Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

192

 


"Selective Play"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways" ต้าน 1376/1380 จุด รับ 1365/1361 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัว 2 วันที่ผ่านมา ตาม US Bond Yield อายุ 10 ปี แกว่ง 4.4-4.46% รายงาน Fed Minute ไม่มีแรงกดดันใหม่ รวมๆ ยังกังวลต่อทิศทางเงินเฟ้อ แต่เริ่มให้ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอลง ผสานคลังน้ำมันดิบสัปดาห์ล่าสุดสูงกว่าคาด (สูงกว่าคาด 6 จาก 8 สัปดาห์ล่าสุด) ถ่วงราคาน้ำมันดิบลงต่อเนื่อง ทำให้ราคาน้ำมันเฉลี่ย พ.ค. 24 (MTD) -5.4%m-m น่าจะทำให้ตลาดคาดหวังเงินเฟ้อระยะถัดไป มีทิศทางชะลอลง ส่วนปัจจัยลบ ล่าสุด มีการออกมาตรการกีดกันการค้ายุโรปต่อสินค้า EV จีน และการตอบโต้จีนต่อยุโรป ปัจจัยดังกล่าวทั้งหมด เป็นจิตวิทยาลบต่อกลุ่มพลังงานและชิ้นส่วนฯ ในระยะสั้น ขณะที่วันนี้ภายในการเมืองถ่วงตลาด รอศาลพิจารณาคุณสมบัติคุณเศรษฐา แต่ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจไทยยังบ่งชี้ภาพฟื้นตัวหนุน อาทิ นักท่องเที่ยวต่างชาติ พ.ค. 24 สูง 95% ของ Pre Covid vs 4M24 ที่ 86.6% การบริโภค Farm Income บวก y-y สูงสุดในรอบ 2 เดือน มองกลุ่มประคองดัชนี 1) อิงเศรษฐกิจ/กำลังซื้อภายใน 2) ได้ประโยชน์น้ำมันปรับลง และ 3) กลุ่มนิคม วันนี้แนะนำ BBL, CPALL, MINT


Daily outlook: "Sideways" ต้าน 1376/1380 จุด รับ 1365/1361 จุด

What happened around the world ?

• (*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐแนวโน้มยังเป็นขาขึ้น เมื่อคืนปิดลบเล็กน้อย Dow jones -0.51%d-d, S&P500 -0.27%, Nasdaq -0.18%โดย Sector ใน S&P500 กลุ่มที่ปรับขึ้น Outperform มีเพียงกลุ่ม Health care , Industrials ,IT ฯลฯ กลุ่มที่ลงหลักๆคือ Financials, Energy ลงตามราคาน้ำมันดิบ, Utilities ฯลฯ หุ้นที่ปรับขึ้นเด่น คือ QCOM +1%, AMD +0.5% TESLA -3.48%, Exxon -2%, Chevron -1.5% ฯลฯ

• (*/-) Trade war : สหภาพยุโรป(EU)เตรียมประกาศตั้งกำแพงภาษีกลุ่มสินค้า EV จากจีน (มองเป็นประเด็นที่เคยเและเป็นกระแสช่วงก่อนหน้าหลังจากสหรัฐนำร่องไปก่อน) และมีกระแสข่าวจีนเตรียมตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าในกลุ่มรถยนต์ขนาดใหญ่จากยุโรปและสหรัฐเป็น 25% จาก 15% KSS ประเมินเป็นจิตวิทยทกระทบลบกระทบหุ้น KCE ที่มีฐานลูกค้าในกลุ่ม Auto ในยุโรปและสหรัฐ แต่เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นนิคม เน้น WHA

•(*/-) Fed Waller ให้สัมภาษณ์โทน Sligthly Hawkish คือ อัตราดอกเบี้ยนโยบายจําเป็นต้องคงที่จนกว่าแรงกดดันราคา(เงินเฟ้อ)จะลดลงจากปัจจุบันและในกรณีที่ไม่มีความอ่อนแออย่างมีนัยสําคัญในตลาดแรงงาน คุณ Waller มองจะต้องเห็นข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่ดีอีกหลายเดือนก่อนที่จะสบายใจที่จะสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยรวม KSS ประเมินสอดคล้องกับความเห็นของคณะกรรมการ Fed หลายๆ ท่านก่อนหน้า ซึ่งตลาดรับรู้ไปแล้ว

•(*/-) Fed Minute โทนออกมาในทิศทางเป็น Hawkish คณะกรรมการส่วนใหญ่หนุน Fed คงดอกเบี้ยที่ระดับสูงจนกว่าเงินเฟ้อจะลดลงสู่ระดับเป้าหมาย KSS ประเมินตลาดรับรู้ไปในราคาในช่วงก่อนหน้าแล้ว

•(*/+) US Earning Result: NVIDIA รายงานงบ 1Q24 ดีเกินคาดทั้งรายได้และกำไรสุทธิ ขณะที่ Guidance โทนเป็นบวกคาดการณ์รายได้ใน 2Q24 สูงกว่าที่ Consensus คาด หนุนราคาหุ้นหลังตลาดปิด (After hours +6%d-d ) KSS ประเป็นเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มอิเล็กฯ DELTA , HANA

(*/+) EU Econ: ประธาน ECB Christine Lagarde ให้สัมภาษณ์ล่าสุด ส่งสัญญาณจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%ในการประชุม 6 มิ.ย.นี้ KSS ประเมินภาพข องนโยบายการเงินที่จะเริ่มผ่อนคลายผสานกับ Event สำคัญทั้ง บอลยูโรที่เยอรมนี และโอลิมปิคที่ฝรั่งเศส ประเมินศทางเศรษฐกิจยุโรปที่เป็นทิศทางขาขึ้น มองบวกหุ้นทีมีรายได้ในยุโรป อาทิ(70%ของรายได้รวม), MINT(50%) SHR(40%), IVL (22%) CRC(6%) เน้นลงทุน MINT, IVL

•(*/+) UK : 1.) เงินเฟ้ออังกฤษ เดือน เม.ย. +2.3%y-y ลดลง 3 เดือนติดและต่ำสุดตั้งแต่ เม.ย.21 ส่วน Core CPI +3.9%y-y ต่ำสุดตั้งแต่ ธ.ค.21 หลักๆมาจากการหดตัวลงของหมวดสินค้า แต่ Services ชะลอตัวเล็กน้อยลดลงเกือบทุก Component หลักๆมาจากหมวดบ้าน และราคาก๊าซและค่าไฟที่ลดลง ฯลฯ โดยรวมมองบวกหนุน BOE เดินหน้าลดดอกเบี้ยในช่วง 2H24 เป็นต้นไป 2.)นายกฯอังกฤษนายริชี ซูนัคประกาศยุบสภา จัดการเลือกตั้งใหม่วันที่ 4 ก.ค. ประเมินสร้างความผันผวนระยะสั้นต่อค่าเงินปอนด์ ในโทนอ่อนค่า (มีสัดส่วนราว 11%ในตะกร้าเงิน Dollar ) หนุนค่า Dollar แนวโน้มแข็งค่า

• (*) US Bond & Dollar : Bond yields แนวโน้มสั้นเร่งขึ้นตามความเห็นของคณะกรรมการ Fed และ Fed Minutes โดยอายุ 10 ปี ปรับขึ้น +1 bps อยู่ที่ 4.43% เช่นเดียวกับ 2 ปี ปรับขึ้น +4bps อยู่ที่ 4.87% ขณะที่ Dollar Index แกว่งตัวแข็งค่า 104.8+/- จุด

• (*/-)Oil : น้ำมันดิบ Brent -1.18%DoD ปิดที่ US$ 81.9/barrel แรงกดดันจากข่าวบริษัท Shell ให้ข่าวจะกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตช่วงปลายปี 2024 ฯลฯ มองเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานไทย PTT, PTTEP วันนี้ แต่ในทางตรงข้ามบวกต่อหุ้นที่มีต้นทุนน้ำมัน อาทิ กลุ่มสายการบิน AAV, BA ฯลฯ

 

What happened in Thailand ?

• (*/-) SET: ตลาดหุ้นวันอังคาร ปรับตัวลดลง -7.87 จุด หรือราว -0.57% ปิดบริเวณ 1370.83 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มขนส่ง (AOT) รีบาวน์เร็ว หลังถูกขายทำกำไรแรงตามกลุ่มท่องเที่ยวานนี้ ประเมินมาจากจุดแข็งความผันผวนช่วงนอกฤดูกาลต่ำกว่ากลุ่ม กลุ่มอาหาร (CPF, BTG, STGT) แนวโน้มกำไร 2Q24F เป็นบวก ราคาไก่ หมูสูงกว่าต้นทุนการเลี้ยง กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, TOP, GULF, GPSC) กลุ่มน้ำมันตามราคาน้ำมัน กลุ่มโรงกลั่น ทรุดตามค่าการกลั่นสิงคโปร์ -29%w-w, -44%m-m กลุ่มโรงไฟฟ้า ตอบรับราคาก๊าซที่ปรับตัวขี้นสูงสุดในรอบ 5เดือน กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA)

• (*/-) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลออก ขายหุ้น -86.8 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร +16.5ล้านเหรียญฯ TFEX เปิดสถานะ Net Short -22,068 สัญญา เงินบาทอ่อนค่า 36.5 +/- บาท

• (*/+) TH Tourism : นักท่องเที่ยวต่างชาติสัปดาห์ที่ 20 ปี 2024 (13-19 พ.ค.) อยู่ที่ 5.7 แสนคน +0.5%w-w หนุนนักท่องเที่ยว พ.ค. MTD (19 พ.ค.) อยู่ที่ 1.6 ล้านคน เฉลี่ยวันละ 8.4 หมื่นคน อยู่ในเกณฑ์ดี คิดเป็น 96% ของช่วง Pre-COVID (ค่าเฉลี่ยรายวัน พ.ค. 19) แม้โดยรวมเป็นภาพอ่อนลงตามฤดูกาล แต่โมเมนตัม y-y ยังอยู่ในเกณฑ์ดี อิงยอดนักท่องเที่ยว 4M23 ที่มีสัดส่วนราว 86% ของ Pre- COVID เชิงกลยุทธ์ คงมุมมอง หากหุ้นท่องเที่ยวอ่อนตัวลงยังตั้งรับได้ เน้น AOT ที่ผันผวนจากช่วงนอกฤดูกาลน้อยสุด MINT ที่ช่วง 2Q24-3Q24 จะเด่นสุดในกลุ่มโรงแรมจากการเข้าสู่ฤดูกาลฝั่งยุโรป (50% ของรายได้)

• (*/+) Purchasing Power : สัญญาณชี้นำกำลังซื้อในประเทศยังเป็นบวก 1) สำนักเศรษฐกิจการเกษตรรายงานรายได้เกษตรกรบวกติดต่อกัน 2 เดือนล่าสุด เม.ย. +2.9%y-y (ดัชนีราคา +14.2% YoY แต่ดัชนีผลผลิต -9.9%y-y) สูงกว่าค่าเฉลี่ย 1Q24 +0.27% 2) จำนวนผู้ประกันตน ตามมาตรา 33 (ผู้ที่ทำงานประจำ) เม.ย. 24 อยู่ที่ 11.9 ล้านคน +0.2%m-m, +2.1%y-y เป็นระดับสูงสุดตั้งแต่มีการเก็บสถิติ ผสาน รัฐบาลเร่งผลักดันนโยบาย Digital Wallet ปลายปี มองหุ้นค้าปลีกที่พักตัวลงมามีโอกาสฟื้นตัวเด่นระยะถัดไป เน้น CPALL, DOHOME, BJC

• (*/+) Cabinet: มติ ครม. ที่สำคัญวันอังคารที่ผ่านมา ได้แก่ การเดินหน้ามาตรการ Digital Wallet และเห็นชอบหลักการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2024 โดย วงเงินจะเท่าไหร่จะมีการหารืออีกครั้งและในเร็วๆนี้ จะหารือในคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลัง เห็นชอบและจะนำเสนอให้ ครม.เห็นชอบอีกครั้งในวันที่ 28 พ.ค.2024 นอกจากนี้ รัฐบาลเน้นย้ำโอกาสในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ก่อนที่ผลบวกนโยบาย Digital Wallet จะเข้ามาปลายปี มองบวกต่อหุ้นค้าปลีก เน้น CPALL, DOHOME

• (*/-) Gov Equity Holding to Review : รมช. คลัง ได้มอบหมายให้ สคร. ทบทวนหลักทรัพย์ของรัฐฯที่กระทรวงการคลังถือครอง โดยควรแยกเป็นกลุ่มๆ หุ้นที่มีศักยภาพ หุ้นที่ภาครัฐฯต้องมีนโยบายถือครอง และหุ้นที่ไม่มีความจำเป็นต้องถือครอง ในกลุ่มสุดท้ายมองเป็นส่วนที่ควรต้องเร่งจำหน่ายออก มองอาจสร้างจิตวิทยาลบต่อ SET จากความเสี่ยงที่นักลงทุนพิจารณาลดน้ำหนักในกลุ่มหุ้นที่รัฐฯถือครองสัดส่วนหลักๆ อาทิ BCP, OR, DMT, TFFIF, TTB (รวมกัน 89% ของมูลค่า 109 หลักทรัพย์ที่รัฐฯถือครอง) กลยุทธ์ระยะสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มเหล่านี้ไปก่อน

• (*) To monitor: วันนี้ ติดตาม กรณีศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติว่าจะรับคำร้องตรวจสอบคุณสมบัติ นายกฯ และ รัฐมนตรี ของ เศรษฐา ทวีสิน และ พิชิต ชื่นบาน ไว้เพื่อวินิจฉัยหรือไม่ โดยล่าสุดนายพิชิตฯ ประกาศลาออกจากตำแหน่งแล้ว หากอิงกรณีที่เคยเกิดขึ้นในอดีต คือ มีการลาออกก่อนการพิจารณารับ/ไม่รับฟ้องของศาล พบว่า ศาลไม่รับฟ้องทั้งหมด แต่ในกรณีปัจจุบัน ยังต้องติดตามศาลพิจารณาครอบคลุมไปถึงส่วนคุณเศรษฐาด้วยหรือไม่ หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้วินิจฉัย และสั่งให้ เศรษฐา ทวีสิน หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ? หากอิงเหตุการณ์ในอดีตกรณีล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ฯ ถูกศาลตัดสินให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ช่วงก่อนที่จะมีคำตัดสิน พบว่า รองนายกรัฐมนตรีจะขึ้นมาปฎิบัติหน้าที่แทน ทำให้ไม่น่าจะมีประเด็นในส่วนความต่อเนื่องการทำงาน ส่วนผลวินิจฉัยคาดศาลใช้เวลาใกล้เคียงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ฯ คือราว 1-2 เดือน

 

Daily Strategy : BBL, CPALL, MINT เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways" แม้มีแรงกดดันภาพลบต่อ 2 กลุ่มหลักใน SET คือ กลุ่มน้ำมัน (ราคาน้ำมันปรับลง 3 วันติด จากท่าที Fed ยังค่อนข้าง Hawkish + คลังน้ำมันดิบสูงกว่าคาด) กลุ่มชิ้นส่วนฯ (เป็นภาพลบการกีดกันทางการค้าระหว่างยุโรป - จีน) ส่วนภายใน มีภาพบวกพัฒนาการท่องเที่ยว+บริโภคที่ดีขึ้นเป็นลำดับ มองเป็นกลุ่มช่วยประคอง SET วันนี้ กลุ่มเคลื่อนไหวนำตลาด มอง 1) กลุ่มอิงกำลังซื้อภายใน เน้น BBL (Loan Growth เดือนล่าสุดในกลุ่ม), CPALL 2) ได้ประโยชน์ราคาน้ำมันค่อยๆอ่อนลง เน้น SCGP, IVL 3) กลุ่มเข้าสู่ฤดูกาล เน้น MINT (ECB ยืนยันภาพปรับลดดอกเบี้ย มิ.ย. 24 หนุน MINT อีกด้านในฐานะหุ้นหนี้สูง) , IVL 4) กลุ่มนิคม เน้น WHA

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (IVL, HANA, SCGP, GLOBAL, DOHOME)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว ฤดูร้อน (CPALL, CPAXT, BJC, OSP, ICHI, ILM, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BE8, WARRIX, MTC)
กลุ่มที่คาดกำไร 1Q24F จะดี / กลุ่มที่รายงานแล้วคาดกำไรมีโมเมนตัมบวกต่อ (AOT, ADVANC, CPALL, CPAXT, ICHI, OSP, WHA, NEO, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, WHA)

• MAY24 Best Picks: ICHI, BJC, HANA, IVL, MINT, CPALL, OSP

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : Data Center

กระแสลงทุน Data Center ในไทยกำลังเร่งขึ้น อย่างเป็นรูปธรรม มีสัญญาณบ่งชี้จาก 1) WHA มีโอกาสสูงเซ็นสัญญาขายที่ดินขนาด 400-500 ไร่ให้กับผู้ประกอบการ Data Center ระดับโลกกลางปี 2024 นี้ 2) เริ่มผู้ประกอบการ Data Center ที่เคยลงทุนในประเทศไทยไปแล้วติดต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า วางแผนร่วมกันถึงกำลังผลิตไฟฟ้าที่ต้องการสำหรับแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติมระดับ 100+ MW
การลงทุนดังกล่าว เรามองบวกต่อการสร้าง S Curve ใหม่ๆต่อเศรษฐกิจไทยที่ชัดเจนขึ้น อิงขนาดที่ดินที่มีโอกาสขายขนาดใหญ่ WHA บ่งชี้ทิศทางผู้ประกอบการต่างชาติน่าจะมองไทยหนึ่งในศูนย์กลางData Center ของภูมิภาค
KSS ประเมินทิศทางจะเปิด Upside ของหุ้นกลุ่มต่างๆ ดังนี้ 1) กลุ่มนิคม จากโอกาสขายที่ดิน 2) กลุ่มโรงไฟฟ้า จากโอกาสต่อยอด Upside กำลังผลิตเพิ่มเติม โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น 3) กลุ่มผู้ให้บริการโทรคมนาคม ที่มักเป็นกลุ่มช่วยให้ผู้ประกอบการระดับโลกเช่าใช้ Data Center ที่มีเพื่ออำนวยความสะดวกธุรกิจช่วงเริ่มต้น + โอกาสเติบโตจากการผลักดันมีการใช้งานข้อมูลเพิ่มขึ้นระยะกลาง-ยาว 4) กลุ่มผู้รับเหมา ICT ที่มีศักยภาพสร้าง Data Center 5) กลุ่ม Digital Tech จากมุมมองเชิงบวกต่อภาพ Digital Transformation ระยะยาว เชิงกลยุทธ์หากประกอบภาพพื้นฐานหุ้นระยะสั้น ให้เน้น WHA(TP-6) GULF(TP-45.5) TRUE(TP-10.3) INSET(TP-3.2)
• Strategy Update : US – China Tariff

สหรัฐประกาศภาษีศุลกากรใหม่ (Tariff) กับประเทศจีนมูลค่าสินค้ารวม 1.8 หมื่นล้านเหรียญฯ หลักๆคือ 1.) หมวด Semiconductor, EV Car , Solar Cell ฯลฯ ประเมินผลกระทบจำกัดต่อเศรษฐกิจจีนและสหรัฐฯ เนื่องจากมูลค่าสินค้าที่จีนถูกสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าวงเงินราว 1.8 หมื่นล้านเหรียญฯ คิดเป็นเพียง 0.47%ของยอดนำเข้าทั้งหมดสหรัฐปี 2023 และคิดราว 6% ของยอดส่งออกทั้งหมดของจีนปี 2023 ทั้งนี้ มูลค่าสินค้าที่ถูกจัดเก็บภาษีใกล้เคียงเดิม แต่เป็นการเพิ่มอัตราภาษีสูงขึ้นจากเดิม
KSS ประเมินการส่งออกของจีนชะลอตัวในหมวดสินค้าที่ถูกเก็บภาษี คาดจะหนุนให้รัฐบาลหรือทางการจีนออกมาตรการหนุนให้ค่าเงินหยวนดอลลาร์อ่อนค่าในระยะถัดไปเพื่อชดเชยการส่งออกที่ลดลงไป ผลต่อหุ้นไทยประเมินจะกระทบหลักๆคือ สหรัฐขึ้นภาษีรถ EV กับจีนคาดจะกระทบต่อ 1.)กลุ่มยางพารา (STA, NER) กระทบจากความต้องการใช้ยางเพื่อผลิตรถ EV ในจีนลดลง 2.) กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ มองจิตวิทยาลบต่อ DELTA HANA, KCE กระทบจำกัดแม้จะมีโรงงานในจีนและส่งออกไปจีนแต่สัดส่วนสินค้า EV น้อย ในทางตรงข้ามบวกต่อกระแสการย้ายฐานการผลิตมายังประเทศที่ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งทางการค้าและไทย มองบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เน้น WHA (TP@5.4) ROJNA(TP@9.2)
• Strategy Update : Earnings 1Q24

เรามีมุมมองบวกต่อ SET หลังผลประกอบการโค้งสุดท้ายงวด 1Q24 ที่ทยอยออกมา ค่อนข้างดี และสะท้อนให้เห็นจุดเริ่มต้นของฐานกำไรฟื้นตัว พร้อมภาพเศรษฐกิจที่มี Momentum เชิงบวก ผสาน SET Valuation อยู่ใน Zone พื้นฐาน น่าจะหนุน SET ค่อยๆ ฟื้นตัวต่อเนื่อง

• สัดส่วนบริษัทที่รายงานกำไร 1Q24 ดีกว่าคาด เป็นสัดส่วนสูงที่สุดนับตั้งแต่งวด 2Q21 หรือดีที่สุดในรอบ 11 ไตรมาส

• สัดส่วนหุ้นที่ผลประกอบการณ์ต่ำคาดมีสัดส่วนต่ำที่สุดนับตั้งแต่ 1Q19

• ภาพดังกล่าวสะท้อนแนวโน้มการฟื้นตัวของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทยกำลังเจอฐานของการฟื้นตัว สอดคล้องกับแนวโน้มการคาดการณ์เติบโตของเศรษฐกิจที่จะเติบโตแบบขั้นบันไดนับจากนี้ไป โดย Krungsri Research คาด GDP 2024 +2.7%(ไม่รวม Digital Wallet) จากปีก่อน 1.9% โดยคาด GDP รายไตรมาสของปีไว้ที่ 0.5%, 2%, 3.2%, 5% ตามลำดับ

• EPS ตลาดปี 2024F เริ่มสร้างฐานที่ 92-93.5บาทได้ คิดเป็น PER24F 14.9X(ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 17.3x) คิดเป็นระดับ Equity Risk Premium(ERP) Forward 2024F 3.96% (Current ERP 3.4% > Avg 3.06%)

กลยุทธ์ : คาดตลาดมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องสู่กรอบเป้าหมายปลายปี 2024 ที่ระดับ 1520-1600 จุด แนะนำ หุ้น Theme เด่น ดังนี้

Earnings Play ระยะสั้น : แนะนำลงทุนในหุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการ 1Q24 ดีและยังไม่ประกาศ อาทิ AOT BDMS OSP

Earnings Play ระยะกลาง : กลุ่มที่รายงานงวด 1Q24 ดีและมีโมเมนตัมเชิงบวกต่อในไตรมาสถัดไป อาทิ CPALL IVL ICHI TRUE หรือกลุ่มที่ 1Q24 เป็นภาพ Bottom Out อาทิ TU GFPT CKP INSET MINT DOHOME

2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, SCGP, TU, OSP

• Strategy Update : MSCI Rebalance

หุ้นเข้าออกในการคำนวณดัชนี ปรับน้ำหนักดัชนีวันที่ 31 พ.ค.

MSCI Global Standard หุ้นเข้า - ไม่มี

หุ้นออก – LH( - 200 ล้านเหรียญฯ), BTS(- 175 ล้านเหรียญฯ), MTC(- 100 ล้านเหรียญฯ)

MSCI Global Small Cap

หุ้นเข้า : BTS, JTS, LH, MTC หุ้นออก : BLAND, DITTO, FORTH, KSL, MAJOR, PSL, RS, SGP, SPCG, WHAUP

 

• Strategy Update : SET50/100 2H24 Second update

ตลาดหลักทรัพย์ปรับเกณฑ์คัดเลือกหุ้นเข้า SET50/SET100 เริ่มใช้จริงรอบ 2H24 หนุนให้ BJC เป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์ และกลับเข้ามาในดัชนี SET50/SET100 อีกครั้ง

 

วันนี้ตลาดหลักทรัพย์อัพเดทสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นการปรับเกณฑ์สภาพคล่องในการคัดเลือกหุ้นเข้า SET50/100 และจะเริ่มใช้จริงรอบ 2H24 เราคาดเป็นตัวหนุนหุ้น BJC กลับเข้ามาอยู่ในดัชนี SET50/SET100 อีกครั้ง

 

โดยสำหรับคาดการณ์หุ้น SET50/SET100 ล่าสุดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN

กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดย เราชอบ BJC, BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA, CKP

 


• STEC (Unrated): We have positive view on analyst meeting. Earnings is likely to bottom out in 1Q24. While 2Q24 earnings is likely to improve qoq due to i) expected sustained high gross margin thanks to more revenue recognition from energy projects ii) dividend from GULF. While new company would list by 3Q24 and finalized transaction by YE24 with diversified into new business (data center, power plants) and capability to invest on start up business. STEC focus on private projects while there would be only few projects to advance into TOR & bidding phase in 2H24. Currently Bloomberg consensus puts estimate Bt10.5 with 8 HOLD/6 BUY/1 SELL

• WARRIX (Buy ,TP7.3): เรามีมุมมอง Slightly Positive จากประชุมนักวิเคราะห์ โดยรวมยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2024F คาด +25% ภายใต้แผนเจาะกลุ่มสินค้าใหม่ในกลุ่ม Lifestyle , การเปิด Shop เพิ่มเติม, การเติบโตในช่องทางออนไลน์ ฯลฯ โดยรวมเป็น Strategic move ที่น่าสนใจ มองโมเมนตัม 2Q24F ยังเติบโต y-y, q-q ในกรอบ 20-30% ได้ และแนวโน้ม SG&A ใน 1Q24 ที่สูง surprise ตลาด จะค่อยๆ ปรับตัวลงเล็กน้อย คงคำแนะนำ "Buy" ที่ TP 24F 7.3 บาท อิง PER24F 25 เท่า จากแนวโน้มอุตสาหกรรมขาขึ้น และแผนระยะกลางยาวเชิงรุกสุดในกลุ่ม

 

2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, MINT, MTC, SCGP, TU

Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

จำกัด By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เช้าวันนี้ ตลอดชั่วโมงซื้อขาย หุ้นขึ้นลง จำกัด บ่ายวันนี้ คงมีสภาพไม่แตกต่างจากเช้า...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้