Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

142

 

"Selective Play"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1376/1380 รับ 1362/1357 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น ตอบรับยอดผู้รับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก +10%w-w สู่ 2.3 แสนตำแหน่ง สูงสุดในรอบ 8 เดือน บ่งชี้ภาคแรงงานอ่อนลง ทำให้ตลาดเชื่อมั่นขึ้นต่อโอกาสเห็น Fed จะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยในปี 2024 ผลสำรวจ CME ล่าสุดคาดปรับลด 2-3 ครั้ง และภาพเศรษฐกิจ Soft Landing ถ่วง US Bond Yield 10 ปี แกว่งลงอีก -5 bps สู่ 4.46% บวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง Asia ระยะกลางที่มีภาพบวกทั้งเศรษฐกิจจีนที่เร่งขึ้น จากสัญญาณยอดนำเข้า ส่งออก เม.ย.ดีกว่าตลาคคาด คาดช่วยคลายความกังวลภาคส่งออกไทยระยะถัดไปได้ อย่างไรก็ดี ระยะสั้นตลาดจะให้น้ำหนักการรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน เม.ย. 24 ในวันที่ 15 พค นี้(ตลาดคาด Core CPI +0.3m-m) รวมถึงรายงาน GDP งวด 1Q24 ไทย 20 พ.ค. ที่ค่อยๆ ฟื้นตัว(ตลาดคาด +1.4%) หุ้นนำ คือ กลุ่มเด่นรับ Yield ลง, ภาคบริการ+กำลังซื้อในประเทศ (Upside เพิ่มกรณีซาอุฯเพิ่มไทยปลายทางส่งผู้ป่วย+เม็ดเงินเปิดเทอมคึกคักสูงสุดใน 15ปี) หุ้นได้ประโยชน์การใช้ SET50/100 เกณฑ์ใหม่ แนะนำ BH, BJC, ICHI

 

Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1376/1380 จุด รับ 1362/1357 จุด

What happened around the world ?

• (*/+) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวเล็กน้อยหนุนจากตัวเลขแรงงานสหรัฐชะลอ Dow jones +0.85%, S&P500 +0.51%, Nasdaq +0.27% Sector ที่ปรับขึ้นและนำตลาดหลักๆคือ กลุ่ม Real estate, Utitilies, Energy, Materials ฯลฯ

• (*/+) US Econ : ยอดผู้รับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก สัปดาห์ล่าสุด เพิ่มขึ้น + 2.31 แสนรายมากกว่าตลาดคาด 2.12 แสนราย ยังสะท้อนภาพภาคแรงงานประคองในลักษณะSoft Landing ได้ (ความเสี่ยง Hard Landing จะเกิดขึ้นผู้ขอรับสวัสดิการเฉลี่ยจะสูงกว่าระดับ 4.0 แสนราย)

• (*/-) Fed Speak : เช้ามืดวันนี้ Fed คุณ Daly สาขา San Francisco (Voter) ให้ความเห็นเชิง hawkish คือ ประเมิน Fed ยังคงนโยบายเข้มงวด และจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการควบคุมเงินเฟ้อให้ลดลงตามเป้าหมาย (ปัจจุบัน 2%+-)

• (*/+) China : ตัวเลขการค้าจีน เดือน เม.ย. 24 ออกมาแกร่ง ทั้งยอดส่งออกจีน พลิกจากติดลบกลับมาบวก +1.5%y-y และดีกว่าคาด เช่นเดียวกับยอดนำเข้า พลิกบวก 8.4% ดีกว่าคาดที่ +5.4%y-y ผสานกับมีปัจจัยบวกจากทางการจีนยังผ่อนคลาย Property ต่อเนื่องล่าสุดเมืองหางโจว ประกาศยกเลิกมาตรการควบคุมการซื้อบ้านทั้งหมด KSS ประเมิน 1.) ยอดนำเข้าจีนที่เร่งขึ้น (โครงสร้างการนำเข้าของจีนหลักๆ คือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ 15%ของยอดนำเข้า รองลงมาคือ น้ำมัน 13.5%, เครื่องจักร 5%, ปิโตร 3.5%) มองเป็นบวกต่อการค้าของเศรษฐกิจไทย 2Q24 เพราะจีนเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทยราว 12% ของตลาดส่งออกรวม รองจากสหรัฐ โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อ SET Index 2.)มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจอิงจีน อาทิ เก็งกำไร กลุ่มเรือและระยะกลาง กลุ่มปิโตรเคมี IVL, SCGP, DOHOME

• (*) BOE Meeting: ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติ 7 ต่อ2 เคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 5.25% ถือว่า Inline ตลาดคาด แต่ key สำคัญคือ มติ 2 เสียงมองว่าให้ลดอัตราดอกเบี้ย โดยตลาดเริ่มคาดจะเห็นการลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบถัดไป มิ.ย.24 หนุนเงินปอนด์มีแนวโน้มอ่อนค่าระยะถัดไป หนุนแนวโน้ม Dollar แข็งค่า

• (*) US Bond & Dollar : แนวโน้มระยะสั้นเป็นขาลงหนุนจาก 1.) ยอดผู้รับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ล่าสุดเร่งขึ้น 2.) ความต้องการซื้อพันธบัตรในตลาดแรก (Bond auction)เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ พันธบัตรอายุ 30 ปี มูลค่า 25 พันล้าน$ มีความต้องการซื้อเพิ่ม โดยอัตราส่วน Bid-to-cover ซึ่งเป็นตัวDemand เพิ่มขึ้นมที่ 2.41 สูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยรวมหนุน Bond yields อายุ 10 ปี พลิกปรับลง-5 bps อยู่ที่ 4.46% (ต่ำสุดตั้งแต่ 4 เม.ย.24) เช่นเดียวกับอายุ 2 ปีปรับลง -3 bpsอยู่ที่ 4.81% มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มการเงิน ขณะที่ Dollar Index แนวโน้มอ่อนค่าลงมา 105.0+/- จุด KSS ประเมินแนวโน้มยังมีทิศทางอ่อนค่า มองโซนแนวต้านสำคัญ 105.4 จุด

(*) To monitors : วันนี้ 1.)ติดตาม Fed Goolsbee สาขา Chicago (Non voter) ให้สัมภาษณ์ 2.) GDP อังกฤษ งวด 1Q24 ตลาดคาด 0.4%q-q และ Flat y-y

• (*/+)Oil : น้ำมันดิบ Brent +0.36%d-d ปิดที่ US$ 83.88/barrel น้ำมันดิบ West Texas +0.49%d-d ปิดที่ US$ 79.65/barrel หนุนจากข่าวตัวเลขการค้าจีน เดือน เม.ย.ออกมาแกร่ง โดยสัปดาห์นี้แกว่งตัวขึ้นเฉลี่ย 1.7% มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ กลุ่มน้ำมัน PTT, PTTEP กลุ่มโรงกลั่น เน้น SPRC, TOP ในช่วงปลาย พ.ค. ประเมิน Spread ฟื้นหนุนจากเป็นช่วง driving season

 

What happened in Thailand ?

• (*/-) SET: ตลาดหุ้นวานนี้ แกว่ง Sideways ก่อนปิดปรับตัวลดลง -4.04 จุด หรือ -0.29% ปิด 1369.29 จุด กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มชิ้นส่วนฯ (DELTA, KCE) กลุ่มพลังงาน (EA, GULF) ทั้ง 2 กลุ่มมองถ่วงจาก US Bond Yield อายุ 10ปี รีบาวน์ +4 bps กลุ่มหนุน คือ กลุ่มประกัน (BLA, TLI) หนุนหลัก BLA รายงานกำไร 1Q24 โดดเด่น +247%y-y +64%q-q หนุนจิตวิทยาลงทุนหุ้นอื่นในกลุ่มไปด้วย กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT, BJC) แม้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก (Retail Sentiment Index, RSI) เม.ย.24 แม้อ่อนตัวลง m-m แต่มองตามประเภทร้านค้า กลุ่มที่ยังเร่งขึ้น m-m คือ Super Market, Hyper Market

• (*/-) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลออก ขายหุ้น -35 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -105.6 ล้านเหรียญฯ TFEX เปิดสถานะ Net Short -5,157 สัญญา เงินบาทแข็งค่าสู่ 36.8 +/- บาท

• (*/+) SET50/100 New Criteria : ตลาดหลักทรัพย์อัพเดทสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นการปรับเกณฑ์สภาพคล่องในการคัดเลือกหุ้นเข้า SET50/100 และจะเริ่มใช้จริงรอบ 2H24 เราคาดเป็นตัวหนุนหุ้น BJC กลับเข้ามาอยู่ในดัชนี SET50/SET100 อีกครั้ง โดยสำหรับคาดการณ์หุ้น SET50/SET100 ล่าสุดดังนี้

• หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณฑ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)

• หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)

• หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS

• หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN

กลยุทธ์ เน้น BJC ที่ราคาหุ้นตอบรับกำไร 1Q24F คาดอ่อนลงไปแล้ว ทั้งนี้ หลักๆ เพราะกลับมามีค่าใช้จ่ายภาษี EBITDA คาดขยายตัวดี +23.9%y-y ราคาหุ้นมี PBV < 1.0 เท่า

• (*/+) Consumption : แนวโน้มการฟื้นตัวหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่เน้นจำหน่ายสินค้าคงทนยังมีโมเมนตัมต่อเนื่องจากช่วงต้นปีที่เป็นกลุ่มเด่นสุด จาก 1) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการค้าปลีก เม.ย. 24 แม้ปรับลดลง m-m แต่ห้างค้าปลีกประเภท Supermarket, Hypermarket ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางภาพรวม 2) ม.หอการค้าประเมินยอดจับจ่ายช่วงเปิดเทอมปี 24 จะขยายตัว +4.2%y-y สู่ 6.0 หมื่นล้านบาท สูงสุดในรอบ 15ปี ประเมินบวกต่อ CPALL, CPAXT, BJC เน้น CPALL (โมเมนตัม SSSG 2Q24 เด่นสุดในกลุ่ม) , BJC (แนวโน้มกำไรฟื้นชัดเจนขึ้นนับจาก 2Q24F + มีแรงหนุนเชิงบวกการใช้เกณฑ์เลือกหุ้น SET50/100 ใหม่)

• (+) Saudi-Arabia x Thailand : ซาอุดิอาระเบียเพิ่มรายชื่อประเทศไทยเป็นปลายทางส่งผู้ป่วยเข้ามารักษา บวกต่อกลุ่ม ร.พ. ที่ได้รับมาตรฐาน JCI และมีฐานลูกค้าตะวันออกกลางอยู่แล้ว โดยหุ้นในกลุ่มที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าว คือ BH BCH BDMS และ CHG ที่มีรายได้ลูกค้าตะวันออกกลาง 27%, 9%, 4% และ 2% ของรายได้ ตามลำดับ ขณะที่ปัจจุบันฐานรายได้จากซาอุฯ ยังน้อยกว่า 1% จึงมองสร้างโอกาสระยะยาว เน้น BDMS และ BH (Trading) ที่มีโอกาสสูงจากความสามารถรักษาโรครุนแรง นอกจากนี้ บวกต่อกลุ่มท่องเที่ยว เน้น AOT นักท่องเที่ยวซาอุฯ 1Q24 มีสัดส่วน 0.3% ของนักท่องเที่ยวรวม

• (*/+) SET 1Q24 Earnings : รายงานผลประกอบการงบ 1Q24 ถึงวานนี้ จำนวนบริษัทที่รายงานกำไรแล้วอยู่ที่ 135 แห่ง (วานนี้อยู่ที่ 80 แห่ง) หุ้นที่มีคาดการณ์กำไรกำไรดีกว่าคาด +3.5% (วานนี้ +3.9%) -2.3%y-y (วานนี้ -3.0%y-y) ในกลุ่มหุ้นที่รายงานกำไรล่าสุดวานนี้ ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด สรุปได้ดังนี้

 

กลุ่มที่ดีกว่าตลาดคาด คือ TOP (29%y-y, 99%q-q) LPN (-42%y-y, 404%q-q) BCP (-12%y-y, พลิกกำไร q-q) GFPT (56%y-y, 13%q-q) MAJOR (100%y-y,-58%q-q) TACC (43%y-y, 4%q-q)
กลุ่มที่ใกล้เคียงตลาดคาด คือ CPAXT (15%y-y, -24%q-q) NER (44%y-y, -2%q-q) STGT (11%y-y, พลิกกำไรq-q)
กลุ่มที่ต่ำกว่าตลาดคาด คือ GULF (-9%y-y, -26%q-q) STA (พลิกขาดทุน y-y, ขาดทุนลดลง q-q) SAT(-32%y-y, -15%q-q)
กลุ่มที่ไม่มีคาด คือ TRP (-33%y-y, -3.1%q-q), SMT (-61%y-y, +82%q-q)
อื่นๆ ที่เติบโตสูง คือ ASIAN (ดีกว่าตลาดคาด 366%y-y, 203%q-q) SAFE (ดีกว่าตลาดคาด 84%y-y, 27%q-q) SAV (ใกล้เคียงตลาดคาด 207%y-y, 42%q-q)
ส่วนวันนี้ติดตามรายงานกำไร 1Q24 ของ IVL (ไม่มีคาด), CPALL (ตลาดคาด 21%y-y, -10%q-q), ILM (ตลาดคาด 14%y-y, 1%q-q), , CBG (ตลาดคาด 121%y-y, -10%q-q), TNP (KSS คาด 12%y-y, -15%q-q), ZEN (ตลาดคาด 11%y-y, 23%q-q), THANI (ตลาดคาด -48%y-y, 46%q-q), SPA (ตลาดคาด 64%y-y, -41%q-q), , BEC (ตลาดคาด 1837%y-y, -22%q-q) BE8 (KSS คาด -29%y-y, -30%q-q), ILINK (KSS คาด -14%y-y, -15%q-q) ONEE (KSS คาด -42%y-y, -83%q-q)

 

 

Daily Strategy : BH, BJC, ICHI เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways/Up" แม้คาดตลาอน่าจะตอบรับทางบวกต่อรายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯภาคแรงงานล่าสุดจะอ่อนลง สอดคล้องกับเราประเมินภาพ 2Q24 ที่เราคาด Yield พีครอบนี้ไปแล้วบริเวณ 4.7-4.8% ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังอ่อนลงสู่ Soft Landing แต่ระยะสั้นตลาดจะรอติดตามเงินเฟ้อสหรัฐฯสัปดาห์หน้า คาดยังเห็นภาพไม่ปรับลงเร็ว มองทำให้ตลาดอาจย่อตัวช่วงบ่าย หุ้นนำวันนี้ มอง 1) กลุ่ม Yield พีครอบนี้หนุน เน้น กลุ่มเช่าซื้อ กลุ่มโรงไฟฟ้า 2) ภาคบริการ+กำลังซื้อในประเทศ (Upside เพิ่มกรณีซาอุฯเพิ่มไทยปลายทางส่งผู้ป่วย+เม็ดเงินเปิดเทอมคึกคักสูงสุดใน 15ปี) เน้น BH BDMS CPALL 3) หุ้นได้ประโยชน์ SET50/100 เกณฑ์ใหม่ เน้น BJC CKP

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (IVL, HANA, SSCGP, GLOBAL, DOHOME)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว ฤดูร้อน (CPALL, CPAXT, BJC, OSP, ICHI, ILM, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BE8, WARRIX, MTC)
กลุ่มที่คาดกำไร 1Q24F จะดี / กลุ่มที่รายงานแล้วคาดกำไรมีโมเมนตัมบวกต่อ (AOT, ADVANC, CPALL, CPAXT, ICHI, OSP, BGRIM, GFC)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, WHA, BE8)
กลุ่มได้ประโยชน์ซาอุดิอาระเบียเพิ่มรายชื่อประเทศไทยเป็นปลายทางส่งผู้ป่วยเข้ามารักษา (BH, BDMS, BCH, AOT)

• MAY24 Best Picks: MINT, CPALL, MTC, IVL, ICHI, BJC, OSP

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : War Tension

Fact : สถานการณ์ความตึงเครียดตะวันออกกลางผันผวนสูงในช่วงเดือน เม.ย.2024 KSS ประเมินสถานการณ์สงครามเป็น 3 Scenario

1.) Worst Case(ให้น้ำหนัก 10%): สงครามรุนแรงและขยายวงกว้างกลายเป็นสงครามในภูมิภาค (ประเทศพันธมิตรของทั้ง 2 ฝั่งเข้าร่วมรบ) ประเมินราคาน้ำมันดิบทะลุ 100 เหรียญฯ มอง SET Index มีโอกาสปรับฐาน โซนแนวรับสำคัญ 1210 จุด(ใกล้ Low ปี 2557 และ อิง PER 2024F 13เท่า ลดลงจากปัจจุบันไปอีก -1.5X) กลยุทธ์แนะหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันขึ้น PTTEP, PTT, TOP, SPRC เน้น PTTEP, TOP

◾️2.)Base Case (ให้น้ำหนัก 60%) : สงครามยืดเยื้อแต่ไม่รุนแรง, ไม่ขยายวงกว้าง ประเมินราคาน้ำมันดิบจะค่อยๆแกว่งตัวลง วางแนวต้านของน้ำมันที่ 92 เหรียญฯ มองแนวรับ 85/80 เหรียญ SET ประเมินจะแกว่งตัวออกข้าง แนวรับโซน 1340-1300+- น่าจะประคองอยู่ (อิง PER 14.3-14X ซึ่งเป็นกรอบ ERP เกือบแตะ +1SD หรือ 3.7-4% สะท้อน Value Zone ที่น่าลงทุนกลางยาวมากๆ ถูกสุดตั้งแต่ Covid 2019) ส่วนแนวต้านสั้น 1365/1380จุด จนกว่าสถานการณ์จะคลาย Upside จะกว้างขึ้น กลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นอิงบริโภคและบริการ เน้น BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP

3.)Best Case(ให้น้ำหนัก 30%) : สงครามจบไว ไม่ขยายวงกว้าง ประเมินราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลง ต่ำ 83.6 เหรียญฯ SET Index มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นเหนือแนวต้าน 1400 จุด ได้ไว ใน 1 สัปดาห์ กลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นที่ลงแรงและพื้นฐานดี ได้ประโยชน์น้ำมันลงเน้น BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP AAV,HANA, MTC

 

• Strategy Update : SET50/100 2H24 Second update

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงเกณฑ์สภาพคล่องเพื่อคัดเลือกหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 (เปิดรับฟังช่วงระหว่าง 11-26 เม.ย.) เพื่อให้ดัชนีสะท้อนการเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์และมีผลตอบแทนตามวัตถุประสงค์ของการจัดทำดัชนี และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำการเปลี่ยนจากการกำหนดค่าเริ่มต้นของสภาพคล่อง จากเดิม (Trading Value 50%, Turnover Ratio 2%) และปรับลดระดับลงมาเพื่อให้ได้หุ้นครบจำนวน 105 หุ้น เป็น การใช้เกณฑ์ขั้นต่ำ (Trading Value ไม่น้อยกว่า 25%, Turnover Ratio ไม่น้อยกว่า 1%) ซึ่งผลลัพธ์ของหุ้น SET50-100 ย้อนหลัง 10ปี ไม่ต่างจากเดิมมากนัก ทำให้ KSS คาดว่ามีโอกาสสูงที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำเกณฑ์ดังกล่าวมาใช้ในการคัดเลือกหุ้นเข้าและออกดัชนี SET50-SET100 ในรอบ 2H24 นี้ทันที ดังนั้นเราจึงจัดทำคาดการณ์รายชื่อหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 2H24 อีกครั้ง ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ก.ค. 2024 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 พ.ค. 2023 – 17 เม.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 6 สัปดาห์) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงสูงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในบางส่วนในชุดหุ้น SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

 

➕ หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)

 

 

➖หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)

➕หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS

➖ หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN

กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดย เราชอบ BJC, BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA

 

• Strategy Update : Summer Play

Fact : กรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนในปี 2024 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 เดือน ก.พ. 24 โดยคาดหมายว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติและปี 2023 ราว 1 องศา ทีมกลยุทธ์ KSS ประเมินเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มโรงแรม

Key Ideas : อิงผลการศึกษา 8 ปีย้อนหลัง หากซื้อก่อนเข้าสู่หน้าร้อน 1 เดือน หุ้นกลุ่มโรงแรม เครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก มักให้ผลตอบแทนเด่น เฉลี่ย +2.5% +2.2% และ +1.6% vs SET +0.5%

ทั้งนี้ หากซื้อวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายหลังจากนั้น 1 เดือน หุ้นโรงแรม เครื่องดื่ม และค้าปลีกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเด่น +3.5% +3.9% และ 1.9% vs SET +1.5%

Strategy : การลงทุนที่ดีที่สุดในการลงทุนก่อนเข้าสู่หน้าร้อน คือ แนะนำซื้อหุ้นในธีม Summer Play ก่อน 1 เดือน และถือจนเข้าสู่หน้าร้อน คาดจะได้รับผลตอบแทนเป็นบวกสูงที่สุด โดยอิงภาพทางพื้นฐานปี 2024F ประกอบ เราแนะนำ เครื่องดื่ม เน้น ICHI ค้าปลีก เน้น CPALL CPAXT ท่องเที่ยว+โรงแรม เน้น AOT AAV MINT

 

• Strategy Update: Dividend Plays

Fact : ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค.2024 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2023 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KSS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2023F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H23F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KSS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 2.0% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1-2 เดือนแรกของปี ใน "Theme 2H23F Dividend Play"

Key Ideas:

KSS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.97%, เดือน ก.พ. บวก 8 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.91%
SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ใน 10 ปี เฉลี่ย +1.47%)
Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ KSS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น 2H23F ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ 1) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล 2023F/2H23F สูงกว่า 2% 2) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโตหรือกระแสเงินสดมั่นคง หรืออยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KSS ปี 2024 อาทิ Theme ดอกเบี้ยผ่านจุดพีคไปแล้ว กลุ่มหุ้นที่หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2024F ฟื้นตัวมากกว่าศักยภาพ 3.0% ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ พบว่ามีหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัท คือ

 

หุ้น Big Cap ได้แก่ AP(TP-15.5,Yield 2H23F-5.7%) LH(TP-9.5,Yield 2H23F-4.9%) SAWAD (TP-53,Yield 2H23F-4.3%) TIDLOR(TP-30,Yield 2H23F-2.8%) WHA(TP-6.4,Yield 2H23F-2.4%)INTUCH(TP-85, Yield 2H23F-2.4%) ADVANC(TP-264, Yield 2H23F-2.0%)

 

หุ้น Mid Cap ได้แก่ MC(TP-16,Yield 2H23F-6.3%) NER(TP Con-6.1,Yield 2H23F-4.5%) SC (TP-4.5, 2H23F-4.34%) SIRI(TP-2.2,Yield 2H23F-3.8%)

 

โดยทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปั พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ TIDLOR +5.4%, ADVANC +3.7%, INTUCH +2.2%, ส่วน WHA, AP,SIRI, MC, NER ผลตอบแทนอยู่ในช่วง + 1.2 -1.5% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายๆครั้งนักลงทุนจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

 

• GFPT (Buy,TP15.1): เรามีมุมมอง Positive ต่อกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 466 ลบ. (+56%y-y, +14%q-q) ดีกว่าที่เราและตลาดคาด +12% หากไม่รวม FX loss และ Hedging gain สุทธิ 25 ลบ. จะมีกำไรปกติ 411 ลบ. (+86%y-y, +9%q-q) ดีกว่าที่เราคาด 7% โดยปัจจัยหนุนที่ดีกว่าคาดมาจาก ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม McKey และ GFN ดีกว่าเราคาด +3%/+21% ทั้งนี้ กำไรปกติ 1Q24 ที่สูงกว่าคาด ประกอบกับแนวโน้ม 2Q-3Q24F ที่ดีต่อเนื่อง จากการส่งออกไก่ดี ต้นทุนอาหารสัตว์ลด และเข้าสู่ High season ในช่วง 3Q24F จึงปรับประมาณการกำไรปกติปี 24F เพิ่มขึ้น +12% เป็น 1,723 ลบ. เติบโตโดดเด่น +33%y-y คงคำแนะนำ "Buy" ปรับ TP เพิ่มขึ้นเป็น 15.10 บ. และยังคงเลือกเป็น Top pick กลุ่มฯคู่กับ TU (TP 17.00บ.)

• TACC (Buy,TP6.9): เรามีมุมมอง Positive ต่อกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 61 ลบ. (+44%y-y, +4%q-q) สูงที่สุดในรอบ 6 ไตรมาส และดีกว่าที่เราคาด +9% จากรายได้ และ GPM สูงกว่าคาด สำหรับโมเมนตั้ม 2Q24F คาดโตต่อเนื่องอานิสงส์อากาศร้อน เป็น high season ของกลุ่มเครื่องดื่ม โดยมีโอกาสปรับประมาณกำไรทั้งปี 24F เพิ่มขึ้น หากผลการดำเนินงาน 2Q24F ดีต่อเนื่องตามคาด ทั้งนี้ ประมาณการกำไรสุทธิปี 24F อยู่ที่ 220 ลบ. (+8%y-y) ณ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PE ราว 14.6x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตราว -1.75SD คงคำแนะนำ "BUY" TP 6.90บ.

• GULF (Neutral,TP45.5): มอง slightly negative ต่อกำไรสุทธิ 1Q24 ของ GULF ที่ 3,499 ลบ. (-9% y-y, -27% q-q) ต่ำกว่าตลาดคาด กำไรลดลง y-y q-q เพราะ fx loss ที่เข้ามากลบ core operation ที่ฟื้นตัวจากการทยอย COD โรงไฟฟ้า IPP เพิ่ม และโรง SPP อัตรากำไรฟื้นตัวจากต้นทุนก๊าซฯที่ลดลง รวมถึงส่วนแบ่งกำไรฯที่ได้แรงหนุนจาก INTUCH คาดกำไรปกติ 2Q24F จะโตได้ทั้ง y-y q-q จากรับรู้โรงไฟฟ้า IPP ใหม่เต็มไตรมาส และเข้าสู่ high season และ โรง Jackson กลับมาผลิตปกติ ทั้งนี้เราคงคำแนะนำ Neutral ที่ TP24F = 45.50 บาท/หุ้น มองระยะสั้นสามารถเก็งกำไรการฟื้นตัวใน 2Q24F และโอกาสในการเปิดประมูลพลังงานหมุนเวียนรอบ 2 ได้ จากยังมีแนวโน้มกำไรที่เติบโตต่อเนื่องในระยะยาวคอยหนุน

• CPAXT (Neutral,TP39): เรามอง 'เป็นกลาง' ต่อกำไรปกติ 1Q24 ที่ 2.48 พันลบ.(+15%y-y แต่ -24%q-q) ปรับขึ้น y-y ใกล้เคียงกับเราและตลาดคาด หนุนจากธุรกิจโลตัสส์(SSSG+7.1%, คุม SG&A/sales ได้ดี) และดอกเบี้ยจ่ายลง ทั้งนี้ โมเมนตั้มกำไรช่วงที่เหลือจะโตเร่งขึ้น y-y โดย 2Q24F หนุนจาก GPM โลตัสส์ในไทย ส่วน 2H24F คาด %SG&A/sales ของแมคโครจะเริ่มลงและปลายปีเริ่มเห็น synergies ควบกิจการ จึงคงคาดกำไรปกติปี 24F ปรับขึ้น +26% ดีกว่ากลุ่มค้าปลีก +18% เราแนะนำ BUY เลือกเป็นหุ้นเด่นกลุ่มฯคู่กับ CPALL (TP76)

 

2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

· Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU

· Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไม่แตกต่าง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ หุ้นไทย เช้านี้ แกว่งตัว บ่ายวันนี้ ก็เช่นกัน แม้GDP ไตรมาส 1/67 ของไทยที่ออกมาวันนี้ 1.5% ...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้