สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(8 สิงหาคม 2567)------กลุ่มบริษัทบางจากรายงานผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2567 มีรายได้จากการขายและให้บริการ 293,438 ล้านบาท EBITDA 26,072 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 4,261 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.91 บาท กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมันได้รับแรงหนุนหลักจากผลการดำเนินงานของ BSRC กลุ่มธุรกิจการตลาดมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวมทุกช่องทางสร้างสถิติใหม่ที่ 6,919 ล้านลิตร ในขณะที่กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด รับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้น รวมถึงรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มครึ่งปีจากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ 4 แห่งในสหรัฐฯ กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ โดย OKEA ASA มีปริมาณการผลิตและปริมาณการขายปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากการรับรู้ผลการดำเนินงานของแหล่งผลิต Statfjord และแหล่งผลิต Hasselmus
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในครึ่งแรกปี 2567 ว่า แม้ต้องเผชิญกับ Crack Spread ของทุกผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงตามภาวะตลาดโลก และโรงกลั่นพระโขนงมีการปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นตามวาระ บางจากฯ สามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 293,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 98 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 คิดเป็น EBITDA รวม 26,072 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 48 จากช่วงเดียวกันของปี 2566 และมีกำไรสำหรับงวดส่วนของบริษัทใหญ่ 4,261 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 2.91 บาท และจากการเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจผ่านการลงทุนในโครงการที่มีศักยภาพสูง และการสร้าง Synergy ระหว่างกันภายในกลุ่มบริษัทบางจาก ส่งผลให้รับรู้ Synergy จากผลการดำเนินงานต่อเนื่อง มียอดสะสมกว่า 3,000 ล้านบาทในครึ่งแรกของปี 2567 บรรลุเป้าหมาย EBITDA Synergy ไม่น้อยกว่า 2,500 ล้านบาทในปี 2567 แล้ว ซึ่งบริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย EBITDA Synergy 3,000 ล้านบาทต่อปีในปีต่อ ๆ ไป
นอกจากผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งแล้ว บางจากฯ ยังได้รับการจัดอันดับเป็นบริษัทชั้นนำ 500 อันดับแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการประกาศรายชื่อโดยนิตยสารฟอร์จูน (Fortune) เป็นครั้งแรกในปี 2567 ได้รับการประกาศจาก Financial Times เป็นองค์กรชั้นนำด้านสภาพภูมิอากาศ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific Climate Leaders 2024) รวมถึงได้รับการจัดอยู่ในดัชนี SET50 ในรอบการคำนวนตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม - 31 ธันวาคม 2567 ในช่วงที่เหลือของปี 2567 คาดว่า ค่าการกลั่นมีแนวโน้มเข้าสู่ระดับที่มีเสถียรภาพมากขึ้นจากอุปสงค์ที่จะเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ซึ่งบริษัทฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยจะบริหารจัดการอย่างรอบคอบ เพื่อสร้างรากฐานที่มีเสถียรภาพและมั่นคงเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
นางสาวภัทร์ภูรี ชินกุลกิจนิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานบัญชีและการเงิน รายงานผลการดำเนินงานที่สำคัญในครึ่งแรกของปี 2567 ของแต่ละกลุ่มธุรกิจ ดังนี้
กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน (โรงกลั่นพระโขนงและโรงกลั่นศรีราชา) มี EBITDA 6,452 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19 จากช่วงเดียวกันปี 2566 ได้รับแรงหนุนหลักจากผลการดำเนินงานของ BSRC ที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทบางจากตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2566 อัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอยู่ที่ 251,000 บาร์เรลต่อวัน โดยโรงกลั่นศรีราชามีอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นและสร้างสถิติใหม่ต่อเนื่องได้ช่วยชดเชยอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยที่ลดลงของโรงกลั่นพระโขนงที่มีการปิดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่นตามวาระ (Turnaround Maintenance) เป็นระยะเวลา 27 วัน (ระหว่างวันที่ 7 พฤษภาคม - 2 มิถุนายน 2567) นอกจากนี้ยังมี Inventory Gain 438 ล้านบาท (รวมการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV)) ช่วยชดเชยปัจจัยกดดันจาก Operating GRM ที่ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2566 จาก Crack Spread ของทุกผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลงตามภาวะตลาดโลกจากอุปสงค์อ่อนแอจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA 4,095 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 จากช่วงเดียวกันปี 2566 มีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวมทุกช่องทางสร้างสถิติใหม่ที่ 6,919 ล้านลิตร เติบโตมากกว่าร้อยละ 100 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ตามการขยายตัวของเครือข่ายสถานีบริการและฐานลูกค้าอุตสาหกรรมที่ครอบคลุมมากขึ้นภายหลังการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มครึ่งปีของ BSRC ผสานกับการดำเนินแผนกลยุทธ์การตลาดให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้า ช่วยผลักดันยอดจำหน่ายน้ำมันผ่านสถานีบริการรวม 2,214 แห่งทั่วประเทศ
กลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานสะอาด โดยบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) มี EBITDA 2,424 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 จากช่วงเดียวกันปี 2566 โดยปัจจัยหลักมาจากการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้น จากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มครึ่งปีจากการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ 4 แห่งในสหรัฐฯ ด้วยกำลังการผลิตรวม 857 เมกะวัตต์ และการลงทุนในคลังน้ำมัน ท่าเทียบเรือ และท่อขนส่งน้ำมันในจังหวัดเพชรบุรี ช่วยบรรเทาผลกระทบการสิ้นสุด Adder ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยได้ทั้งหมด นอกจากนี้มีการรับรู้กำไรจากการจำหน่ายไปซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 9 โครงการ
กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ โดยบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) มี EBITDA 493 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 จากช่วงเดียวกันปี 2566 ได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของเอทานอลและไบโอดีเซล สอดคล้องกับการขยายตัวของกลุ่มธุรกิจการตลาด
กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ มี EBITDA รวม 13,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 43 จากช่วงเดียวกันปี 2566 โดยปริมาณการผลิตและจำหน่ายปรับเพิ่มขึ้น จากการรับรู้ผลการดำเนินงานเต็มครึ่งปีจากแหล่งปิโตรเลียม Statfjord ที่ได้รับโอนสิทธิ์เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2566 แหล่งผลิต Brage สามารถเพิ่มกำลังการผลิตและแหล่งผลิต Hasselmus ที่เริ่ม COD ในเดือนตุลาคม 2566
///จบ///