สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(25 กรกฎาคม 2567)--- นายวิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)GLOBAL เปิดเผยว่า บริษัทฯมีผลกำไรสุทธิประจำไตรมาสที่ 2/2567 เท่ากับ 764.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.08 ล้านบาท หรือ 8.38% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2566 และหากเปรียบเทียบกับยอดขายคิดเป็น 8.77% ของยอดขาย และสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่30 มิถุนายน 2567 เท่ากับ 1,487.73 ล้านบาท ลดลง 103.58 ล้านบาท หรือลดลง 6.51% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี2566 และหากเปรียบเทียบกับยอดขายคิดเป็น 8.51% ของยอดขาย โดยมีปัจจัยหลัก ดังนี้

1) รายได้จากการขายสำหรับไตรมาส2/2567 เท่ากับ 8,715.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปี2566 จำนวน 212.18ล้านบาท หรือ 2.50% และสำหรับงวดหกเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เท่ากับ 17,482.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2566 จำนวน 46.19 ล้านบาท หรือ 0.26% เป็นผลมาจากยอดขายของสาขาเดิมและสาขาใหม่อีก 8 สาขา

2) รายได้อื่นสำหรับไตรมาส2/2567 เท่ากับ 206.41 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 26.43 ล้านบาทหรือ 14.68% และ สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เท่ากับ 419.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี2566 จำนวน 68.65 ล้านบาท หรือ 19.59% เนื่องจากรายได้บริหารคลังสินค้าและรายได้ส่งเสริมการขายที่ได้รับจากคู่ค้าเพิ่มขึ้น

3) กำไรขั้นต้นประจำไตรมาส2/2567 เท่ากับ 2,320.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปี2566 จำนวน 161.41 ล้านบาท หรือ 7.48% และคิดเป็นอัตรา 26.62% ของรายได้จากการขาย ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 1.23% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี2566 และสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เท่ากับ 4,510.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี2566 จำนวน 113.49 ล้านบาท หรือ 2.58% คิดเป็นอัตรา 25.80% ของรายได้จากการขาย ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 0.59% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี2566 เนื่องจากราคาสินค้ากลุ่มเหล็กมีการปรับตัวสูงขึ้นและการปรับการกระตุ้นยอดขายของกลุ่มสินค้า House Brand

4) ต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายการบริหาร(ไม่รวมค่าเสื่อมราคา กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เกิดขึ้นจริง และ กำไร(ขาดทุน)จากเงินลงทุนชั่วคราวที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง) ประจำไตรมาส 2/2567 เท่ากับ 1,250.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 130.71 ล้านบาท หรือ 11.67% โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวคิดเป็น 14.35% ของยอดขาย และสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เท่ากับ 2,389.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี2566 จำนวน 277.84 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 13.16% โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวคิดเป็น 13.67%ของยอดขาย เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายกลุ่มเงินเดือนพนักงานของสาขาที่เปิดใหม่ 8 สาขา

5) ต้นทุนทางการเงินประจำไตรมาส2/2567 เท่ากับ 70.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปี2566 จำนวน 4.96ล้านบาทหรือ 7.57% และสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2567 เท่ากับ 156.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี2566 จำนวน 27.21 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21.05% เนื่องจากการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมของสถาบันการเงินตามสถานการณ์โลก

6) ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ประจำไตรมาส2/2567 เท่ากับ 178.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 11.57ล้านบาท หรือ 6.92% และสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เท่ากับ 357.61 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2566 จำนวน 18.88 ล้านบาท หรือ 5.01% เป็นผลจากกำไรก่อนหักภาษีสำหรับงวดหกเดือนที่ลดลง

7) กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา(EBITDA) ประจำไตรมาส 2/2567 เท่ากับ 1,330.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 89.82 ล้านบาท หรือ 7.24% และสำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 เท่ากับ
2,645.26 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปี 2566 จำนวน 41.68 ล้านบาท หรือ 1.55%

สำหรับผลประกอบการสำหรับงวดหกเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2567 บริษัทฯมีผลกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม เท่ากับ1,487.73 ล้านบาท ลดลง 103.58 ล้านบาท หรือ 6.51% เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี2566 เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาใหม่ 8 สาขา แม้ว่าสัดส่วนของรายได้รวมและกำไรขั้นต้นในรอบระยะเวลาหกเดือนจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม

ทั้งนี้ ณ 30 มิถุนายน 2567 บริษัทฯมีจำนวนสาขารวม 87 สาขา เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปี2566 จำนวน 8 สาขา