สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 31 สิงหาคม 2566)-- BCP ชำระค่าหุ้น 65.99% ของเอสโซ่ (ประเทศไทย) เสร็จสิ้น ปิดดีลประวัติศาสตร์ด้านพลังงาน รุกขึ้นแท่นผู้นำในธุรกิจโรงกลั่น พร้อมเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,200 แห่ง ลุ้นQ3/66 บุ๊คกำไรซื้อหุ้น ESSO พร้อมคาด5 ปีคืนทุน /ปี67 ยอดขายพุ่งแตะ 5 แสนล้านบาท
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) BCP เปิดเผยว่า วันนี้บริษัทฯ ได้รับโอนสินทรัพย์การเข้าซื้อกิจการ ESSO หลังชำระค่าหุ้นจำนวน 65.99% ให้ ExxonMobil Asia Holding Pte. Ltd. เรียบร้อยแล้ว โดยขั้นตอนหลังจากนี้ จะมีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ฯ หุ้นส่วนที่เหลือ 34.01%ในราคาเดียวกันที่ 9.8986 บาท/หุ้น โดยมีกำหนดระยะเวลาการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน -12 ตุลาคม 2566 นี้
ทั้งนี้หลังทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เสร็จ จะมีการปิดสมุดทะเบียนและเรียกประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อขออนุมัติเปลี่ยนชื่อบริษัทของ ESSO ซึ่งปัจจุบันมีชื่อใหม่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเสร็จสิ้นในช่วงปลายเดือน พฤศจิกายนนี้ โดยยังไม่มีแผนDelete หุ้น ESSO ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในระยะ 1 ปีข้างหน้า
สำหรับแหล่งที่มาของเงินในการซื้อกิจการทั้งหมด มาจากการกู้ยืมจากธนาคารกรุงเทพ ซึ่งได้รับการอนุมัติวงเงินกู้ วงเงินรวมไม่เกิน 32,000 ล้านบาทและเงินสดของบริษัท โดย D/E จะเพิ่มเป็น 1.3 เท่าโดยมองว่าไม่ได้สูงเกินไป ยังต่ำกว่า 2 เท่า ขณะที่ประเมินว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลา 5 ปี โดยมั่นใจว่าจะเป็นการ Synergy ธุรกิจระหว่างกัน และสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้ประเทศไทย สนับสนุนให้มี Ebitda เพิ่มขึ้นในประเทศอีกนับพันล้านบาทต่อปี
ขณะที่ในแง่ของยอดขายบางจากประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 5 แสนล้านบาทในปี2567 จากปีนี้คาดอยู่ที่ 3.8 แสนล้านบาท หลังรับรู้ผลประกอบการของ ESSO เข้ามาเต็มปีในปีหน้า
นอกจากนี้ คาดว่าจะมีการรับรู้กำไรจากการซื้อกิจการเข้ามาในไตรมาส3/66 นี้ แต่ขึ้นอยู่กับการประเมินมูลค่าราคาที่ซื้อ และทางบริษัทฯ จะเริ่มรับรู้งบรวมกับ ESSO ตั้งแต่เดือนกันยายนนี้ เป็นต้นไป
“กระบวนการครั้งนี้เป็นการซื้อกิจการ สินทรัพย์ทั้งหมด และเรามั่นใจว่าจะทำให้สินทรัพย์นี้เติบโตยิ่งขึ้นกว่าเดิม” นายชัยวัฒน์ กล่าว
บางจากฯ รุกขึ้นแท่นผู้นำในธุรกิจโรงกลั่น
พร้อมเครือข่ายสถานีบริการกว่า 2,200 แห่ง
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "การเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ของบางจากฯ ในครั้งนี้ นับเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญสำหรับทั้งอุตสาหกรรมพลังงานของประเทศและสำหรับบริษัทฯ สอดคล้องกับกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เสริมสร้างจุดยืนที่แข็งแกร่งด้านธุรกิจพลังงานระดับประเทศและระดับภูมิภาค โดยบริษัทฯ จะเข้าดำเนินการโรงกลั่นน้ำมันขนาดกำลังการกลั่น 174,000 บาร์เรลต่อวัน เครือข่ายคลังน้ำมันและสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 800 แห่งได้ทันที"
โดยกลุ่มบริษัทบางจากจะมีกำลังการกลั่นน้ำมันสูงสุดในประเทศรวมเกือบ 300,000 บาร์เรลต่อวันจากโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลก 2 แห่งคือโรงกลั่นบางจาก พระโขนงและโรงกลั่นบางจาก ศรีราชา สามารถดำเนินธุรกิจได้ครบวงจรมากขึ้น ได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยีการกลั่นที่เสริมกันของโรงกลั่นทั้งสอง เพิ่มความหลากหลายในการจัดหาน้ำมันดิบ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาและขนส่งน้ำมันดิบร่วมกัน เพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของตลาดและปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่น รวมถึงสามารถใช้ประโยชน์จากแผนบำรุงรักษาโรงกลั่นร่วมกัน
ในขณะที่การให้บริการด้านการตลาดจะครอบคลุมและนำเสนอบริการให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นผ่านเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศรวมกว่า 2,200 แห่ง โดยเครือข่ายสถานีบริการของเอสโซ่ ผลิตภัณฑ์และน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน จะเข้ามาเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์บางจาก สร้างโอกาสในการพัฒนาสถานีบริการให้สอดคล้องกัน ส่งผลให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงน้ำมันบางจากได้มากขึ้น ซึ่งไม่เพียงส่งผลดีต่อธุรกิจของบางจากฯ เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อภาพรวมของธุรกิจพลังงานในประเทศไทยด้วย ทั้งนี้ สถานีบริการของเอสโซ่จะเริ่มทยอยเปลี่ยนป้ายเป็นสถานีบริการบางจากภายใน 2 ปี โดยน้ำมันที่จำหน่ายในสถานีบริการเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันคุณภาพสูงจากโรงกลั่นน้ำมันมาตรฐานระดับโลกทั้ง 2 แห่งของกลุ่มบริษัทบางจาก น้ำมันทุกชนิดเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและได้รับการควบคุมคุณภาพตามมาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน นอกจากนี้ น้ำมันเกรดพรีเมียมของบางจากทั้งแก๊สโซฮอล์และดีเซล ยังได้มาตรฐานยูโร 5 และมีค่าออกเทนและซีเทนสูงกว่าค่ามาตรฐานของกรมธุรกิจพลังงาน
สำหรับลูกค้าเอสโซ่ซึ่งเป็นสมาชิกบัตรเอสโซ่สไมลส์ยังสามารถสะสมคะแนนและแลกคะแนนเอสโซ่สไมล์ได้อีก 1 ปีจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ภายใต้บัตรเดิม หรือสามารถโอนคะแนนสะสมมาเป็นสมาชิกบางจากกรีนไมลส์ โดยจะได้รับคะแนนโบนัสพิเศษเพิ่ม 100 คะแนน หากทำการโอนย้ายคะแนนภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 ทั้งนี้ สำหรับสมาชิกบัตรบางจากกรีนไมลส์ นอกจากจะสามารถนำคะแนนสะสมจากการเติมน้ำมันและซื้อสินค้าในเครือบางจากฯ มาใช้เป็นส่วนลดหรือทำประโยชน์อื่นๆ ตามไลฟ์สไตล์ของตนแล้ว ยังสามารถรับส่วนต่างราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นคืนเป็นคะแนนพิเศษเพิ่มเมื่อเติมน้ำมันในวันแรกที่ปรับขึ้นราคา และยังร่วมบริจาคเงินจากการสะสมคะแนนให้กับองค์กรสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ที่บางจากฯ ดำเนินมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 เพื่อร่วมกันช่วยทำให้สังคมไทยน่าอยู่อย่างยั่งยืนด้วย
"ในวันนี้ เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ต้อนรับพนักงาน ผู้ประกอบการและลูกค้ารายใหม่จากเอสโซ่สู่ครอบครัวบางจาก ซึ่งการรวมทีมงานคุณภาพของทั้งสองบริษัทจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความสามารถในการดำเนินการตามแผนขยายธุรกิจของบริษัทฯ ให้เติบโตได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ "Greenovative Experience" ผ่านช่องทางการให้บริการที่ขยายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม เป็นการผสานสองพลังที่ยิ่งใหญ่ Together To Greater เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่ดีที่สุดสู่ลูกค้า ไม่เพียงส่งผลดีต่อธุรกิจของกลุ่มบริษัทบางจาก เท่านั้น แต่ยังมีความสำคัญต่อภาพรวมของธุรกิจพลังงานในประเทศไทยด้วย" นายชัยวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย
///จบ///