Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

486

 


"Tourism Play"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1369/1373 จุด รับ 1355/1350 จุด วานนี้ตลาดหุ้น Dow Jones ลง -0.55% โดยมีเพียงกลุ่มเทคโนโลยี ในส่วน NVIDIA ที่ยังมีโมเมนตัมบวกหลังรายงานงบ รวมถึงกลุ่มพลังงาน เก็งภาพ Demand การเข้าสู่ช่วง Driving Season ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 และเก็งก่อนประชุม OPEC+ เป็นกลุ่มนำตลาด ส่วนกลุ่มอื่นๆเผชิญแรงกดดัน US Bond Yield อายุ 10ปี ที่ +8 bps มายืนเหนือ 4.5% อีกครั้ง หลังดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CCI สำรวจโดย Conf Board) ดีกว่าคาด ปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน สู่ 102จุด สะท้อนเศรษฐกิจฯสหรัฐแข็งแกร่ง ส่งผลให้ตลาดที่มองวงจรดอกเบี้ยสหรัฐระมัดระวังถึงโอกาส Fed ลดดอกเบี้ยน้อยลง เป็นจิตวิทยาลบต่อสินทรัพย์เสี่ยง แต่อย่างไรก็ตาม SET น่าจะมีแรงพยุงจากหุ้นฝั่งพลังงานต้นน้ำ (10.5% ของมูลค่าตลาด SET) ราคาน้ำมันหนุน ผสานกลุ่มธนาคาร(Global Yield & Local Yield ปรับขึ้นเป็นบวกต่อกลุ่ม) กลุ่มอิงภาคบริการ ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. สื่อสาร และ ค้าปลีก(เด่น หลังรัฐออกมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวชุดใหญ่ เพิ่มประเทศที่ให้ฟรี วีซ่า เป็น 96 ประเทศ จาก 57 ประเทศ) วันนี้แนะนำ AOT, MINT, STA

 

Daily outlook: "Sideways" ต้าน 1369/1373 จุด รับ 1355/1350 จุด

What happened around the world ?

• (*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาเปิดทำการเมื่อวานแกว่งตัว แม้ US Bond Yield ปรับขึ้นแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาแข็งแกร่งและความเห็นของ Fed Speak โดยรวมหนุน Dow jones -0.55%d-d, S&P500 +0.02%, Nasdaq +0.59% โดย Sectorใน S&P500 กลุ่มที่ Outperform นำโดยกลุ่ม IT, Energy (นำโดย Exxon และ Chevron หนุนจากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น 3 วันติด มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำไทยวันนี้) ,กลุ่ม ICT ส่วน Sector ที่ปรับลงแรงอาทิ Industrial, Health care , Financial ฯลฯ หุ้นที่ปรับขึ้นเด่น หลักคือ NVIDIA +6.9%, AMD +3.1%ฯลฯ หุ้นที่ลงแรง Moderna -8% รับประเด็ยผู้บริหารขายหุ้น ฯลฯ

• (*) US Econ: 1.)ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองใหญ่สหรัฐ เดือนมี.ค. ปรับขึ้นทำ All Time High KSS ประเมินเป็น Lagging Indicator 2.)ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ Conference Board เดือน พ.ค. เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือนแตะระดับ 102จุดดีกว่าที่ตลาดคาดและเร่งขึ้นจาก 97.5 ในเดือน เม.ย. ปรับขึ้น โดยรวมยังสะท้อนภาพ เศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่งทำให้โอกาสเฟดลดดอกเบี้ยน้อยลง ส่งผลให้ US Bond yield

• (*) Fed Speaks : คุณ Neel Kashkari Fed สาขา Minneapolis(Non Voter) เผยโอกาสที่Fed จะขึ้นดอกเบี้ยนั้นยังต่ำ แต่ก็ยังไม่อยากตัดทางเลือกนี้ออกไป เศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง และเฟดควรจับตาดูว่าเงินเฟ้อจะชะลอลงเพียงพอที่จะสามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้หรือไม่

• (*/+) China property stimulus : เชี่ยงไฮ้ประกาศลดอัตราส่วนเงินดาวน์ลงสู่ระดับ 20% สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรก และ เหลือ 30% สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 นับเป็นการดำเนินนโยบายในทิศทางเดียวกลับหลายๆ เมืองที่ภาครัฐเร่งดำเนินนโยบายต่างๆ เพื่อฟื้นฟูภาคอสังหาฯ KSS ประเมินย้ำภาพภาคการผลิตจีนฟื้นต่อ มองบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจอิงจีน อาทิ SCGP, IVL, KCE

• (*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 30 พ.ค. GDP งวด 1Q24 รายงานครั้งที่สอง คาด 1.2%q-q vs prev. 1.6%q-q 31 พ.ค. ติดตามเงินเฟ้อ PCE เม.ย. คาด +2.7%y-y, +0.3%q-q เท่าเดือนก่อนและ PCE พื้นฐาน คาด 2.8%y-y เท่าเดือนก่อนเช่นกัน ฝั่งจีน 31 พ.ค. ติดตามรายงาน PMI ของทางการจีน ภาคผลิตคาด 50.4 จุด เท่าเดือนก่อน นอกภาคผลิตคาด 51.4 จุด เท่าเดือนก่อนเช่นกัน ฝั่งยุโรป 31 พ.ค. ติดตามรายงาน CPI พ.ค. คาด +2.6%y-y vs prev. +2.4%y-y และเงินเฟ้อ CPI พื้นฐาน คาด +2.8%y-y vs prev. +2.7%y-y

• (*) US Bond & Dollar : Bond yields แนวโน้มเป็นขาขึ้นระยะสั้นอายุ 10 ปี ปรับขึ้นแรง +8bps มาอยู่ที่ 4.54% ทำจุดสูงสุดในรอบ 1 เดือน เช่นเดียวกับอายุ 2 ปี ปรับขึ้นต่อ +3 bps อยู่ที่ 4.98% สูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาลบกับหุ้นในกลุ่มอิเล็กฯ, การเงิน และกลุ่มโรงไฟฟ้า แต่บวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน เน้น BBL ขณะที่ Dollar Index แกว่งตัวบริเวณ 104.5 +/- จุด

•(*/+) Oil : ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อเป็นวันที่ 3 น้ำมันดิบ Brent +1.35%d-d ปิดที่ US$ 84.22/barrel น้ำมันดิบ West Texas +0.49%d-d ปิดที่ US$ 80.22/barrel แรงหนุนตลาดเก็งก่อนประชุม OPEC+ 1 มิ.ย. คาดมติจะยังขยายการตัและดลดกำลังการผลิตไปจนถึงช่วง 3Q24 และการเข้าสู่ Driving Seasonมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำเน้น Trading อาทิ PTTEP, PTT

 

What happened in Thailand ?

• (*) SET: ตลาดหุ้นไทยวานนี้ ปิดลบ -3.67 จุด -0.27% ปิดที่ 1362.7 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง 3.38 หมื่นล้านบาท กลุ่มหนุน คือ กลุ่มท่องเที่ยว (MINT) เริ่มฟื้นตัว จากปัจจัยหนุนฝั่งยุโรป ECB มีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยลง มิ.ย. 24 ผสาน ยุโรปกำลังเข้าสู่ฤดูท่องเที่ยวหนุน MINT ที่มีรายได้จากภูมิภาคดังกล่าว 50% กลุ่มแพ็คเกจจิ้ง (SCGP) ฟื้นตัวตามภาพเศรษฐกิจจีนที่มีสัญญาณเชิงบวก กำไรภาคอุตสาหกรรม เม.ย. 24 กลับมา +4.0% ดีขึ้นจาก prev.หดตัว y-y กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มชิ้นส่วนฯ (DELTA, CCET) มองเป็นการขายหุ้นรายตัวในกลุ่มที่การฟื้นตัวช่วง 2Q24 ยังไม่ชัดเจน กลุ่มค้าปลีก (CPAXT, CPALL) Overhang การเมืองยังเป็นแรงกดดันหลัก

• (*/-) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลออก ขายหุ้น -45.3 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -5.3 ล้านเหรียญฯ TFEX เปิดสถานะ Net Short -29,700 สัญญา เงินบาททรงตัว 36.6 +/- บาท

• (*/+)Cabinet: มติ ครม. ที่สำคัญวานนี้ ได้แก่

1) ครม.อนุมัติมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว i) เปิดฟรีวีซ่าเพิ่มเป็น 93 ประเทศ จากเดิม 57 ประเทศ พำนักสูงสุด 60 วัน มีผลตั้งแต่ 1 มิ.ย. 24 โดยมีทั้งในส่วนของกลุ่มที่ฟรี วีซ่าอยู่แล้ว แต่ขยายระยะพำนักจากเดิมสูงสุด 30 วัน, กลุ่มที่เดิมให้ VISA on arrival และกลุ่มที่ไม่เคยได้รับสิทธิ์ใดเลย ii) ให้สิทธิ VOA เพิ่มอีก 6 เป็น 31 ประเทศ iii)เพิ่มการตรวจลงตราประเภทใหม่เป็น DTV (work from anywhere) อายุวีซ่า 5 ปี พำนักได้ 180 วัน, และ iv)นักเรียนนักศึกษาปริญาตรีขึ้นไปจบการศึกษาอยู่ต่อได้อีก 1 ปีจำนวน 40,000 คน

หากอิงข้อมูลเบื้องต้นรัฐฯ คาดว่าจะสูญเสียรายได้ค่าธรรมเนียม VISA on Arrival 4.0 พันล้านบาท (นักท่องเที่ยว 4.5 ล้านคน) และค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยวที่ขอช่องทางปกติ 3.3 พันล้านบาท (อิงค่าธรรมเนียมวีซ่า 1,000 บาท เท่ากับ นักท่องเที่ยว 3.3 ล้านคน) นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวจะอยู่ราว 7.8 ล้านคนประเมินมีสัดส่วนราว 27.8% ของนักท่องเที่ยวรวมปี 2023

ทั้งนี้ หากอิงรัฐฯคาดมาตรการดังกล่าวจะช่วยดึงเม็ดเงินเข้าประเทศเพิ่ม 8 แสน – 1 ล้านล้านบาท สูงมาก หากเทียบกับเม็ดเงิน YTD ถึง 26 พ.ค. สร้างรายได้แล้ว 6.8 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ผลบวกระยะสั้นต่อจำนวนนักท่องเที่ยว เราคาดผลบวกเข้ามาค่อยเป็นค่อยไป เบื้องต้นทีมกลยุทธ์ประเมินปี 2024 มีโอกาสเห็น Upside นักท่องเที่ยวระดับ 1.0-1.2 ล้านคน (อิงคาดการณ์กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีโอกาสเร่ง 27.8% จากนักท่องเที่ยว 36 ล้านคน เป็นฐาน 10 ล้านคนที่มีโอกาสเห็นภาพเร่ง และประเมิน Upside เพิ่มอิงอิงกรณีฟรี วีซ่านักท่องเที่ยวจีนที่นักท่องเที่ยวจีนรายวัน ก่อน vs หลัง มาตรการมีผล เพิ่มเฉลี่ยราว 20-25% + ปี 2024 ให้มีผลครึ่งปี)

กลยุทธ์ บวกต่อกลุ่มภาคบริการ (ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. สื่อสาร ค้าปลีก) โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยว เน้น AOT ที่คาดได้ประโยชน์เต็มที่ในฐานะผู้ให้บริการสนามบินหลักของประเทศ MINT ที่กำลังรับประโยชน์ช่วงฤดูกาลยุโรปที่รอบนี้มาพร้อมภาพเศรษฐกิจฟื้นตัว ขณะที่มีภาพบวกในประเทศเสริม และ ERW ที่มีสัดส่วนรายได้ในไทยมากสุดในกลุ่มที่ 90% นอกจากนี้ เน้น และ ร.พ. BDMS, BH ที่ประโยชน์ระยะสั้นสูง จากรัฐฯเน้นลูกค้าอาหรับที่เข้าสู่ฤดูร้อนจัดก่อน

2) ที่ประชุม ครม. เห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2568-2571) เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาจัดทำกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เพื่อเปิดทางปรับเพิ่มงบประมาณรายจ่ายปี 67 เพิ่มจำนวน 1.22 แสนล้านบาท โดยรวมทำให้ขาดทุนปี 2567 และ 2568 จะอยู่ที่ 4.3% และ 4.5% ของ GDP ตามลำดับ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ KSS ประเมินเป็นระดับที่สูงกว่ามาตรฐานสากลที่ราว 3% ขณะที่คาดการณ์แนวโน้มหนี้สาธารณะต่อ GDP ปี 2570 จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนแตะระดับ 68.9% ในปี 2570 ถือเป็นความเสี่ยงต่ออันดับเครดิตในปี 2568 ทำให้ต้นทุนทางการเงินรัฐฯและเอกชนเสี่ยงเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องติดตามควบคู่ไปกับพัฒนาการ GDP ด้วย

• (*/+) Stimulus Package: กระทรวงการคลังเตรียมมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme (PGS11) โดยบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เพื่อสร้างหลักประกันให้ธนาคารในการปล่อยสินเชื่อและอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงิน วงเงิน 50,000 ล้านบาท มองเป็นบวกต่อเศรษฐกิจที่เม็ดเงินหมุนเวียนสู่ระบบจะเพิ่มมากขึ้น และทิศทางการฟื้นตัวเศรษฐกิจฐานราก

• (*/+) TH Tourism: นักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ที่ 21 ปี 2024 (20-26 พ.ค.) อยู่ที่ 5.96 แสนคน + 4.3%w-w หนุนนักท่องเที่ยว พ.ค. 24 MTD สูง 2.2 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละ 8.45 หมื่นคน เท่ากับ 95.8% ของระดับ ค่าเฉลี่ย พ.ค. 19 ที่ 8.82 หมื่นคน เร่งขึ้นชัดเจนจาก 4M24 เฉลี่ยราว 86.6%

 

Daily Strategy : AOT, MINT, STA เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways/Up" ปัจจัยต่างประเทศเป็นจิตวิทยาลบ หลังเศรษฐกิจสหรัฐยังแข็งแกร่ง คาดถ่วงกลุ่มชิ้นส่วนฯ โรงไฟฟ้า แต่บวกต่อกลุ่มธนาคาร นอกจากนี้ ยังมีจุดดีที่ราคาน้ำมันอยู่ในรอบเก็งผลประชุม OPEC+ และ Driving Season ยังหนุนกลุ่มพลังงานต้นน้ำ ขณะที่ภายในมีภาพบวกรัฐฯออกมาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ คาดหนุนหุ้นกลุ่มภาคบริการ โดยรวมมองหุ้นนำวันนี้ 1) กลุ่มภาคบริการ (ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. ค้าปลีก) 2) กลุ่มพลังงานต้นน้ำ 3) กลุ่มธนาคาร

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (IVL, HANA, SCGP, GLOBAL, DOHOME)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการท่องเที่ยวชุดใหญ่ของรัฐฯ หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (CPALL, BJC, OSP, ICHI, ILM, AOT, MINT, ERW, AAV, BA)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BE8, WARRIX, MTC)
กลุ่มที่คาดกำไร 1Q24F จะดี / กลุ่มที่รายงานแล้วคาดกำไรมีโมเมนตัมบวกต่อ (AOT, ADVANC, CPALL, ICHI, OSP, WHA, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, WHA)

• MAY24 Best Picks: ICHI, BJC, HANA, IVL, MINT, CPALL, OSP

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 


• Strategy Update : FTSE Rebalance

FTSE ประกาศรายชื่อหุ้นชุดใหม่จะมีผล Rebalance ในราคาปิด วันที่ 21 มิ.ย.2024FTSE ALL World Index(Large + Mid Cap) วัน Rebalance เป็นการเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย คิดเป็นเม็ดเงินราว +50 ล้านเหรียญฯ(มีผล Rebalance ในราคาปิด วันที่ 21 มิ.ย.2024) โดยหลักๆ เป็นการเพิ่มน้ำหนัก SAWAD BGRIM, CPF ,MINT เฉลี่ยราว +20 ถึง +10 ล้านเหรียญฯ ขณะที่หุ้นเข้า – ออก ในส่วนต่างๆ ดัชนี สรุปได้ดังนี้

o FTSE Large Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก

o FTSE Mid Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก

o FTSE Small Cap : ไม่มีหุ้นเข้าและหุ้นออก

o FTSE Micro Cap : หุ้นเข้า SAFE, TAN หุ้นออก : ไม่มี

 

 

• Strategy Update : Container & Freight Forwarder : "A New Upward Cycle"

ดัชนีค่าระวางเรือ Containerปี 2024 กลับมาปรับตัวขึ้นโดดเด่นมาเคลื่อนไหวในระดับ 3500 +/- จุด (vs ต้นปีบริเวณ 4,000 จุดช่วงทะเลแดงตึงเครียด vs 10,000 +/- จุดช่วง COVID) แรงขับเคลื่อนสำคัญรอบนี้จากการฟื้นตัวฝั่งความต้องการ (Demand) ที่หนุนจากสัญญาณการภาคผลิตโลก บ่งชี้จาก Global Manufacturing PMI กลับมาอยู่ในระดับขยายตัว (>50 จุด) 3 เดือนต่อเนื่อง หนุนจากการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน ยุโรปที่เร่งขึ้น (52% ของการค้าโลก) ขณะที่เราเชื่อระยะสั้นยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการเร่งสั่งซื้อสินค้าระยะสั้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่สหรัฐฯ – ยุโรป - จีน ทยอยกลับมาออกมามาตรการกีดกันการค้าแบบอ่อนๆ ระหว่างกันช่วงนี้ ตามที่เรานำเสนอว่าน่าจะเป็นเชิงสัญลักษณ์ก่อนการเลือกตั้งใหญ่สหรัฐฯ พ.ย. 24 น่าจะเป็นแรงขับเคลื่อน Demand ต่อ
มุมมองดังกล่าวหนุนราคาหุ้นในกลุ่มดำเนินธุรกิจเดินเรือขนส่ง Container โดยตรง โดยเฉพาะ RCL ปรับตัวขึ้นร้อนแรง 63.7% ภายใน 1 เดือน อย่างไรก็ตาม เชิงกลยุทธ์ เรามองหุ้นอีกกลุ่มที่ยังมีโอกาสเก็งกำไรลักษณะ Tactical Play คือ หุ้นในกลุ่ม Freight Forwarder ในส่วนที่มีสัดส่วนรายได้จากฝั่งเรือในสัดส่วนสูง อาทิ WICE (34% ของรายได้) SONIC (62% ของรายได้) SINO (90% ของรายได้) ที่ MTD เพิ่งปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 14.7% ขณะที่ระดับ Correlation (ราคาหุ้น กับ WCI) ที่บ่งชี้ระดับการเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกันแทบไม่แตกต่างกัน โดย RCL, WICE, SONIC อยู่ที่ 0.71, 0.6 และ 0.69 ตามลำดับ (SINO ข้อมูลทางสถิติไม่พอ) มองหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นน้อย แต่ได้ประโยชน์ไม่ต่างจาก RCL อาทิ SINO, SONIC น่าเข้าเก็งกำไรในเชิง Tactical Plays

• Strategy Update : Data Center

กระแสลงทุน Data Center ในไทยกำลังเร่งขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม มีสัญญาณบ่งชี้จาก 1) WHA มีโอกาสสูงเซ็นสัญญาขายที่ดินขนาด 400-500 ไร่ให้กับผู้ประกอบการ Data Center ระดับโลกกลางปี 2024 นี้ 2) เริ่มผู้ประกอบการ Data Center ที่เคยลงทุนในประเทศไทยไปแล้วติดต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า วางแผนร่วมกันถึงกำลังผลิตไฟฟ้าที่ต้องการสำหรับแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติมระดับ 100+ MW
การลงทุนดังกล่าว เรามองบวกต่อการสร้าง S Curve ใหม่ๆต่อเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนขึ้น อิงขนาดที่ดินที่มีโอกาสขายขนาดใหญ่ WHA บ่งชี้ทิศทางผู้ประกอบการต่างชาติน่าจะมองไทยหนึ่งในศูนย์กลางData Center ของภูมิภาค
KSS ประเมินทิศทางจะเปิด Upside ของหุ้นกลุ่มต่างๆ ดังนี้ 1) กลุ่มนิคม จากโอกาสขายที่ดิน 2) กลุ่มโรงไฟฟ้า จากโอกาสต่อยอด Upside กำลังผลิตเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น 3) กลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม ที่มักเป็นกลุ่มช่วยให้ผู้ประกอบการระดับโลกเช่าใช้ Data Center ที่มีเพื่ออำนวยความสะดวกธุรกิจช่วงเริ่มต้น + โอกาสเติบโตจากการผลักดันมีการใช้งานข้อมูลเพิ่มขึ้นระยะกลาง-ยาว 4) กลุ่มผู้รับเหมา ICT ที่มีศักยภาพสร้าง Data Center 5) กลุ่ม Digital Tech จากมุมมองเชิงบวกต่อภาพ Digital Transformation ระยะยาว เชิงกลยุทธ์หากประกอบภาพพื้นฐานหุ้นระยะสั้น ให้เน้น WHA(TP-6) GULF(TP-45.5) TRUE(TP-10.3) INSET(TP-3.2)

• Strategy Update : MSCI Rebalance

หุ้นเข้าออกในการคำนวณดัชนี ปรับน้ำหนักดัชนีวันที่ 31 พ.ค.

MSCI Global Standard หุ้นเข้า - ไม่มี

หุ้นออก – LH( - 200 ล้านเหรียญฯ), BTS(- 175 ล้านเหรียญฯ), MTC(- 100 ล้านเหรียญฯ)

MSCI Global Small Cap

หุ้นเข้า : BTS, JTS, LH, MTC หุ้นออก : BLAND, DITTO, FORTH, KSL, MAJOR, PSL, RS, SGP, SPCG, WHAUP

 

• Strategy Update : SET50/100 2H24 Second update

ตลาดหลักทรัพย์ปรับเกณฑ์คัดเลือกหุ้นเข้า SET50/SET100 เริ่มใช้จริงรอบ 2H24 หนุนให้ BJC เป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์ และกลับเข้ามาในดัชนี SET50/SET100 อีกครั้ง

 

วันนี้ตลาดหลักทรัพย์อัพเดทสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นการปรับเกณฑ์สภาพคล่องในการคัดเลือกหุ้นเข้า SET50/100 และจะเริ่มใช้จริงรอบ 2H24 เราคาดเป็นตัวหนุนหุ้น BJC กลับเข้ามาอยู่ในดัชนี SET50/SET100 อีกครั้ง

 

โดยสำหรับคาดการณ์หุ้น SET50/SET100 ล่าสุดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN

กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดย เราชอบ BJC, BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA, CKP


• STA (Trading Buy, TP20.4): เรามีมุมมองบวกจากประชุมนักวิเคราะห์ และปรับคำแนะนำเป็น Trading Buy STA ปรับ TP 24F มาที่ 20.40 บาท และ TP 25F ที่ 23.40 บาท เราชอบความโดดเด่นในการเข้าหาตลาดยาง EUDR ที่ไทยมีศักยภาพของวัตถุดิบยาง EUDR และ STA เป็นผู้ผลิตยางที่มีระบบข้อมูลเป็นที่ยอมรับของผู้ผลิตยางล้อยุโรปซึ่งเป็นลูกค้าเดิมของ STA อยู่แล้ว ทั้งนี้ราคายาง EUDR จะสูงกว่าราคายางธรรมดาราว 14% และ STA ตั้งเป้าสัดส่วนขายยาง EUDR 10% ของปริมาณขายในเดือนกค และเพิ่มเป็น 50% ในเดือนธค 24 ทำให้แนวโน้มการเติบโตมาร์จิ้นและกำไรสุทธิฟื้นตัวโดดเด่นในปี 2024 นับว่า STA เป็นหุ้นที่เด่นในกลุ่มเกษตร นอกเหนือไปจาก GFPT (TP 15.10 บาท)

• WHART (Unrated): We anticipate stable DPU in 2Q24F (Bt0.19) as higher revenue due to occupancy rate increases to 87% from 83% would offset higher interest expense. It plans for additional investment of freehold and sub-leasehold warehouses for not exceed Bt4.3b in 4Q24. This will be dividend accretive, greater diversification, expand customer base and improved trading liquidity. At last close, WHART offers attractive 7.3% real yield and trading at historical low of 0.8x P/NAV.

• SC (Buy, TP4.5): มุมมอง neutral ต่อข้อมูลใน analyst meeting จาก i) 2Q24F outlook ทั้ง presale, transfer มีสัญญาณดีขึ้น q-q แต่เทียบ y-y คาดกลับมาใกล้เคียงได้ปีก่อน ทำให้แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q24F ดีขึ้นมาก q-q และน่าจะกลับมาใกล้เคียงปีก่อนที่ราว 600 ลบ. ได้ ii) คงเป้า 2024F ที่คาด presale flat y-y, คาด transfer +5% y-y รวมถึงแผนเปิดโครงการใหม่ที่ 30.0 พันลบ. (-18% y-y) iii) การลงทุนใน non-residential ทำต่อเนื่องทั้ง hotel และ warehouse และเป็นรูปแบบ JV เพื่อลดความเสี่ยง โดยมีบทบาทต่อกำไรสุทธิใน 2025-26F iv) แผนคืนเงินกู้ bond ที่ครบปี 2024F ราว 4.6 พันลบ. ไม่น่ากังวล ผลตอบรับจากการออก bond ที่ผ่านมายังปกติ รวมถึงมีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารเพียงพอต่อการชำระคืน ทั้งนี้กำไรสุทธิ 1Q24 น่าจะเป็นไตรมาสที่ต่ำสุดของปี และคาดทยอยดีขึ้นใน 2Q24F, 3Q24F และสูงสุดใน 4Q24F ซึ่งจะมี condo ใหม่เข้ามาโอน เราคงกำไรสุทธิ 2024F ที่ 2.38 พันลบ. (-4% y-y) แต่อาจมีโอกาส downside เล็กน้อย เราคง TP24F ที่ 4.2 บาท หาก 2Q24F presale และ transfer เริ่มกลับมาดี ค่อยเป็นโอกาสสะสม โดยระยะยาวยังแนะนำ BUY จากแผนธุรกิจที่ aggressive ใน 3 ปีข้างหน้าทั้ง residential และการขยายสู่ธุรกิจใหม่ (new S-curve) ทำให้คาดกำไรสุทธิในอนาคตจะโตต่อเนื่องและสม่ำเสมอมากขึ้น

• Aviation (Neutral): เรามอง Neutral ยอดนักท่องเที่ยวสัปดาห์ที่ 21/24 ที่ 0.6 ล้านคน ยังทรงตัวต่ำตามฤดูกาล เมื่อเทียบกับ High season ตอนต้นปีที่ 0.7-0.8 ล้านคน/สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม % to Pre COVID ยังสูงกว่า 97% เบื้องต้นเราประเมินยอดนักท่องเที่ยวปี 24F ที่ 34.1 ล้านคน (+21% y-y หรือเทียบเท่า 86% to Pre COVID) มี Upside +3-6% เรายังเลือก BA (Buy, TP 24.25 บาท) เป็นหุ้น Top pick ของกลุ่มการบิน

 


2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU

Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

พีที สเตชั่น จับมือ "โป๊ยเซียน" แจกยาดม 2 หมื่นหลอด เติมความสดชื่นเต็ม MAX ในแคมเปญ "เพื่อนคู่ใจทุกการเดินทาง"

พีที สเตชั่น จับมือ "โป๊ยเซียน" แจกยาดม 2 หมื่นหลอด เติมความสดชื่นเต็ม MAX ในแคมเปญ "เพื่อนคู่ใจทุกการเดินทาง"

งบหมดแล้ว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ภาคเช้าที่ผ่านมา SET หมุนทะลุเส้น 1200 จุด อีกครั้ง ด้วยแบงก์ ,อิเล็กทรอนิกส์ และพลังงาน....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้