สัปดาห์หน้า น่าจะดี
ประเมินว่าช่วงเวลาในการพักฐานระยะสั้นของ SET INDEX น่าจะใกล้สิ้นสุด ทั้งนี้ประเมินจากปัจจัยแวดล้อมทางพื้นฐานช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งมีแรงกระตุ้นที่สำคัญอยู่ 2 เรื่อง เริ่มจากการประชุม ครม. นัดแรก ซึ่งคาดหมายว่าจะเห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างน้อยก็มีการอัดฉีดเม็ดเงิน 1.45 แสนล้านให้กลุ่มเปราะบาง (เม็ดเงินเข้าสุ่ระบบ 25 ก.ย.) ซึ่งเป็นการกระตุ้นการบริโภคในภาคครัวเรือน ถัดมา ก็จะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ FED ซึ่งคาดว่าจะปรับลดในอัตรา 0.25% และทั้งปี2567 น่าจะลง 0.75% ส่วนในบ้านเรา แม้กนง. จะยังไม่มีการปรับลดดอกเบี้ย (ประชุมรอบต่อไป 16 ต.ค.) แต่ในส่วนของตลาดการเงินก็เห็นYIELD CURVE ปรับลดลงไปรอล่วงหน้าแล้ว ส่วนในอีกทางหนึ่งก็น่าจะทำให้เงินบาทยังแข็งค่า เป็นผลดีต่อทิศทางFUND FLOWการพักฐานของ SET INDEX ในระยะสั้น น่าจะใกล้สิ้นสุดประเมินจากแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานรอบใหม่ที่กำลังเข้ามา คาดกรอบ 1407 –1427/30 จุด TOP PICK เลือก ADVANC, BDMS และ SIRI
(ใกล้) ถึงเวลาของดอกเบี้ยขาลงจริงๆ ละ
เงินเฟ้อสหัฐฯ ที่ชะลอตัวลงยังคงเป็น KEY POINTS ในการหนุนให้ FED พิจารณาปรับลดดอกเบี้ย ขณะที่ชุดตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาค่อนข้างผสมผสาน
• ดัชนีเงินเฟ้อในฝั่งผู้ผลิต (PPI) เดือน ส.ค. 67 ขยายตัว +0.2%MOM สูงกว่าคาด ทำให้เทียบกับปีก่อน +2.4%YOY ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค. 67
• ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (INITIAL JOBLESS CLAIMS) ล่าสุดอยู่ที่230,000 ราย ซึ่งสูงคาดเล็กน้อย
แม้ตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะส่งสัญญาณอ่อนแอลง แต่เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าคาดประเมินเป็นแรงหน่วงต่อการปรับลดดอกเบี้ย หรืออาจทำให้ FED ลังเลที่จะปรับลดดอกเบี้ยแบบแรงๆ โดยล่าสุดตลาดการเงินเทน้ำหนัก 87% คาด FED จะลดดอกเบี้ย18 ก.ย. นี้เพียงแค่ 25 BPS.
อย่างไรก็ตามการปรับลดดอกเบี้ยในสหรัฐฯ ที่ไม่ได้รุนแรง ในช่วงเริ่มต้นของการของวัฏจักรขาลง รวมถึงในระยะ 6 เดือน อาจเป็นความหวังที่จะเห็นเศรษฐกิจชะลอตัวลงแบบ SOFT LANDING แทนที่จะเป็น RECESSION
ในฝั่งยุโรปวานนี้ ECB ได้ปรับลดดอกเบี้ย 0.25% สู่ 3.5% ตามคาด แซงหน้าเฟดลดดอกเบี้ยสัปดาห์หน้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนระยะถัดไป มองว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงของประเทศต่างๆ (ผลต่างดอกเบี้ย – เงินเฟ้อ) จะมีแนวโน้มแคบลง ท่ามกลางนโยบาย
การเงินผ่อนคลาย และเงินเฟ้อชะลอตัว ขณะที่บ้านเรายังคาดหวังว่าจะเห็น กนง. จะปรับลดดอกเบี้ยลงจาก 2.5% สะท้อกจาก YIELD CURVE พันธบัตรรัฐบาลไทย ณ สิ้นไตรมาสต่างๆ มีการ SHIFT ลงมาใกล้กับดอกเบี้ยนโยบาย
หากบ้านเราเข้าสู่วัฏจักดอกเบี้ยขาลง ตามกลไกจะหนุนให้ผลตอบแทนของตราสารหนี้-หุ้น หรือ MGYE กว้างขึ้น ทำให้การซื้อขายบน P/E สูงขึ้น โดยทุกๆ การลดดอกเบี้ย25 BPS. จะผลักดันให้ TARGET ของ SET INDEX ปรับขึ้นได้ 60 จุด มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ MTC SAWAD TIDLOR ตราบที่ FUND FLOW ไหลเข้า เป้าหมาย SET มีโอกาสทะลุ1500 จุด
ตั้งแต่ 15 ส.ค. – 12 ก.ย. 67 SET INDEX ได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย ทั้งการได้นายกฯคนที่ 31 ของไทย ,งานแสดงวิสัยทัศน์ของคุณทักษิณในงาน VISION FORTHAILAND และความคืบหน้าของกองทุนวายุภักษ์ 1จึงทำให้ SETINDEX ปรับตัวขึ้นราว 132 จุด หรือ 10.2% จาก 1289 ไป 1421 จุด ซึ่งหากพิจารณาเป็นประเภทนักลงทุน จะเห็นได้ว่านักลงทุนต่างชาติ และสถาบันเป็นคนพยุง SET โดยซื้อสุทธิกว่า 3.1หมื่นล้านบาท และ 4.9 พันล้านบาท ตามลำดับ ในช่วงเวลาเดียวกัน
ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั้น จะเห็นได้ว่า การที่ SET ปรับตัวขึ้น 10.2%(สูงสุดอันดับ 3ของโลก) ทิ้งห่างตลาดหุ้นอื่นๆทั่วโลก อาทิ MSCI ACWI +1.1% ,NASDAQ -0.1%,CSI300 -5.6% และอื่นๆ อีกทั้งถ้าแปลงเป็นสกุลเงิน USD SET จะปรับตัวขึ้น 15.3%(สูงสุดอันดับ 1ของโลก)
ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นไทยของต่างชาติ ณ ปัจจุบัน สูงขึ้นมาเล็กน้อย โดยสัดส่วนต่างชาติถือครองหุ้นไทยทางตรง เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 24.71%(ณ สิ้นเดือน ก.ค.67อยู่ที่ 22%)ขณะที่การถือครองผ่าน NVDR อยู่ที่5.15% และหากรวมทั้ง 2 ส่วนตอนนี้ต่างชาติถือหุ้นไทยในสัดส่วน 29.86% ซึ่งยังมีช่องว่างให้เติมเต็มไปสู่ค่าเฉลี่ยในอดีตที่32-35% แสดงให้เห็นว่าต่างชาติยังถือครองหุ้นไทยในสัดส่วนที่ต่ำเมื่อเทียบกับในอดีต
โดยฝ่ายวิจัยฯ มองว่า SET INDEX ยังน่าจะเดินหน้าต่อด้วยปัจจัยทาง VALUATIONที่โดดเด่นเมื่อมี FUND FLOW หนุน โดยระดับ MARKET EARNING YIELD GAP น่าลงทุน ซึ่งระดับดัชนีปัจจุบันที่ 1421 จุด คิดเป็นตัวเลข MARKET EARNING YIELDGAP ที่ระดับ 3.93% (สูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปีที่อยู่ 3.8%) ส่วน TARGET SET ปัจจุบัน 1450 จุด (อิง MEYG เฉลี่ย 3.8%) ซึ่งหากในยาม FUND FLOW ต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทยมากๆ ระดับ MARKET EARNING YIELD GAP -0.5SD ถึง -1.0SD สามารถลดลงสู่ระดับ 3.5% ถึง 3.3% ซึ่งแปลงเป็นระดับ TARGET SET ได้ไม่ต่ำกว่า1523 จุดและถ้ามีการลดดอกเบี้ยจะขยับไปได้ถึง 1576 จุด
สรุป ตั้งแต่ 15 ส.ค. – 12 ก.ย. 67 SET INDEX ได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย และปรับตัวขึ้น 10.2% มากสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก ซึ่งตราบใดที่ FUND FLOW ไหลเข้าเป้าหมาย SET มีโอกาสทะลุ 1500 จุดได้ไม่ยาก ตามกลไกการปรับเปลี่ยนระดับMARKET EARNING YIELD GAP
หาหุ้นหลบน้ำท่วม หลบภัยธรรมชาติต่างๆ
ฝนตกหนักในช่วงนี้ และตกหนักกว่าปีที่แล้ว ตอบรับเหตุการณ์ลานีญา และพายุยางิแต่ยังน้อยกว่าปี 2554 ที่เกิดน้ำท่วมใหญ่อยู่พอสมควร ทำให้ความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ยังน้อยอยู่แม้อาจกดดันภาพรวมการจับจ่ายใช้สอยอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีหุ้นได้ SENTIMENT เชิงบวกอยู่ แนะนำหุ้นหลบ น้ำท่วม คือ หุ้นพลังงานน้ำ CKP, หุ้นโรงพยาบาลยารักษาโรคBDMS BCH MEGA, หุ้นเกษตร STA, หุ้นขายวัสดุซ่อมสร้าง TASCO, GLOBAL,DOHOME, HMPRO, TOA
นอกจากนี้นักลงทุนอาจจะตระหนักต่อการรักสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จากการเห็นน้ำท่วมที่เชียงราย และรัฐบาลเองก็ให้ความสำคัญธุรกิจสีเขียว มุ่งสู้การเป็นผู่นำอาเซียนด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผนวกกับ SET เดินหน้าพัฒนาศูนย์ซื้อขายคาร์บอนเครดิต ดังนั้นฝ่ายวิจัยฯ จึงทำการคัดกรองหุ้นที่ให้ความสำคัญเรื่องนี้
1. หุ้นในบริษัทที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GREENHOUSE GASES หรือGHG) ในปีลดลง 2023 ลดลงจากปี 2022 คือ KKP, GPSC, RATCH, TU,SCC, BANPU, SIRI, OR, SPRC, EA
2. หุ้นในบริษัทที่หรือมีการปล่อย GHG น้อยกว่าบริษัทอื่นๆ คือ BAM, TISCO,GUNKUL, TTB, SAWAD, TOA, TASCO, WHA, HANA, OR
Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส
เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์