Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

130

 


"Selective Play"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways" ต้าน 1380/1384 รับ 1370/1365 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯแกว่งตัวออกข้าง หลังบวกมา 5 วันติด กลุ่มการเงินประคองตลาด คาดว่ารอแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยเฉพาะวันนี้จะมีการรายงานยอดผู้รับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ US Bond Yield อายุ 10 ปี รีบาวน์สู่ 4.5%+/- หลัง Susan Collins ประธาน Fed สาขาบอสตัน (Non-Voter) มีมุมมองค่อนข้างเข้มงวด และคลังน้ำมันดิบสัปดาห์นี้ลดลงต่ำตลาดคาด ส่วนเอเชียติดตามการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนผ่านยอดนำเข้า-ส่งออก เม.ย. 24 ตลาดคาดยอดนำเข้า +5.4%y-y vs prev. -1.9% ส่งออก +1%y-y -7.5%(มีโอกาสฟื้นตามตลาดคาด อิง PMI ภาคผลิต-บริการอยู่ในระดับขยายตัว 2 และ 15 เดือนติด ตามลำดับ) จะช่วยลดความกังวลจากการทยอยปรับลด GDP 2024F ของไทย อันมีผลจาการส่งออกสะดุด จากสำนักวิจัยต่างๆ ที่ล่าสุดปรับ GDP เหลือ 2.2%-2.4%(เดิม 2.5-2.8%) ลงได้บ้าง ทำให้ภาพรวมตลาดน่าจะแกว่ง "Sideways" โดยหุ้นนำตลาด คือ กลุ่มคาดงบ 1q24F ดี โดยเฉพาะภาคบริการที่ใกล้จะรายงาน หุ้นอิงจีน กลุ่มได้ประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า วันนี้แนะนำ CPALL, GFPT, IVL

Daily outlook: "Sideways" ต้าน 1380/1384 จุด รับ 1370/1365 จุด

What happened around the world ?

• (*) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐเริ่มชะลอการขึ้น แกว่งตัวในกรอบแคบๆ Dow jones +0.44%, S&P500 -0.01%, Nasdaq -0.18% Sector ที่ปรับขึ้นและนำตลาดหลักๆคือ กลุ่ม Utilities, Financial, IT ฯลฯ หุ้นที่บวกแรงหลักๆคือ JP Morgan +2.03%, Well Fargo +1.6%, META +0.93% หุ้นที่ปรับลงแรงคือ Uber -5.7% รับรายงานตัวเลขขาดทุนมากกว่าคาด , Tesla -1.7% รับข่าวยการของสหรัฐกำลังตรวจสอบว่าเทสลามีพฤติกรรมชี้นำนักลงทุนและผู้บริโภคในทางที่ผิดหรือไม่ ฯลฯ

• (*) US Econ : 1.)สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งสหรัฐ เดือน มี.ค พลิกลบ -0.4%m-m ตามคาดแต่ Inline ตลาดคาด 2.) MBA 30 year Mortgage rate พลิกปรับลงอยู่ที่ 7.18% ชะลอจาก 7.29% โดยรวมสะท้อนย้ำภาพทั้ง 2 ฝั่งคือ ภาคการผลิตและอัตราดอกเบี้ยภาคอสังหาอ่อนตัวลง ย้ำมุมมองภาพดอกเบี้ยสหรัฐเป็นขาลง

• (*/-) Fed Speak: Susan Collins ประธาน Fed สาขาบอสตัน (non-voter) ออกมาให้สัมภาษณ์ในโทนการใช้นโยบายการเงินเข้มงวด(Hawkish) ให้มุมมองดอกเบี้ยสหรัฐคาดมีแนวโน้มทรงตัวสูงยาวนาน KSS ประเมินมีผลต่อตลาดทุนระยะสั้นเพราะ 1.)คุณ Susan ไม่ได้มีผลต่อการพิจารณาเรื่องดอกเบี้ยของ Fed ในปีนีั 2.) ความเห็นสวนทางกับประธาน Fed Powell ที่ออกมาในโทน Dovish

• (*) US Bond & Dollar : แนวโน้มระยะสั้นเป็นขาลง แต่ช่วงสั้น rebound อายุ 10 ปี ฟื้นตัว +4 bps อยู่ที่ 4.5% ส่วนอายุ 2 ปีปรับขึ้น 1 bps อยู่ที่ 4.84% ขณะที่ Dollar Index แข็งค่าต่อ ขึ้นมาที่ 105.4+/- จุด หนุนค่าเงินในฝั่งเอเซียอ่อนต่าง KSS มองเป็นจิตวิทยาลบต่อ Fund Flow ต่อสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดหุ้นฝั่งเอเซีย

• (*) To monitors : ฝั่งจีนติดตามตัวเลขการค้าเดือน เม.ย. 24 ยอดนำเข้าตลาดคาด +5.4%y-y vs prev. -1.9% ยอดส่งออก +1%y-y -7.5% เรามองมีโอกาสนำเข้าจีนเริ่มฟื้น หากอิง PMI ผลิต ขยายตัว เหนือ 50 จุด ติดต่อกัน 2 เดือน ส่วน PMI บริการเหนือ 50 จุด 15 เดือน หากออกมาดีมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจอิงจีน อาทิ SCGP, IVL. ฝั่งอังกฤษ 9 พ.ค. การประชุม BOE คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25% ฝั่งสหรัฐ วันนี้ติดตาม ยอดผู้รับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ตลาดคาด 2.12 แสนราย หากออกมาตามคาดยังสะท้อนภาพภาคแรงงานประคองในลักษณะ Soft Landing ได้ (ความเสี่ยง Hard Landing จะเกิดขึ้นผู้ขอรับสวัสดิการเฉลี่ยจะสูงกว่าระดับ 4.0 แสนราย)

• (*/+) Oil : ราคาน้ำมันดิบ Brent +0.51%d-d ปิดที่ US$ 83.58/barrel น้ำมันดิบ West Texas +0.23%d-d ปิดที่ US$ 79.17/barrel EIA รายงานคลังน้ำมันดิบสัปดาห์นี้กลับมาลดลง 1.36 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 1.46 ล้านบาร์เรล มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อ SET Index มองบวกต่อหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ PTT, PTTEP

• (*/+)BDI : ดัชนีค่าระวางเรือ BDI บวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 + 5.76%d-d, +35.3%wtd มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มเรือเทกอง อาทิ PSL, TTA แนะนำ Trading

 

 

What happened in Thailand ?

• (*/-) SET: ตลาดหุ้นวานนี้ แกว่ง Sideways ก่อนปิดปรับตัวลดลง -3.04 จุด หรือ -0.22% ปิด 1373.33 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL) มองตลาดเก็งในฐานะหนึ่งในหุ้นกลุ่มหลักที่มีโอกาสได้อานิสงส์แผนเรื่องการนำกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กลับมา กลุ่มปิโตรเคมี (IVL, PTTGC) สอดรับราคาผลิตภัณฑ์ฟื้นตัว w-w ตามภาพใหญ่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT) เรายังมองภาพพักตัว หลังเป็นหุ้นกลุ่มนำ SET ฟื้นตัวจุดต่ำสุดรอบนี้ และยังไม่มีประเด็นบวกเพิ่มเติม กลุ่มอสังหาฯ (AP) ขึ้นเครื่องหมาย XD เงินปันผลงวดปี 2023 ที่ 0.7 บาทต่อหุ้น

• (*/-) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลเข้า ขายหุ้น -40.5 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร +86.9 ล้านเหรียญฯ TFEX เปิดสถานะ Net Short -35,976 สัญญา เงินบาทอ่อนค่าทรงๆ 36.93 +/- บาท

• (*/+) Farm Income : ดัชนีรายได้เกษตร (Farm Income) ไทย เดือน ล่าสุด มี.ค.24 +2.47%y-y ทำจุดสูงสุดในรอบ 5 เดือน หนุนจากฝั่งราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น อาทิ ข้าวเปลือกเจ้า, ยางพารา, สัปปะรด ฯลฯ และแนวโน้ม เดือน เม.ย. มีโอกาสปรับขึ้นต่อ คาดจะมาจาก ราคาสุกร ไก่ ฯลฯ แนวโน้มรายได้เกษตรกรที่ปรับขึ้นดังกล่าวผสานกับงบประมาณปี 2024 ที่จะถูกเร่งเบิกจ่ายนับจาก พ.ค. 24 บวกต่อหุ้นค้าปลีกอิงกำลังซื้อต่างจังหวัด TNP, DOHOME หุ้นค้าปลีกที่มีสาขาและ Fomat ครอบคลุม CPALL หุ้นอิงกำลังซื้อภายใน TRUE

• (*) Digital Wallet : ความคืบหน้านโยบาย Digital Wallet ยังไม่มีนัย จากที่ประชุมล่าสุด เป็นการสรุปเกณฑ์ผู้มีสิทธิ์ โดยกำหนดกรอบเวลาเกณฑ์ต่างๆ ส่วน เรื่องรายการสินค้าที่ไม่เข้าร่วมโครงการฯ (Negative Lists) รวมถึงการพิจารณาประเภทร้านค้า คาดจะมีขัอสรุปขั้นสุดท้ายสัปดาห์หน้า

• (*/-) TH GDP : ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2024F ไทย ลงมาที่ 2.2-2.7% (เดิม 2.8-3.3%) เป็นการปรับลดของสำนักเศรษฐกิจแห่งที่ 2 ในรอบนี้ (เม.ย. - พ.ค.) ต่อจาก สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ที่ปรับนำร่องเหลือ 2.4% โดยเป็นการปรับลดภาคส่งออกเช่นเดียวกัน จากทั้งสถานการณ์ความตีงเครียดในตะวันออกกลาง และความกังวลดัชนีภาคอุตสาหกรรมที่ยังหดตัวจากปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ ระยะสั้นถือเป็นจิตวิทยาลบต่อตลาด ส่วนหุ้นอิงภาคผลิตที่อ่อนตัวช่วงก่อนหน้า โดยเฉพาะผลตอบแทนปี 2024 Underperform ตลาด (ชิ้นส่วนฯ -17% ปิโตรเคมี -7.5% vs SET -2.8%) เรามองตอบรับไปบ้างแล้ว

ทั้งนี้ เราเชื่อว่า Consensus ส่วนใหญ่จะยังรอรายงาน GDP งวด 1Q24F (20 พ.ค.) ก่อนทบทวนใหม่อีกครั้ง โดยอิงคาดการณ์ Krungsri Research (18 เม.ย.) ยังคงประเมิน GDP ปี 24F ที่ +2.7% โดยส่วนที่มองบวกกว่า กกร. และ สศค. คือ ภาคส่งออกประเมิน +2.5%y-y แต่ประเมินเป็นองค์ประกอบที่มีความเสี่ยง Downside สูงกว่าส่วนอื่น

อย่างไรก็ดี เชิงกลยุทธ์ หากมอง Spread ปิโตรเคมี หนึ่งในสินค้าส่งออกหลักของไทยที่เริ่มฟื้นตัวสัปดาห์ที่ผ่านมา (3% ของมูลค่าส่งออก) เรามองเกิดขึ้นแรงหนุนภาพใหญ่เศรษฐกิจจีน (13% ของยอดส่งออกไทย) หาก GDP 1Q24F ไม่ต่ำกว่าตลาดคาดไปมาก (ยังไม่มีคาดการณ์ตลาด vs BOT คาด +1%y-y) เชื่อว่าสำนักเศรษฐกิจส่วนใหญ่จะยังคงคาดการณ์ไว้ก่อน

• (*/-) Cannabis : นายกฯ สั่ง สาธาฯ แก้ประกาศกระทรวงเพื่อดึงให้กัญชาเป็นยาเสพติดประเภท 5 ให้ใช้ทางการแพทย์และสุขภาพ เป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นอิงผลิตภัณฑ์ กัญชง/กัญชา อาทิ RBF GUNKUL DOD และ หุ้นเครื่องดื่ม มองกระทบจำกัด ส่วนน้อยเมื่อเทียบรายได้รวม

• (*/+)SSO : ประกันสังคมเพิ่มสิทธิประโยชน์รักษาผู้ประกันตนป่ายมะเร็งมอง BDMS และ CHG พร้อมให้บริการมากกว่า BCH เนื่องจาก BCH จะเปิดศูนย์รังสีมะเร็งรักษาใน 4Q24

กลุ่มการแพทย์ หุ้นเด่นเลือก BDMS (TP 37 บาท) และ CHG (TP 3.70 บาท)

• (*) SET 1Q24 Earnings : รายงานผลประกอบการงบ 1Q24 ถึงวานนี้ จำนวนบริษัทที่รายงานกำไรแล้วอยู่ที่ 80 (วานนี้อยู่ที่ 53 แห่ง) หุ้นที่มีคาดการณ์กำไรกำไรดีกว่าคาด +3.9% (วานนี้ +3.4%) -3.0%y-y (วานนี้ -5.5%y-y) ในกลุ่มหุ้นที่รายงานกำไรล่าสุดวานนี้ ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด สรุปได้ดังนี้

 

กลุ่มที่ดีกว่าตลาดคาด คือ TU (13%y-y, พลิกกำไร q-q *กำไรปกติตามคาด) BSRC (4%y-y, พลิกกำไร q-q) THCOM (221%y-y, พลิกกำไร q-q) INTUCH (+21%y-y, -24%q-q) GPSC (-23%y-y, 81%q-q)
กลุ่มที่ใกล้เคียงตลาดคาด คือ SNNP(2%y-y, -4.5%q-q) OR(25%y-y, เพิ่มขึ้น 19 เท่า q-q)
กลุ่มที่ต่ำกว่าตลาดคาด คือ QH(-17%y-y, -19%q-q) SHR(-28%,74%q-q)
กลุ่มไม่มีตลาดคาดการณ์แต่ KSS คาด คือ AMARC (เติบโตสูง y-y, q-q จากฐานต่ำ โดยดีกว่า KSS คาด 11%)
กลุ่มที่ไม่มีคาด คือ BLA (64%y-y, 246%q-q) KGI (45%y-y, 64%q-q) SGP (124%y-y, -16%q-q)
ส่วนวันนี้ติดตามรายงานกำไร 1Q24 ของ TOP (ตลาดคาด +6%y-y, +64%q-q) BCP (ตลาดคาด -17%y-y, 333%q-q) CPAXT (ตลาดคาด 18%y-y, -22%q-q) GFPT (ตลาดคาด +39%y-y, +1%q-q) NER (ตลาดคาด +46%y-y, -1%q-q) GULF (ตลาดคาด 1%y-y, -18%q-q) MAJOR (ตลาดคาด 70%y-y, -64%q-q), SAT (ตลาดคาด -28%y-y, -9%q-q), STA (ตลาดคาด พลิกขาดทุนy-y, ขาดทุนน้อยลงq-q)

 

Daily Strategy : CPALL, GFPT, IVL เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways" มอง SET แกว่งรอปัจจัยใหม่ๆ วันนี้นำโดยยอดนำเข้า - ส่งออกของจีน หากเป็นไปตามที่ตลาดมองดี นำเข้าฟื้นตัว y-y ได้ ส่วนสหรัฐฯติดตามแนวโน้มเศรษฐกิจ ผ่านยอดผู้รับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ มองหุ้นนำวันนี้ 1) กลุ่มคาดรายงานกำไร 1q24F ดี โดยเฉพาะภาคบริการทยอยปลายสัปดาห์นี้ อาทิ CPALL CPAXT 2) หุ้นฝั่งภาคผลิตที่ Underperform รับการฟื้นตัวเสี่ยงล่าช้าแล้ว อาทิ SCGP 3) กลุ่มได้ประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า อาทิ GFPT TU

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (IVL, HANA, SSCGP, GLOBAL, DOHOME)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว ฤดูร้อน (CPALL, CPAXT, BJC, OSP, ICHI, ILM, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BE8, WARRIX, MTC)
กลุ่มที่คาดกำไร 1Q24F จะดี / กลุ่มที่รายงานแล้วคาดกำไรมีโมเมนตัมบวกต่อ (AOT, ADVANC, CPALL, CPAXT, ICHI, OSP, BGRIM, OR, GFC)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, WHA, BE8)

• MAY24 Best Picks: MINT, CPALL, MTC, IVL, ICHI, BJC, OSP

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : War Tension

Fact : สถานการณ์ความตึงเครียดตะวันออกกลางผันผวนสูงในช่วงเดือน เม.ย.2024 KSS ประเมินสถานการณ์สงครามเป็น 3 Scenario

1.) Worst Case(ให้น้ำหนัก 10%): สงครามรุนแรงและขยายวงกว้างกลายเป็นสงครามในภูมิภาค (ประเทศพันธมิตรของทั้ง 2 ฝั่งเข้าร่วมรบ) ประเมินราคาน้ำมันดิบทะลุ 100 เหรียญฯ มอง SET Index มีโอกาสปรับฐาน โซนแนวรับสำคัญ 1210 จุด(ใกล้ Low ปี 2557 และ อิง PER 2024F 13เท่า ลดลงจากปัจจุบันไปอีก -1.5X) กลยุทธ์แนะหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันขึ้น PTTEP, PTT, TOP, SPRC เน้น PTTEP, TOP

◾️2.)Base Case (ให้น้ำหนัก 60%) : สงครามยืดเยื้อแต่ไม่รุนแรง, ไม่ขยายวงกว้าง ประเมินราคาน้ำมันดิบจะค่อยๆแกว่งตัวลง วางแนวต้านของน้ำมันที่ 92 เหรียญฯ มองแนวรับ 85/80 เหรียญ SET ประเมินจะแกว่งตัวออกข้าง แนวรับโซน 1340-1300+- น่าจะประคองอยู่ (อิง PER 14.3-14X ซึ่งเป็นกรอบ ERP เกือบแตะ +1SD หรือ 3.7-4% สะท้อน Value Zone ที่น่าลงทุนกลางยาวมากๆ ถูกสุดตั้งแต่ Covid 2019) ส่วนแนวต้านสั้น 1365/1380จุด จนกว่าสถานการณ์จะคลาย Upside จะกว้างขึ้น กลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นอิงบริโภคและบริการ เน้น BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP

3.)Best Case(ให้น้ำหนัก 30%) : สงครามจบไว ไม่ขยายวงกว้าง ประเมินราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลง ต่ำ 83.6 เหรียญฯ SET Index มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นเหนือแนวต้าน 1400 จุด ได้ไว ใน 1 สัปดาห์ กลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นที่ลงแรงและพื้นฐานดี ได้ประโยชน์น้ำมันลงเน้น BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP AAV,HANA, MTC

 

• Strategy Update : SET50/100 2H24 Second update

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงเกณฑ์สภาพคล่องเพื่อคัดเลือกหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 (เปิดรับฟังช่วงระหว่าง 11-26 เม.ย.) เพื่อให้ดัชนีสะท้อนการเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์และมีผลตอบแทนตามวัตถุประสงค์ของการจัดทำดัชนี และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำการเปลี่ยนจากการกำหนดค่าเริ่มต้นของสภาพคล่อง จากเดิม (Trading Value 50%, Turnover Ratio 2%) และปรับลดระดับลงมาเพื่อให้ได้หุ้นครบจำนวน 105 หุ้น เป็น การใช้เกณฑ์ขั้นต่ำ (Trading Value ไม่น้อยกว่า 25%, Turnover Ratio ไม่น้อยกว่า 1%) ซึ่งผลลัพธ์ของหุ้น SET50-100 ย้อนหลัง 10ปี ไม่ต่างจากเดิมมากนัก ทำให้ KSS คาดว่ามีโอกาสสูงที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำเกณฑ์ดังกล่าวมาใช้ในการคัดเลือกหุ้นเข้าและออกดัชนี SET50-SET100 ในรอบ 2H24 นี้ทันที ดังนั้นเราจึงจัดทำคาดการณ์รายชื่อหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 2H24 อีกครั้ง ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ก.ค. 2024 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 พ.ค. 2023 – 17 เม.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 6 สัปดาห์) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงสูงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในบางส่วนในชุดหุ้น SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

 

➕ หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)

 

 

➖หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)

➕หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS

➖ หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN

กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดย เราชอบ BJC, BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA

 

• Strategy Update : Summer Play

Fact : กรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนในปี 2024 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 เดือน ก.พ. 24 โดยคาดหมายว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติและปี 2023 ราว 1 องศา ทีมกลยุทธ์ KSS ประเมินเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มโรงแรม

Key Ideas : อิงผลการศึกษา 8 ปีย้อนหลัง หากซื้อก่อนเข้าสู่หน้าร้อน 1 เดือน หุ้นกลุ่มโรงแรม เครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก มักให้ผลตอบแทนเด่น เฉลี่ย +2.5% +2.2% และ +1.6% vs SET +0.5%

ทั้งนี้ หากซื้อวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายหลังจากนั้น 1 เดือน หุ้นโรงแรม เครื่องดื่ม และค้าปลีกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเด่น +3.5% +3.9% และ 1.9% vs SET +1.5%

Strategy : การลงทุนที่ดีที่สุดในการลงทุนก่อนเข้าสู่หน้าร้อน คือ แนะนำซื้อหุ้นในธีม Summer Play ก่อน 1 เดือน และถือจนเข้าสู่หน้าร้อน คาดจะได้รับผลตอบแทนเป็นบวกสูงที่สุด โดยอิงภาพทางพื้นฐานปี 2024F ประกอบ เราแนะนำ เครื่องดื่ม เน้น ICHI ค้าปลีก เน้น CPALL CPAXT ท่องเที่ยว+โรงแรม เน้น AOT AAV MINT

 

• Strategy Update: Dividend Plays

Fact : ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค.2024 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2023 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KSS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2023F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H23F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KSS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 2.0% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1-2 เดือนแรกของปี ใน "Theme 2H23F Dividend Play"

Key Ideas:

KSS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.97%, เดือน ก.พ. บวก 8 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.91%
SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ใน 10 ปี เฉลี่ย +1.47%)
Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ KSS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น 2H23F ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ 1) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล 2023F/2H23F สูงกว่า 2% 2) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโตหรือกระแสเงินสดมั่นคง หรืออยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KSS ปี 2024 อาทิ Theme ดอกเบี้ยผ่านจุดพีคไปแล้ว กลุ่มหุ้นที่หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2024F ฟื้นตัวมากกว่าศักยภาพ 3.0% ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ พบว่ามีหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัท คือ

 

หุ้น Big Cap ได้แก่ AP(TP-15.5,Yield 2H23F-5.7%) LH(TP-9.5,Yield 2H23F-4.9%) SAWAD (TP-53,Yield 2H23F-4.3%) TIDLOR(TP-30,Yield 2H23F-2.8%) WHA(TP-6.4,Yield 2H23F-2.4%)INTUCH(TP-85, Yield 2H23F-2.4%) ADVANC(TP-264, Yield 2H23F-2.0%)

 

หุ้น Mid Cap ได้แก่ MC(TP-16,Yield 2H23F-6.3%) NER(TP Con-6.1,Yield 2H23F-4.5%) SC (TP-4.5, 2H23F-4.34%) SIRI(TP-2.2,Yield 2H23F-3.8%)

 

โดยทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปั พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ TIDLOR +5.4%, ADVANC +3.7%, INTUCH +2.2%, ส่วน WHA, AP,SIRI, MC, NER ผลตอบแทนอยู่ในช่วง + 1.2 -1.5% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายๆครั้งนักลงทุนจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

 

• OR (Trading Buy, TP21.5): มอง slightly positive ต่อกำไรสุทธิ 1Q24 ของ OR ที่ 3,722 ลบ. (+25% y-y, +1,829% q-q) สูงกว่าตลาดคาดเล็กน้อย โต y-y, q-q เพราะ กำไรขั้นต้นต่อลิตร (GM) เพิ่มขึ้นจากบริหารต้นทุนได้ดี มองแม้ 2Q24F กำไรจะลดลง q-q ตาม GM ที่ลงสู่ระดับปกติ แต่กำไร 1H24F จะเติบโต y-y, h-h มองผลกระทบต้นทุนที่สูงขึ้นของน้ำมันดีเซลEuro 5 ที่ฉุดน้อยกว่าคาดจากได้การบริหารต้นทุนเบนซินชดเชย จะเป็นโอกาสเก็งกำไรระยะสั้น คงคำแนะนำ Trading Buy ที่ TP24F ใหม่ 21.5 บาท/หุ้น

• TU (Trading Buy, TP17): เรามีมุมมองเป็นกลางต่อ TU รายงานกำไรสุทธิ 1,153 ลบ. ใน 1Q24 สูงกว่าตลาดคาด (966 ลบ.) 19% เพราะกำไร FX 215 ลบ. กำไรปกติ 952 ลบ. ใกล้เคียงตลาดคาด (966 ลบ.) กำไรปกติ +21%y-y -20%q-q การลด q-q ตามฤดูกาลที่ส่งออกน้อย ภาพ y-y ยอดขายทูน่ากระป๋องเติบโต GPM เพิ่มในอาหารสัตว์เลี้ยง+อาหารแช่แข็ง แนวโน้ม 2Q24F คาดกำไรปกติเพิ่ม y-y q-q ธุรกิจทูน่าและอาหารแช่แข็งจะเด่นขึ้น y-y q-q และต้นทุนทูน่าลดลง แต่กำไรสุทธิ 1Q24=20%ของประมาณการเดิม เราจึงลดประมาณการกำไรสุทธิจากเดิม -4% เพราะ SG&A+Minority interest สูงกว่าคาดเดิม ราคาเป้าหมายเหลือ 17.0 บาท (พีอีคงเดิม 14 เท่า = mean) แนะนำ Trading Buy แต่ยังคงให้ TU เป็นหุ้นเด่นในปี 2024 จากธุรกิจฟื้นตัวทั้งทูน่ากระป๋อง อาหารสัตว์เลี้ยง รวมทั้งอานิสงส์ต้นทุนทูน่าลดลง ค่าเงินบาทอ่อนค่า และการไม่รับรู้ขาดทุนของ Red Lobster

• BE8 (Neutral, TP24): We expect BE8's core profit could fall to Bt43m (-29% yoy, -30% qoq). Note that we also expect to see a yoy decline in 2Q24 as well. Thus, we cut BE8 earnings for 2024 by 11% to Bt287m (+13% yoy). Downgrade our recommendation from BUY to NEUTRAL with the new TP of Bt24. Weak short-term outlook ahead. Its growth is not justify with its current P/E.

• THCOM (Neutral, TP24): 1Q24 earnings came out at Bt288m (+221% yoy, turned from net loss of Bt306m in 4Q23). The result beat our estimate but due to massive forex gain of Bt277m. Stripping out this left core profit of only Bt11m, below our estimate. We maintain unexciting earnings forecast even 1Q24 earnings accounted for only 9% of full-year forecast. Neutral rating due to mundane earnings.

 

2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

· Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU

· Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ลุ้นกันต่อ By : เจ๊มดแดง

เจ๊มดแดง ไต่กิ่งมะม่วง วันนี้ วันจันทร์ คงต้องมาลุ้นหุ้นกันต่อไป หลังจาก บริษัทจดทะเบียน ประกาศงบไตรมาสแรกปีนี้ออกมา ..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้