้อและแก้ไขปัญหาโครงสร้างหนี้ในระบบเศรษฐกิจคาดเงินดิจิทัลจะเริ่มโอนให้ประชาชนได้ใน 25 ก.ย.67 นี้ เป็นบวกโดยตรงต่อหุ้นค้าปลีก การเงิน และ ธนาคาร ส่วนนโยบายระยะกลางและยาว เน้นสร้างความสามารถในการแข่งขัน และ วางรากฐานประเทศไทยไปสู่อนาคต โดยโครงการที่น่าสนใจ คือ เศรษฐกิจสีเขียว พัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนาดใหญ่ (Mega Project)และ เปลี่ยนโครงสร้างภาษีเพื่อเน้นการกระจายรายได้ มองจะหนุนหุ้นกลุ่มก่อสร้างวัสดุก่อสร้าง ท่องเที่ยว นิคมฯ และ ขนส่ง 2) นักลงทุนต่างชาติยังคงเดินหน้าซื้อสุทธิในหุ้นไทยต่อเนื่องเป็นวันที่ 6โดยวานนี้ซื้อสุทธิไปกว่า 827.23 ล้านบาท ยังเป็นแรงหนุนให้หุ้นขนาดใหญ่ ด้านปัจจัยลบให้น้าหนักกับ 1)ความกังวลในภาพอัตราเงินเฟ้อสหรัฐหลังวานนี้ตัวเลข PPI และ Core PPI ขยายตัวแบบ m-m กว่า 0.2% และ 0.3% สูงกว่าตลาดคาดที่ 0.1% และ 0.2% ตามลำดับ ด้านภาพการขยายตัวแบบ y-y เห็นการชะลอตัวของ PPI แต่ Core PPI ยังเดินหน้าขยายตัวเทียบเดือนก่อน อาจกดดันให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยเพียง0.25% ในการประชุมสัปดาห์หน้า 2) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยเดือนส.ค. ลดลงสู่ระดับ 56.5 จุด ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และทำจุดต่าสุดในรอบ 13 เดือนหลังผู้บริโภคกังวลภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและฟื้นตัวช้า ด้านปัจจัยอื่นECB ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25%ตามคาดและปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจทุกปีไปจนถึงปี 2026 สัปดาห์หน้าจับตาการประชุมเฟด/BOE/BOJตัวเลขค้าปลีก (US)เดือน ส.ค. CPI เดือน ส.ค. ของUK และ EU ตัวเลข Loan Prime Rate จีนอายุ 1 ปี และ 5 ปี
กลยุทธ์การลงทุน :1)นโยบายภาครัฐ+วายุภักษ์ :AP,BBL,BDMS,CPALL,GULF,ICHI,LHHOTEL,TTB,CK,MTC,SAWAD, STEC,BA, AOT 2) นิคมอุตสาหกรรม: AMATA, ROJNA, WHA, WHART, WHAIR 3) บาทแข็งค่า.: BGRIM, GPSC, CRC, COM7, CPW, AAV
ปัจจัยบวก
+Rho Motion เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี (BEV)และรถยนต์ไฟฟ้า แบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 20% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายปี โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายในจีนที่สูงเป็นประวัติการณ์
+ จีนเตรียมลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้านที่ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงกลาง-ปลายเดือน ก.ย. เพื่อช่วยลดภาระทางการเงินให้กับครอบครัวหลายล้านครัวเรือนและกระตุ้นการบริโภค
+ตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ระหว่างศึกษาการพัฒนากลไกกำกับดูแลและระบบซื้อขายคาร์บอนเครดิต ตามแนวทางการพัฒนาศูนย์กลางซื้อขายคาร์บอนเครดิต พร้อมส่งเสริมให้ไทยเป็นผู้นำอาเซียนด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
+ CHAYO และ BAM ชี้หนี้เสียถูกนำออกมาขายทอดตลาดมากขึ้น ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่วิกฤติในอดีต ช่วยลดต้นทุนในการประกอบกิจการ
ปัจจัยลบ
-จีนเตรียมเปิดฉากการประชุมเซียงซาน โดยหวังเพิ่มอิทธิพลในกลุ่มประเทศโลกใต้ ท่ามกลางความตึงเครียดในภูมิภาคที่กำลังคุกรุ่นในทะเลจีนใต้และบริเวณโดยรอบไต้หวัน
- UBS เผยภารกิจการต่อสู้กับเงินเฟ้อของเฟดยังไม่เสร็จสิ้น และ อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างมากในการประชุมเดือนนี้ มองจะปรับลดเพียง 25 bps
- กรรมการของธนาคารกลางญี่ปุ่น กล่าวว่า BOJ จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 1% เป็นอย่างน้อย เพื่อหลีกความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่อาจจะเกิดขึ้น
- ผู้นำรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียควรพิจารณาจำกัดการส่งออกยูเรเนียมไทเทเนียม และนิกเกิล เพื่อตอบโต้มาตรการคว่าบาตรของชาติตะวันตกอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโลหะ
- อสังหาฯเชียงรายอ่วม หลังน้ำท่วมหนักสุดในรอบ 70 ปีวอนนายกฯเร่งสร้างความเชื่อมั่นกลับคืน
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธรีดา ชาญยิ่งยงค์- นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
ภัทรดนัย จตุรพร – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #094041
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA – นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ – ผู้ช่วยนักวิเคราะห์