AT THE OPEN (#ATO)
SET Index รีบาวน์
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ

Market Strategy
SET Index คาดรีบาวน์ตามกรอบ 1365-1380 จุด การรายงานตัวเลข Initial Jobless Claim เพิ่มขึ้น 2.31 แสนตำแหน่ง มากที่สุดนับจาก ส.ค. 66 และมากกว่าตลาดคาด 2.15 แสนตำแหน่ง สะท้อนถึงภาคแรงงานที่เริ่มชะลอความร้อนแรงลง ขณะที่อีกด้านหนึ่งช่วยลดแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ ทำให้ตลาดกลับมามั่นใจมากขึ้นว่า FED จะลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน ก.ย. ด้วยโอกาส 49% เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน ที่ 45% หนุนตลาดสหรัฐฯ วานนี้ปรับขึ้นในช่วง 0.3% ถึง 0.85% Dollar Index อ่อนค่า -0.3% ซึ่งจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นภูมิภาคในวันนี้

การรายงานยอดส่งออก/นำเข้าจีนเดือน เม.ย. ขยายตัว 1.5%YoY/8.4%YoY ดีกว่าตลาดคาด 1.3%YoY/4.7%YoY และดีกว่าเดือนก่อนที่หดตัว -7.5%YoY/-1.9%YoY ประเมินการฟื้นตัวข้างต้น โดยเฉพาะตัวเลขยอดนำเข้า จะเป็นปัจจัยชี้นำเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของภาคส่งออกบ้านเราเดือน เม.ย. ต่อไป
ปัจจัยในประเทศการรายงานผลประกอบการ 1Q67 อิงเฉพาะหุ้นที่ Bloomberg มีคาดการณ์พบว่ามีบริษัทรายงานแล้วคิดเป็น 43.7% ของ Market Cap พบทำกำไรสุทธิรวม 1.44 แสนล้านบาท อยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าตลาดคาด 4.34% จึงยังไม่เปิดความเสี่ยงต่อการปรับลดประมาณการ กลยุทธ์การลงทุนเลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยวันนี้เลือก MINT และ BJC เป็น Top Pick

Market Summary
SET Index ติดลบ 4 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 3.97 หมื่นล้านบาท กดดันหลักมาจากแรงขายทำกำไรกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ DELTA -2.39% กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF -0.6% GPSC -1% BGRIM -0.9% หลังจากปรับขึ้นก่อนหน้าจากความ U.S. Bond Yield ปรับลง ส่วนกลุ่มที่กลุ่มเด่นวานนี้กลุ่มประกัน นำโดย BLA +15% หลังงบ 1Q67 ดีกว่าตลาดคาดและ TLI หุ้นเด่นของเราวานนี้ +4%

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ MINT BJC

BJC เทพ Index Play รอบ 2H67
การรายงานงบ 1Q67E คาดชะลอตัว 13% YoY, 33%QoQ กดดันจากดอกเบี้ยจ่ายเพิ่ม และEffective tax rate เพิ่มเป็น 20% จาก 1Q66 ที่ 8.2% เพราะมี tax credit จาก loss carry forward แม้ยอดขายและ GPM โต YoY จากธุรกิจ packaging และ BIGC ทำให้ EBIT ยังโต double digit YoY ก็ตาม แต่เชื่อว่าปัจจัยนี้สะท้อนไปในราคาหุ้นแล้ว
ขณะที่ประเด็นที่สร้างแรงขับเคลื่อนราคาหุ้นได้มากกว่าคือ เรื่อง Index Play ที่ ตลท. ปรับเกณฑ์คัดเลือกเข้าคำนวณ SET50/SET100 ที่จะมีผลใน 2H67 ทำให้ BJC มีโอกาสสูงที่จะได้รับเลือกเข้าคำนวณทั้ง SET50 และ SET100 รวมถึงดัชนี SETESG อีกด้วย ซึ่งจะเป็นจุดดึงดูดเม็ดเงินใหม่ๆเข้ามาสร้างแรงส่งต่อราคาหุ้นต่อไป
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 35.00 บาท

MINT มองข้ามไป High Season ของยุโรป
เราประเมินผลขาดทุนจากการดำเนินงาน 1Q67E ที่ 136 ล้านบาท จากโลว์ซีซั่นของยุโรป แต่ถือว่าขาดทุนชะลอลงเมื่อเทียบ 1Q66 ซึ่งเชื่อว่าส่วนหนึ่ง Price In ไปในราคาหุ้นแล้ว
ประเมินโมเมนตัมการเติบโตของกำไรรายไตรมาสของ MINT ในช่วง 2Q67-3Q67 จะเร่งตัวขึ้นจาก RevPAR ที่สูงขึ้นในช่วงไฮซีซั่น และมีมหกรรมกีฬาและคอนเสิร์ตใหญ่หลายรายการในยุโรป
นอกจากนี้ เราเห็นอัพไซด์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในยุโรปในช่วง 2H67 เนื่องจากหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายในสกุลเงิน EUR ของ MINT คิดเป็น 64% ของหนี้สินรวม ณ 4Q66 ขณะที่ Valuation ยังคงน่าสนใจ โดยเทรดที่ PE67E 23 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 26 เท่า
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 36.00 บาท

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบ ปิด -0.29% เป็นไปตามทิศทางตลาดอาเซียนที่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง แกว่งในช่วง -1.75% ถึง +0.04% ให้น้ำหนักปัจจัยเฉพาะตัวในช่วงการรายงานงบฯ 1Q67 ในขณะเดียวกันการรายงานตัวเลขการค้าระหว่างประเทศจีน เดือน เม.ย. ที่ภาพรวมออกมาดีกว่าคาด 1) ส่งออก+1.5% YoY (Consensus คาด +1.3% YoY) 2) นำเข้า +8.4% YoY (Consensus คาด +4.7% YoY) ถือเป็น sentiment บวกต่อภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทย สร้างความคาดหวังต่อการส่งออกไทยเดือน เม.ย. ให้มีลุ้นกลับมาฟื้นตัวเช่นกัน
ในขณะที่ปัจจัยอื่นๆ วันนี้ BOE คงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25% ตามที่ Consensus คาดการณ์ แต่อย่างไรก็ตามหากพิจารณาเสียงโหวตด้วยมติ 7:2 สะท้อนมุมมองที่เริ่มให้น้ำหนักเชิงผ่อนคลายมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดคาดหวังการเข้าสู่วงจรดอกเบี้ยขาลงในช่วงเดือน มิ.ย. (ช่วงเวลาเดียวกันกับ ECB)

Eyes on
10 พ.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.มิชิแกน

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ