HotNews: GLOBAL หักปากาเซียน!! Q1/63 กำไรโผล่ 621.29 ลบ.

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(11พฤษภาคม 2563) บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL หักปากาเซียน!! ที่มีนักวิเคราะห์บางสำนัก คาดว่าโค้งแรก จะขาดทุนตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ด้วยการประกาศงบ Q1/63 กำไรโผล่ 621.29 ลบ. แม้เผชิญพิษโควิด-19 ด้าน"วิทูร สุริยวนากุล" บิ๊กบอส GLOBAL เผยไตรมาส 1/63 มีกำไร 621.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.81% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังปรับกลยุทธ์สู้โควิด แม้รายได้หด หลังปิดสาขาชั่วคราว รวม 39 สาขา

 

 

นายวิทูร สุริยวนากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) GLOBAL เปิดเผยว่า ผลประกอบการประจำไตรมาส1 เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา บริษัทฯมีผลกำไรสุทธิ(เฉพาะกิจการ) เท่ากับ 602.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 74.08 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14.03% และเมื่อรวมส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าผ่านบริษัทโกลบอลเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด และการลงทุนในบริษัทย่อยในนาม Global House Cambodia Co.,Ltd เข้ามาด้วยจะทำให้ บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิตามงบการเงินรวม เท่ากับ 621.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปี2562 จ านวน 75.38 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.81% เนื่องจากการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้สอดคล้องกับสภาวเศรษฐกิจ

 

ทั้งนี้บริษัทฯมีผลกำไรสุทธิประจำไตรมาสที่ 1/2563 เท่ากับ 621.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75.38 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 13.81% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2562 และหากเปรียบเทียบกับยอดขายคิดเป็น 8.54 % ของยอดขายโดยมีปัจจัยหลัก ดังนี้

 

รายได้รวมประจำไตรมาส 1/2563 เท่ากับ 7,543.44 ล้านบาท ลดลงจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2562 จำนวน 157.33ล้านบาท หรือ ลดลง 2.04% ประกอบด้วย รายได้จากการขาย จำนวน 7,275.06 ล้านบาท ลดลง 185.71 ล้านบาท หรือลดลง 2.49 % ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด เนื่องจากการปิดสาขาภายในประเทศชั่วคราว รวม 39 สาขา ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2563 เป็นต้นมา รายได้อื่น จำนวน 268.38 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.38 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 11.83 % เป็นผลมาจากการรับรู้ผลกำไรจากการปรับปรุงอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงของตราสารอนุพันธ์ กำไรขั้นต้น ประจำไตรมาส 1/2563 เท่ากับ 1,644.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2562 จ านวน 222.32 ล้านบาท หรือ 15.63% และคิดเป็นอัตรา 22.60% ของรายได้จากการขาย

 

ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 3.54% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปี 2562 เนื่องมาจากการปรับสัดส่วน และการกระตุ้นยอดจำหน่ายสินค้ากลุ่ม House Brand เป็นสำคัญ ส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2562 ต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายการบริหาร (ไม่รวมค่าเสื่อมราคา และกำไร(ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เกิดขึ้นจริง) ประจำไตรมาส 1/2563 เท่ากับ 786.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2562 จำนวน 70.47 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.84%

 

 

โดยค่าใช้จ่ายดังกล่าวคิดเป็น 10.81% ของยอดขาย เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายกลุ่มเงินเดือนพนักงานของสาขาที่เปิดใหม่ 6 สาขา กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา(EBITDA) ประจำไตรมาส 1/2563 เท่ากับ 1,080.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปี 2562 จำนวน 129.93 ล้านบาท หรือ 13.67 % จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น(EBITDA) แสดงถึงผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นกว่า ไตรมาส 1/2562 ณ 31 มีนาคม 2563 บริษัทฯมีจำนวนสาขารวม 67 สาขา

 

 

เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปี2562 จำนวน 6 สาขาโดยเป็นสาขาที่เปิดในไตรมาส 1/2563 จำนวน 1 สาขา และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) บริษัทฯได้ปฏิบัติตามคำสั่งของภาครัฐ ในการปิดสาขาชั่วคราวรวม 39 สาขา ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2563 เป็นต้นมา สำหรับสาขาที่เปิดบริการได้ตามปกตินั้น บริษัทฯตระหนักถึงความปลอดภัยของลูกค้าและพนักงานทุกคน จึงได้กำหนดมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามแนวทางของกระทรวงสาธารสุข และให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด สำหรับสาขาของบริษัทย่อยในประเทศกัมพูชายังคงเปิดดำเนินการตามปกติ

 

 

ขณะที่หลัง GLOBAL ประกาศงบ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ออกบทวิเคราะห์ เปิดเผยว่า กำไร Q1/63 กำไร GLOBAL ดีกว่าคาด แนวโน้มดีขึ้นใน 2H20 จากขยายสาขา ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 16.00 บาท อิง 2020E PER ที่ 35x (+0.5SD ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) ปรับลดลงจากเดิมที่ 18.00 บาท เพราะปรับลดกำไรปี 2020E ลง โดย GLOBAL รายงานกำไรสุทธิ 1Q20 ที่ 616 ล้านบาท (+14% YoY และ +4% QoQ) ดีกว่าตลาดคาด 27%

 

 

โดยรายได้ลดลง -2.5% YoY จากการปิดห้างปลายเดือนมีนาคม แต่อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเป็น 22.6% จากการเพิ่มสัดส่วนสินค้ากลุ่ม housebrand ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง อย่างไรก็ตามเราได้ปรับกำไรสุทธิปี2020E ลง -9% อยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท (-8% YoY) จากการปิดห้างเต็มเดือนเม.ย.และกำลังซื้อที่ลดลงจากภาวะเศรษฐกิจ โดยบริษัทยังคงแผนที่จะขยายสาขาประมาณ 5 แห่งในปีนี้หลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย

 

ราคาหุ้น outperform SET +10% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าราคาหุ้นมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ ปัจจัยหนุนคือ สถานการณ์ COVID-19 มีแนวโน้มดีขึ้น และปัจจุบันสะท้อนปัจจัยลบไปมากโดยซื้อขายกันอยู่ที่ 2020E PER 28.5x ใกล้ -0.75SD แล้ว

 

อย่างไรก็ตามปรับลดราคาเป้าหมายลงมาที่ 16.00 บาท อิง 2020E PER ที่ 35x (เทียบเท่า +0.5SD ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) จากเดิมที่ 18.00 บาท (เทียบเท่า +0.5SD ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) เพราะเราปรับลดกำไรปี 2020E ลง

 

 

 

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน ที่ 14.00 บาท ผลการดำเนินงาน 1Q20 ดี จากอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งGLOBAL รายงานกำไรสุทธิที่ดีที่ 616 ลบ. เพิ่มขึ้น 14% y-y และ4% q-q แม้ยอดขายจะถูกกระทบจากการปิดสาขาชั่วคราว (ปิด 39สำขำ จำก 67 สาขา) ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม จากมาตรการปิดเมือง

 

ยอดขายลดลง 2% y-y แม้ว่าจะมีการเปิดสาขาเพิ่มอีก 6 แห่งหลังจาก 1Q19 เป็น 67 สาขา ในประเทศไทย

 

อัตรากำไรขั้นต้นเหนือคาดที่ 22.6% เพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 19.1%ใน 1Q19 ซึ่งยังคงเป็นระดับอัตรากำไรขั้นต้นสูงอย่างต่อเนื่อง 2ไตรมาสตั้งแต่ 23.0% ใน 4Q19 บริษัทฯ ชี้แจงว่าเป็นเพราะการปรับสัดส่วนและกิจกรรมส่งเสริมการขายของสินค้าเฮ้าส์แบรนด์

 

กำไร 1Q20 คิดเป็น 31% ของประมาณการทั้งปีของเรา

 

ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 14 บาท

 

 

GLOBAL