Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

120

 


อยู่ที่ความเชื่อมั่น
ประเด็นเรื่องทิศทางดอกเบี้ยยังคงเป็นความสนใจหลัก โดยสหรัฐฯรายงาน อัตราการว่างงาน เม.ย.67 อยู่ที่ 3.9% สูงกว่าคาด นำไปสู่ความคาดหวังว่า FED อาจปรับลดดอกเบี้ยเดือน ก.ย.67 แทน พ.ย.67หนุนตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น ส่วนในบ้านเราประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ที่ +0.19% YOY พลิกเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ทำให้เกิดความคาดหวังว่าอาจเห็น กนง. คงดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะหนึ่ง อย่างไรก็ตามในส่วนของบ้านเรามีประเด็นความเห็นที่ไม่สอดคล้องกันระหว่างธปท. และ รัฐบาล เพิ่มเติมเข้ามา ทำให้เกิดกระแสเรื่องความเป็นอิสระของธนาคารกลาง ในการดำเนินนโยบายทางการเงิน สภาวะการ
ดังกล่าวอาจนำมาซึ่งประเด็นความเชื่อมั่นของนักลงทุน ถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นไทย PERFORM ได้ยากขึ้นแม้ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และ เศรษฐกิจ ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวแต่ยังมีประเด็นที่อาจสร้างความไม่มั่นใจ ทำให้SET INDEX อยู่ในกรอบ1363 –1376 จุด หุ้น TOP PICK เลือก SCC, TIDLOR และ TRUE


สินทรัพย์เสี่ยงสดใส หลังตลาดคาด FED อาจลงดอกเบี้ยเร็วขึ้น
ตลาดหุ้นทั่วโลกสดใส โดยผลตอบแทนช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมาบวกแรงกว่า 2%อาทิ NASDAQ +3.2% S&P500 +2.3% HIS +2.0% DJIA +1.6% เป็นต้น สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงของสหรัฐฯ ทั้งในส่วนของตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 175,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.67 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ระดับ 238,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 3.9% ในเดือนเม.ย.67 ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 3.8%


ประเด็นดังกล่าว จึงทำให้ตลาดคาดหวังว่า FED จะผ่อนคลายนโยบายการเงินมากขึ้นโดยล่าสุดอ้างอิงจาก FED WATCH TOOL ตลาดคาด FED ลดดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือน 9 (เดิมคาดเดือน 11) และตลาดคาด FED ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง ในปี 2567 เหลือ5.0% (เดิมคาดลด 1 ครั้งเหลือ 5.25%) ดังรูปด้านล่าง ซึ่งสอดคล้องกับ BONDYIELD สหรัฐฯที่ทยอยปรับตัวลงแรงเช่นกัน โดยล่าสุด BOND YIELD สหรัฐฯ 10 ปีปรับตัวลง 10 BPS.(ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา) อยู่ที่ระดับ 4.82%

 

ดังนั้น ในยามที่ตลาดหุ้นทั่วโลกสดใสเช่นนี้ คาดหวัง SET INDEX ได้รับ SENTIMENTเชิงบวกเช่นกันในวันนี้(หลังตลาดปิดวานนี้) โดยคาด SET INDEX ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นแรงเช่นกัน โดยวันนี้คาดกรอบการเคลื่อนไหว 1363-1376 จุดทิศทางนโยบายการเงิน-การคลังยังไม่ไปในทิศทางเดียวกัน แต่เป้าหมายระยะถัดไปยังเห็นมีมุมเศรษฐกิจฟื้นเหมือนกันวันศุกร์ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์มีรายงาน เงินเฟ้อไทยเดือน เม.ย. ปรับตัวสูงขึ้น+0.19%YOY สูงกว่าคาดที่ -0.20% รวมถึงพลิกกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 7เดือน โดยสาเหตุมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงตามราคาพลังงานในตลาดโลก และราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้น หลังสิ้นสุดมาตรการลดภาษีสรรพามิตรวมทั้งสินค้าในหมวดอาหารสดปรับตัวสูงขึ้น พร้อมกันนี้ยังมีการประเมินเงินเฟ้อ
เดือน พ.ค. 67 จะอยู่ที่ 1.0-1.5%YOY และใน 2Q67 ประเมินเงินเฟ้อขยายตัวราว0.8-1.0%YOY อีกทั้งคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2567 มีค่ากลางอยู่ที่ 0.5% (ช่วง 0-1%)ภาวะเงินเฟ้อไทยที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้น อาจจะทำให้ความหวังที่จะเห็น กนง. ปรับลดดอกเบี้ย แผ่วลงไปบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในปัจจุบันของไทย 2.31% (ดอกเบี้ย 2.5%-เงินเฟ้อ 0.19%) ที่ยังยืนอยู่ในระดับสูงกว่าสหรัฐฯ 2.0% (ดอกเบี้ย5.5%-เงินเฟ้อ 3.5%) เชื่อว่าจะช่วยให้เงินบาทชะลอการอ่อนค่าลงได้ และจะไม่กลับไปทะลุ 37 บาท/USD อีกครั้ง


ในอีกแง่มุมหนึ่งปรากฎกระแสในมุมที่เห็นว่าการดำเนินนโยบายการเงินของธปท. เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นเศรษฐกิจ อีกทั้งทำให้ต้องใช้นโยบายการคลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากเกินไป ก่อให้เกิดปัญหาหนี้สาธารณะระดับสูง และเรียกร้องให้มีการทบทวนการปรับลดดอกเบี้ยอีกครั้ง ทั้งนี้กระแสการดำเนินนโยบายการเงิน-การคลังที่ไม่สอดประสานกัน อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้ FUND FLOW ไหลเข้าไทยไม่เต็มที่ และเกิดความผันผวนต่อตลาดหุ้นในช่วงสั้นๆ แต่หากมองภาพในระยะถัดไปเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง ด้วยแรงกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายต่างๆ อาทิ การเร่งเบิกจ่ายงบฯ ปี 67, โครงการ DIGITAL WALLET แจกเงิน10,000 บาท, การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท เป็นต้น พร้อมกันนี้ยังเชื่อว่าสุดท้ายแล้วนโยบายการเงินและการคลังจะดำเนินไปในทิศทางเดียวกันได้ เพื่อหนุนให้ GDPGRWOTH ปี 2567 เติบโตได้ราว 2.4-2.8%

สรุป เงินเฟ้อไทยที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้น อาจจะทำให้ความหวังที่จะเห็น กนง. ปรับลดดอกเบี้ย แผ่วลงไปบ้าง อย่างไรก็ตามหากมองภาพในระยะถัดไป เศรษฐกิจไทยปีนี้ยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่อง ด้วยแรงกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายต่างๆ พร้อมกันนี้ยังหวังว่าสุดท้ายแล้วนโยบายการเงินและการคลังจะดำเนินไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น น่าจะเป็นการเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาได้อีกครั้ง

ตลาดหุ้นไทย มีโอกาสฟื้นต่อตามตลาดหุ้นโลก
วานนี้ตลาดหุ้นไทยหยุดทำการ แต่ตลาดหุ้นเมืองนอกยังเปิดทำการปกติ และเห็นเม็ดเงินไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง หลัง BOND YIELD 10 ปี สหรัฐลดลงกว่า 20 BPS.(MTD) มาอยู่ที่ 4.48% หนุนตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากดัชนีหุ้นโลก(MSCI ACWI) +1.15% ในวันศุกร์ที่ผ่านมา และบวกต่ออีก 0.84% ในวานนี้ คาดตลาดหุ้นไทยจะได้รับกระแสบวกจากประเด็นดังกล่าวตามไปด้วย


ขณะที่เห็นสัญญาณบวกเล็กๆ จากค่าเงินบาทไทยที่กลับมามีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจาก37.1 บาท/เหรียญ เหลือ 36.7 บาท/เหรียญ (MTD) หวังจะเห็น FUND FLOW สลับมาซื้อหุ้นไทยมากขึ้น รวมถึงเห็นแนวโน้มเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน ค่อยๆฟื้นขึ้น น่าจะเป็นโอกาสในการเข้าสะสมหุ้นได้
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้น 3 ธีม
• หุ้นได้ประโยชน์จากบาทแข็งค่า BGRIM GULF GPSC PTTEP KBANKADVANC CPALL CPN
• หุ้นรับกระแสวัฎจักรดอกเบี้ยขาลง TIDLOR MTC SAWAD LH AP
• หุ้นกำไรมีแนวโน้มฟื้นตัวเป็นขั้นบันไดหลังจากนี้ SCC TRUE TU IVL CPF BJC

 

Research Division
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส

เทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม, CISA
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 004132
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไต่เส้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองดูหุ้นไทยไต่เส้น แถว 1370 +/- แบบพยาบามฝ่าด่าน 1380 จุด โดยเช้านี้ พี่ DELTA..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้