Market Wrap-Up
- SET วันที่ 12 ก.ย.67 ปิด +6.17 จุด อยู่ที่ 1,421.58 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,485 ลบ.ต่างชาติซื้อ 827 ลบ.พอร์ตโบรกซื้อ 192 ลบ.สถาบันซื้อ 62 ลบ. รายย่อยขาย 1,082 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 198 ลบ. โดยมียอดซื้อในหุ้น DELTA,BDMS,BH,BA,ITC และยอดขายในหุ้น PTTEP,BH,ADVANC,SCB,GPSC มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,515 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ OR,CHINA,TPIPP โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 4,607 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 49,582 สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน 246 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.58%, S&P500 +0.75%, Nasdaq +1.0% ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสื่อสาร +2.0%, สินค้าฟุ่มเฟือย +1.15% หลังรายงานตัวเลข US PPI ส.ค. ปรับขึ้นน้อยกว่าคาด ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +0.8% ได้แรงหนุนจากทุกหมวดอุตสาหกรรม ยกเว้นสาธารณูปโภค -0.1% หลัง ECB ปรับลดดอกเบี้ย 25%
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มบริการสื่อสาร, สินค้าฟุ่มเฟือย หลังรายงาน US PPI ส.ค. อยู่ที่ 7% & ก.ค. 2.1% & คาด 1.8% YoY เป็นเพิ่มขึ้นน้อยสุดนับตั้งแต่ ก.พ. 67 และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์อยู่ที่ 230,000 & คาด 227,000 ราย บ่งชี้เงินเฟ้อทางฝั่งผู้ผลิตสหรัฐปรับลดลง ขณะที่อัตราการจ้างงานไม่ได้ชะลอตัวลงมากนัก เป็นปัจจัยหนุนให้เฟดลดดอกเบี้ย โดย CME Fed Watch ชี้โอกาส 63% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17 – 18 ก.ย. ค่ำวันนี้ ม.มิชิแกนจะรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เบื้องต้น ก.ย. คาด 71 & ส.ค. 72.1
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเหมืองแร่, เทคโนโลยี หลัง ECB มีมติลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ธ.พาณิชย์ที่ฝากไว้กับ ECB ลง 25% อยู่ที่ 3.5% เป็นการปรับลดลงครั้งที่ 2 ในรอบปีนี้ ขณะที่รายงาน CPI สเปน ส.ค. ชะลอตัวอยู่ที่ 2.4% & ก.ค. 2.9% YoY บ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อของยูโรโซนลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ Cosensusคาด ECB มีโอกาส 54% ที่จะลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ใน ธ.ค. นี้
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ส่วนใหญ่ปรับขึ้นตามกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐ จากคาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสชะลอตัวแบบ Soft Landing โดยดัชนีนิเกอิวานนี้ +3.4% ได้ปัจจัยหนุนจากค่าเงินเยนเริ่มอ่อนค่า ซึ่งเป็นผลบวกต่อกลุ่มส่งออกญี่ปุ่น ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้ -0.17% จากแรงขายกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค -1.5% นำโดยหุ้นเหมาไถ ผู้ผลิตสุรารายใหญ่ -2.0% ราคาหุ้นต่ำสุดนับตั้งแต่ ต.ค. 65 บ่งชี้กำลังซื้อผู้บริโภคจีนยังฟื้นตัวช้า สุดสัปดาห์นี้ติดตามข้อมูลเศรษฐกิจจีน เช่น ราคาบ้าน, การผลิตภาคอุตฯ, ยอดค้าปลีก และอัตราว่างงานจีน ส.ค.
- ดัชนี SET วานนี้ +0.44% ปริมาณการซื้อขาย 7 หมื่น ลบ. ต่างชาติซื้อ 827 ลบ. สถาบันซื้อ 62 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 192 ลบ. และรายย่อยขาย 1,082 ลบ.ปรับบวกขึ้นมาตามภูมิภาคนำโดยหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์(+2.30%)ซึ่งเป็นตัวแทนหุ้นกลุ่มเทคฯไทย นอกจากนี้ปัจจัยในประเทศยังมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้น Big Cap. บาง Sector รับการแถลงนโยบายรัฐบาล(12-13 ก.ย.) เช่น ม.กระตุ้นกำลังซื้อ, ม.ส่งเสริมการท่องเที่ยว & บริการด้านสุขภาพ, ม.ปรับโครงสร้างหนี้, ม.ปกป้อง SME, ม.ลดราคาพลังงาน, ม.พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น ส่วนสัปดาห์หน้าติดตาม การประชุม ครม. และ ผลตอบรับของการเสนอขายกองทุน ฯ
Daily Strategy
- วางแนวรับดัชนี SET ที่ 1,415 -1,400 แนวต้าน 1,425-1,440 คาดดัชนีเคลื่อนไหวประคองตัว โดยแรงพยุงจากราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัว แนะนำทยอยซื้อเมื่ออ่อนตัวกลุ่มอิงการบริโภคในประเทศ CPALL, CPAXT, CBG, OSP, ICHI ได้ประโยชน์จากม.กระตุ้นกำลังซื้อ กลุ่มธนาคารพาณิชย์มีแรงหนุนจากเม็ดเงินกองทุนวายุภักษ์ KTB, TTB กลุ่มการเงิน MTC, SAWAD ได้ประโยชน์จากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง กลุ่ม ร.พ.มีปัจจัยหนุนตามฤดูกาล BH, BDMS, PR9 กลุ่มนิคม WHA, AMATA, ROJNA ประโยชน์ม.ส่งเสริมการลงทุน
- MTC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 51.00 บาท) บริษัทวางเป้าปี 67 สินเชื่อเติบโต 15-20% Credit cost น้อยกว่า 5% ขณะที่ NPL ลดลงอย่างต่อเนื่องอยู่ต่ำกว่า 3% มองภาพรวมการขยายสินเชื่อและการติดตามหนี้จะทำได้ดีขึ้น ขณะที่แนวโน้มหนี้เสียผ่านจุดสูงสุดแล้วทำให้ระดับการตั้งสำรองลดลง และกำลังกลับเข้าสู่โหมดเติบโตรอบใหม่ โดยวางกลยุทธ์เน้นเติบโตแบบยั่งยืนผ่านสินเชื่อที่มีหลักประกัน (สินเชื่อจำนำทะเบียน) ทั้งนี้หากอิง Consensus ตลาดคาดกำไรสุทธิปี 67-68 ที่ 5.8 พันล้านบาท +19%YoY และ 6.8 พันล้านบาท +18%YoY
- TOA* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 25.20 บาท) กำไรสุทธิ 1H67 อยู่ที่ 1,281 ลบ. -6.72%YoY จากค่าใช้จ่ายพนง., การตลาด, และโฆษณาที่สูงขึ้น รวมถึง การตัดจำหน่ายสินทรัพย์จากการย้ายโรงงานในมาเลเซีย ส่วนการดำเนินงานช่วงถัดไป แม้ 3Q67 มีโอกาสอ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวดีใน 4Q67 หนุนด้วยฤดูกาล และการซ่อมแซมหลังน่ำท่วม นอกจากนี้ TOA* ยังมีความน่าสนใจจากการเป็นหุ้นใน SET100, SETESG และได้ SET ESG Ratings ระดับ A ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรสุทธิ TOA* ปี67 และ 68 จะอยู่ที่ 2,496 ลบ.(-34%YoY) และ 2,673 ลบ.(+7.09%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(+) WTI ต.ค. +$1.66 อยู่ที่ $68.97 / บาร์เรล, Brent พ.ย. +$1.36 อยู่ที่ $71.97/บาร์เรล หลังมีความกังวลด้าน Supply ว่าการผลิตน้ำมันในอ่าวเมกซิโกจะได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคนฟรานซีน
Gold Update(+) Comex Gold ธ.ค.+$38.20 อยู่ที่ $2,580.60 /ออนซ์ ยังมีแรงหนุนจากคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย ในการประชุมวันที่ 18 ก.ย.67 นี้ หลังตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐ ส.ค. เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด
Fund Flow(+) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ซื้อสุทธิ +129.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นไทย +24.51 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ซื้อหุ้นอินโดฯ +98.45 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +6.20 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.42 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 3.6496 %
(-) ดัชนี BDI วานนี้ -36 จุด อยู่ที่ 1,927
(-) BitCoinเช้านี้ -0.06% อยู่ที่ 56,091 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
05 ก.ย. กระทรวงพาณิชย์ แถลงดัชนีเศรษฐกิจการค้า
สัปดาห์ที2 ตลท. แถลงสรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์
หอการค้าไทย ร่วมกับม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
และ ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย
ต่างประเทศ
06 ก.ย. US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) ( ส.ค.)
US การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ( ส.ค.)
US อัตราการว่างงาน ( ส.ค.)
11 ก.ย. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ( ส.ค.)
12 ก.ย. EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (ก.ย.)
EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป
US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เดือนต่อเดือน) ( ส.ค.)
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 2H67 คาดหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย ลุ้นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม, การอนุมัติงบประมาณปี68, กลุ่มที่มี High Season ใน 3Q เช่น กลุ่มส่งออก, กลุ่มร.พ., กลุ่มที่มี High Season ใน 4Q เช่น กลุ่มท่องเที่ยว, คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, NSL* CBG*, AU*, KCG*,
(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*,
(3) กลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน ขนส่ง สื่อนอกบ้าน ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa, traffic การเดินทางฟื้นตัว AOT*, ERW*, SPA*, BA, AAV, BEM*, PLANB*
(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, SAWAD*
(5) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, WPH*
(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA
(7) กลุ่มธนาคาร KBANK, SCB, BBL, KTB
(8) กลุ่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆช่วงปลายปี/ การใช้งบที่เหลือของปี67 SYNEX*, ADVICE*, COM7*
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio September 2024: KCG*, CPALL, WHA, CPF, THCOM, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th