Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

151

Market Wrap-Up

  • SET วันที่21พ.ค.67 ปิด -7.87จุด อยู่ที่ 1,370.83 จุด มูลค่าการซื้อขาย38,385 ลบ.ต่างชาติขาย3,150ลบ.สถาบันซื้อ900ลบ.รายย่อยซื้อ1,729ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิอยู่ที่1,016 ลบ. มียอดซื้อสุทธิในหุ้นCPALL,WHA,ADVANC,PRM,AMATA และมียอดขายสุทธิTOP,PTT,BCP,MTC,EAมูลค่า Short Sales อยู่ที่ระดับ5,876ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือEKH,SGP-R,GPSC-Rโดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Shortใน Index Futures จำนวน 22,068สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 58,153สัญญา นักลงทุนต่างชาติซื้อพันธบัตรจำนวน596ลบ.
  • ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -0.51%, S&P500 -0.27%, Nasdaq -0.18%ปรับลงมารับความกังวลว่าเฟดจะตรึงดอกเบี้ยสูงนานกว่าคาดอีกครั้งหลังรายละเอียดการประชุม FOMC เปิดเผยส่วนตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.38% ปรับลดลงนำโดยหุ้นกลุ่มยายนตร์หลังประเด็นจีนอาจเก็บภาษีนำเข้า

Market View

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันพุธ (22 พ.ค.) ปิดลบหลังรายงานการประชุม FOMC ครั้งล่าสุดระบุว่ากรรมการเฟดกังวลว่าเงินเฟ้อยังไม่ชะลอตัวลงเร็วมากพอที่จะทำให้เริ่มลดดอกเบี้ยได้ เนื่องจากข้อมูลในช่วงหลังบ่งชี้ถึงสาเหตุของเงินเฟ้อมาจากราคาอาหารและการบริการ นอกจากนี้ในรายงานระบุกรรมการเฟดได้หารือกันเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากเงินเฟ้อไม่ได้ชะลอตัวลงต่อเนื่องจนถึงเป้าหมายที่ระดับ 2% ส่งผลให้ FedWatch Tool ปรับลดโอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน ก.ย.ลงเหลือ 59% จาก 65.7% ในวันก่อนหน้า ส่วนช่วงที่เหลือของสัปดาห์ติดตามข้อมูล ดัชนี S&P PMI ขั้นต้นของสหรัฐฯ เดือน พ.ค. (23 พ.ค.-คาดเพิ่มขึ้นจากเดือน เม.ย.) และสัปดาห์หน้าตัวเลขดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) (31 พ.ค.)
  • ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบจากแรงขายหุ้นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลังมีรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จีนจะเก็บภาษีนำเข้า นอกจากนี้ยังถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นหลังเงินเฟ้อของอังกฤษลดลงน้อยกว่าคาดในเดือน เม.ย.(+2.3% Vs คาด +2.1% Vs +2% ในเดือน มี.ค.) ลดโอกาสที่ BoE จะลดดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. ขณะที่ประธาน ECB ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า (6 มิ.ย.) หากข้อมูลบ่งชี้เงินเฟ้อชะลอตัว
  • ตลาดหุ้นเอเชีย หุ้นจีนยังได้แรงหนุนจากความคาดหวังรัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ดัชนีนิกเกอิปิดลบถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะ 1% ทำให้เกิดความกังวลต่อต้นทุนการกู้ยืม รวมถึงกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจจะถอนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ ธนาคารกลางอินโดฯ นิวซีแลนด์ประกาศคงดอกเบี้ย
  • SET -0.57% ปริมาณการซื้อขาย8หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 3,150 ลบ.สถาบันซื้อ900ลบ.รายย่อยซื้อ 1,729 ลบ.ปรับลงตาม sentiment ลบ ต่างประเทศ ประกอบกับปัจจัยการเมืองในประเทศกรณี 40 สว. ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรีกรณีที่แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทั้ง ๆ ที่ขาดคุณสมบัติ ล่าสุดนายพิชิต ประกาศลาออกเพื่อลดแรงกดดัน โดยติดตามว่าศาลฯ จะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ในวันนี้ ส่วนการนำกองทุน LTF กลับมายังไม่มีความคืบหน้าทำให้ตลาดผิดหวัง ด้านเศรษฐกิจติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นหลัง GDP 1Q67 ของไทยเติบโตต่ำ

Daily Strategy

  • ประเมินดัชนี SET Index วันนี้ Sideways ในกรอบ 1,360-1,380 จุด ติดตามประเด็นทางการเมืองในประเทศ แนะนำทยอยซื้อหุ้นในกลุ่มปลอดภัย หรือ แนวโน้มกำไรดีต่อเนื่องใน 2Q67เช่น KLINIQ, MASTER, BH, SKR, MINT, AMATA, CKP, OSP, ITEL เป็นต้น
  • MASTER* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 78.50 บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q67 มีทิศทางฟื้นตัวหลังผ่าน Low Season โดยผู้บริหารคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ +20% แม้ 1Q67 ลดลง QoQ แต่เป็นเรื่องฤดูกาล ซึ่งในช่วงที่เหลือจะดีขึ้น QoQ, YoY ได้ทุกไตรมาส หนุนจากรายได้จากการเข้าใช้บริการตามการขยายห้องผ่าตัวเป็น 17 ห้องเต็มปี ส่วน U-rate ห้องผ่าตัดใหม่ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลบวกต่ออัตรากำไรขั้นต้น นอกจากนี้ยังมีการรู้กำไรจากการเข้าลงทุนใหม่ (Partner คลินิกเสริมความงาม) ทยอยเข้าระหว่างปี หนุนจากการเติบโตในเชิง Inorganic พร้อมแผนกลยุทธ์แบบ Merger and Partnership (M&P) มีโอกาสเห็นต่อเนื่องในปีนี้
  • KLINIQ (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 48.00 บาท) ทาง KLINIQ ยังคง maintain เป้ารายได้ปี67 นี้ที่ 3,000 ลบ. โตราว +30% มาร์จิ้นยังคาดปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน(ซึ่งยังสูงกว่าประมาณการของเรา/รายได้ที่ 2,906 ลบ.) ส่วนเป้าขยายสาขาใหม่ในช่วงที่เหลือของปี67 อยูที่ 9 สาขาจะเป็น THE KLINIQUE 1 สาขา/ไตรมาส และ A.B.X 2 สาขา/ไตรมาส ด้าน SSSG ของต้น 2Q67 +16%YoY ปัจจุบัน เรายังมองบวกต่อ KLINIQ แม้ว่า 1Q67 จะสะดุดบ้าง QoQ แต่เราคาด 2Q67 มีโอกาสที่จะเห็นการกลับมาเติบโตดีอีกครั้งหลังสาขาที่เปิดใหม่ 10 สาขาใน 1Q67 สามารถ contribute รายได้มาเต็มไตรมาส โดยเรายังคงคาดกำไรสุทธิ ปี67 และ ปี68 ที่ระดับ  352  ลบ.( +22.06%YoY) และ 445 ลบ.(+26.32%YoY)

 

Daily Key Factors

Oil Update(-) WTI มิ.ย. -$1.09อยู่ที่ $77.57/บาร์เรล Brent ก.ค. -$0.98อยู่ที่ $81.90/บาร์เรลความไม่แน่นอนในการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดสูงขึ้นหลังรายงานประชุมของเฟดยังเป็นไปในโทนที่กังวลกับประเด็นเงินเฟ้อ ส่วนปัจจัยที่ยังต้องติดตาม คือ การประชุม OPEC 1มิ.ย.67 นี้

 

Gold Update(-) Comex Gold มิ.ย. -33อยู่ที่ $2,392.90 /ออนซ์ปรับลงความไม่แน่นอนในการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดสูงขึ้นหลังรายงานประชุมของเฟดยังเป็นไปในโทนที่กังวลกับประเด็นเงินเฟ้อ

 

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIPวันอังคารที่ผ่านมาขายสุทธิ-154.03ล้านดอลลาร์สหรัฐ   ขายหุ้นไทย -86.64 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -66.18ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -1.12ล.ดอลลาร์สหรัฐ

 

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนตัวอยู่ที่ 36.48 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.4316 %

(-) ดัชนี BDI วานนี้ +25จุด อยู่ที่ 1,804

(+) BitCoinเช้านี้+0.32% อยู่ที่ 69,331ดอลลาร์สหรัฐ

 

 

Economic Calendar

 

ในประเทศ

20 พ.ค.     สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 1/67

31 พ.ค.     ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

สัปดาห์ที4  ส.อ.ท. แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์

กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ,การค้าชายแดน

และการค้าผ่านแดน

สัปดาห์ที5  สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม 

                สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,ดัชนี

ความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค

 

ต่างประเทศ

20 พ.ค.     US คำกล่าวของนายพาวเวลล์ (Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ     

22 พ.ค.     US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (เม.ย.)

                US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

23 พ.ค.     US รายงานการประชุมของ FOMC

                US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

                US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ( พ.ค.) 

                US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ ( พ.ค.) 

                US ยอดขายบ้านใหม่ (เม.ย.)

 

Theme Strategy

Theme หุ้นเด่นปี 2567 รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ ด้านส่งออกมีโอกาสกลับมาขยายตัว ท่องเที่ยวฟื้นตามจำนวนนักท่องเที่ยว คาดหวัง Flow ไหลกลับหลังธนาคารกลางหลักมีโอกาสเริ่มปรับลดดอกเบี้ย 

(1) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CPN*, CRC, ICHI*, NSL* 

(2) กลุ่มส่งออก ได้ประโยชน์จากตัวเลขส่งออกที่คาดฟื้นตัว AAI*, ITC*, TU, COCOCO*, PLUS*, OSP*, SAPPE*, KCE* 

(3) กลุ่มท่องเที่ยว ได้ประโยชน์จากมาตรการ Free Visa AOT*, CENTEL*, ERW*, SPA*, SISB*, WPH* 

(4) กลุ่ม Leasing ได้ประโยชน์จากการยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น MTC*, TIDLOR* 

(5) กลุ่มโรงไฟฟ้า ได้ประโยชน์จากต้นทุนก๊าซฯ ลดลง BGRIM*, GPSC* 

(6) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม/ EV ได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิต สงครามการค้า AMATA, WHA

 

 

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

 

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 10%

 

Today Fundamental Research: -

 

 

Monthly Portfolio May 2024: GFPT*, SAPPE*, OSP*, ITC*, ICHI*, CPALL

 

 

 

 

 

 

 

Analysts

Apichai Raomanachai  

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No.  002939

Tel  02-829-6999  Ext  2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew     

Fundamental Analysis ID No.  043964

Tel  02-829-6999  Ext  2203

Email : noppoen.ch@kfsec.co.th

Nattawat Poosunthornsri  

Fundamental Analysis ID No.  087077

Tel  02-829-6999  Ext  2204

Email : nattawat.po@kfsec.co.th

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

จำกัด By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าวันนี้ ตลอดชั่วโมงซื้อขาย หุ้นขึ้นลง จำกัด บ่ายวันนี้ คงมีสภาพไม่แตกต่างจากเช้า...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้