Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KSS Daily Strategy

215

 


"Peaking Yield Play"

 

KSS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways Up" ต้าน 1380/1387 รับ 1365/1360จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯฟื้นตัวต่อเนื่อง ช่วงตลาดหุ้นไทยหยุด จากสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อสหรัฐฯชะลอลง เศรษฐกิจมีสัญญาณ "Soft Landing" จากการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐฯที่อ่อนตัวลง +1.75 แสนตำแหน่ง เป็นระดับใกล้เคียงแรงงานใหม่สหรัฐฯเข้าสู่ตลาด (2ล้านคนต่อปี) ชะลอลงจาก prev. ที่ +3.15 แสนตำแหน่ง, ค่าแรงเฉลี่ยราย ชม. +3.9%y-y ชะลอจาก prev. +4.1%y-y ผสาน ราคาน้ำมันผันผวนลดลง หนุน US Bond Yield อายุ 10ปี -10 bps หลุดแนวรับบริเวณ 4.58% คลายแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยง นำมาสู่ภาวะ Search for Yield ไปยังตลาดพันธบัตร+ตลาดหุ้นประเทศเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และ Valuation มีส่วนลด อาทิ จีน (PER24F อยู่ในระดับ - 1.0 S.D.) ฮ่องกง(PER24F – 1.5 S.D.) และ ไทย ที่มี PER24F – 1.0 S.D. มองหุ้นนำตลาด ได้แก่ กลุ่มได้ประโยชน์ Yield พีครอบนี้ (เช่าซื้อ ชิ้นส่วนฯ โรงไฟฟ้า หนี้สูง) กลุ่มอิงกำลังซื้อภายในที่สัญญาณฟื้น (กำไร 1Q24 ดี, เงินเฟ้อไทยพลิกบวกครั้งแรกใน 7เดือน) วันนี้แนะนำ CPAXT, GPSC, TRUE

 


Daily outlook: "Sideways Up" ต้าน 1380/1387 จุด รับ 1365/1360 จุด

What happened around the world ?

• (*/+) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐวันศุกร์ปรับขึ้นแรงเฉลี่ย 1.4% และเมื่อคืนปรับขึ้นต่อราว 1% รับตัวเลขแรงงานสหรัฐออกมาชะลอหนุนโอกาส Fed ลดดอกเบี้ย (Sector ส่วนใหญ่ปรับขึ้น นำโดยกลุ่ม IT, ICT ฯลฯ มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่ม Growth และ Tech ในไทยวันนี้ เน้น BE8, MTC

• (*) US Econ : 1.)ตัวเลขแรงงานออกมาชะลอ : Non farm payrolls เดือน เม.ย. อยู่ที่ 1.75 แสนรายต่ำกว่าคาดที่ 2.43 แสนรายและต่ำสุดในรอบ 6 เดือน การจ้างงานที่ลดลงหลัก คือกลุ่มก่อสร้าง กลุ่มรัฐบาล ส่วนกลุ่มที่เลิกจ้าง คือกลุ่ม Information -8 พันคน,ธุรกิจบริการ -4 พันคน ฯลฯ หนุนให้ Unemployment Rate(U-3) อยู่ที่ 3.86% จาก 3.83% ส่วน U-6 นับผู้ที่ว่างงานเป็นเวลานานและผู้ที่ทำงาน Part-time ทำระดับสูงสุดตั้งแต่ ธ.ค.2021 2.)ตัวเลข PMI ภาคบริการชะลอ สะท้อนผ่าน ISM Services เดือน เม.ย. ปรับลงต่ำคาดอยู่ที่ 49.4 จุดสะท้อน ความคิดเห็นของผู้ประกอบการส่วนใหญ่สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยรวม KCS ประเมินตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนตัวลงดังกล่าว MUFG คาดตัวเลขเศรษฐกิจงวด 2Q24 จะอ่อนตัวลงไวขึ้น เป็นภาพเศรษฐกิจ "Soft Landing" และ MUFG ยังคงคาดดอกเบี้ยจะลด 3-4 ครั้งปีนี้

• (*/+) US Interest rate : หลังตัวเลขแรงงานสหรัฐออกมาชะลอ ผสานการให้สัมภาษณ์ Fed ออกมาในโทน hawkish น้อยกว่าที่ตลาดคาดก่อนหน้า และยังยืนว่าการขึ้นดอกเบี้ยเป็นไปได้ยากมาก ทำให้ตลาดคาดโอกาสการลดดอกเบี้ยสหรัฐปีนี้อิง CME Fed Watch tools คือลด 2 ครั้ง (จากเดิม 1-2 ครั้ง) โอกาสการลดดอกเบี้ยครั้งแรก คือ รอบ ก.ย.24 และปรับลดอีกครั้ง รอบ ธ.ค.24 โดยอัตราดอกเบี้ยสิ้นปี 24 จะอยู่ที่ 4.75-5.0%

• (*) China : Caixin Services PM เดือน เม.ย. ชะลอตัวลงมาเล็กน้อย 52.5 จุด ตามตลาดคาด แต่จุดบวกคือ > 50 จุด เป็นเดือนที่ 16 เดือนติดต่อกัน KCS ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่เชื่อมโยงจีน อาทิ IVL, SCGP

• (*/+) Cocoa Price : ราคา Cocoa -35% จากจุดสูงสุด All Time High ที่ 12,261 เหรียญต่อตัน ล่าสุด ลงเหลือ 8,028 เหรียญต่อตัน ผลจากฝนตกหนักในประเทศผู้ผลิตหลักๆทั้ง IVOIRE, GHANA รวมกันคิดราว 70% ของการผลิตทั่วโลก มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่มี Cocoa เป็นต้นทุน อาทิ AU, OR ( AMAZON) PTG (กาแฟพันธุ์ไทย) , FORTH, FSMART (เต่าบิน)

• (*/+) APPLE Event : วันนี้ตามเวลาไทย 3 ทุ่มตรง งาน Apple Event loose บริษัทคาดจะมีการเปิดตัว iPad Pro และ iPad Air รุ่นใหม่ และ Magic Key board KCS ประเมินเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจตัวแทนขายอุปรกรณ์ Apple อาทิ COM7, JMART, SPVI, CPW แนะนำ trading

• (*) To monitors : ฝั่งสหรัฐ 7-8 พ.ค. ติดตามการให้ความเห็นคณะกรรมการ Fed ทั้งสิ้น 3 ท่าน ฝั่งอังกฤษ 9 พ.ค. การประชุม BOE คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25%

• (*) US Bond & Dollar : แนวโน้มระยะสั้นเป็นขาลงชัด อายุ 10 ปี อยู่ที่ 4.487% (ต่ำสุดตั้งแต่ 4 เม.ย.24) เช่นเดียวกับ 2 ปี อยู่ที่ 4.83% ขณะที่ Dollar Index แกว่งตัวออกข้าง 104.9+/- จุด

• (*/+) Oil : ราคาน้ำมันดิบระยะสั้นเป็นขาลง แม้ดมื่อคืนจะ rebound น้ำมันดิบ Brent +0.45%d-d ปิดที่ US$ 83.33/barrel น้ำมันดิบ West Texas +0.36%d-d ปิดที่ US$ 78.76/barrel หนุนจากข่าวอิสราเอลสั่งอพยพประชาชนออกจากเมือง Rafah ที่ หลังเจรจาหยุดยิงในกรุงไกโรติดขัด เนื่องจากฮามาสเรียกร้องให้หยุดยิงถาวร โดยอิสราเอลเตรียมโจมตี Rafah ที่มีนักรบฮาราว 5,000 คน จิตวิทยาบวกต่อหุ้นพลังงานต้นน้ำ PTTEP, PTT, TOP

 

What happened in Thailand ?.

• (+) SET: ตลาดหุ้นวานนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้น +6.67 จุด +0.49% ปิดเดือนที่ 1369.25 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP) ตามราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวหลังดิ่งแรงวันทำการก่อนหน้า กลุ่มชิ้นส่วนฯ (DELTA) มอง US Bond Yield ที่เริ่มปรับตัวลดลงแบบเร่ง อายุ 10ปี -5 bps สู่ 4.58% เป็นประเด็นหนุน กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (CPF, BTG) มองสลับพักตัว หนุนจากเงินบาทเริ่มเคลื่อนไหวในทางแข็งค่าขึ้น ตามระดับ US Bond Yield ที่อ่อนลง กลุ่มอสังหาฯ (LH, CPN) LH มองเป็นการขายลดความเสี่ยงกำไร 1Q24F อาจอ่อนตัวลักษณะเดียวกับกลุ่ม และความเสี่ยงที่อาจจะหลุดจากดัชนี MSCI

• (*) Flow : เงินทุนต่างประเทศไหลออก ขายหุ้น -40.7 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร +58 ล้านเหรียญฯ TFEX เปิดสถานะ Net Long +23,927 สัญญา เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย 36.76 +/- บาท

• (*/+) TH CPI: เงินเฟ้อ CPI ไทย เม.ย. 24 ปรับตัว +0.19%y-y, +0.85%m-m พลิกเป็นบวก y-y ครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน Core CPI เม.ย. 24 +0.37%y-y, +0.05%m-m ทั้งนี้ สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น และผลสภาพอากาศร้อนจัดที่ทำให้ราคาผักสด-ผลไม้ออกสู่ตลาดน้อยลง ขณะที่ พ.ค. 24 กระทรวงพาณิชย์คาดเงินเฟ้อจะปรับสู่ 1.0-1.5% หนุนจากฐานราคาค่าไฟ พ.ค. 23 ที่เป็นจุดต่ำสุดของปี, เงินบาทอ่อนค่า, ราคาสินค้าเกษตรยังสูงจากภาวะอากาศ ระดับเงินเฟ้อที่ดีขึ้น เรามองสะท้อนภาพกำลังซื้อในประเทศที่ทยอยปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน บวกต่อกลุ่มอิงกำลังซื้อภายใน เน้น CPALL, CPAXT, BJC, OSP, ICHI

• (*) TH Tourism: จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เม.ย. 24 อยู่ที่ 2.75 ล้านคน แม้ลดลง -7.6%m-m แต่ยังสูงระดับ 85.7% ของ Pre-COVID (เม.ย. 19) ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยว 1 ม.ค. – 30 เม.ย. อยู่ที่ 12.1 ล้านคน โดยรวมมองภาพนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 24F จะอยู่ราว 35.5-36 ล้านคน ซึ่งเป็นกรอบบนที่ Consensus ประเมิน ผสาน ระยะสั้นการเข้าสู่ช่วง Golden Week วันแรงงานนักท่องเที่ยวจีน ญี่ปุ่นช่วงวันแรงงาน คาดหุ้นอิงกลุ่มท่องเที่ยว+กลุ่มอิงกำลังซื้อในประเทศที่ได้ประโยชน์ท่องเที่ยวที่ดี เน้น AOT, MINT, CPALL, CPAXT, BJC, OSP, ICHI

• (*/+) SET 1Q24 Earnings : รายงานผลประกอบการงบ 1Q24 วานนี้ จำนวนบริษัทที่รายงานกำไรแล้วอยู่ที่ 32 แห่ง หุ้นที่มีคาดการณ์กำไรกำไรดีกว่าคาด +3.2% -7.8%y-y ในกลุ่มหุ้นที่รายงานกำไรล่าสุด สรุปได้ดังนี้ กลุ่มที่ดีกว่าตลาดคาด คือ - ที่ใกล้เคียงตลาดคาด คือ - ขณะที่กลุ่มที่ต่ำกว่าตลาดคาด คือ TRUE (ขาดทุนเพิ่มขึ้น y-y แต่ลดลง q-q ขณะที่หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรปกติดีกว่าคาด) กลุ่มที่ไม่มีคาดและดูเด่น คือ TFM ( พลิกกำไร y-y, กำไรเพิ่มขึ้นมาก 7 เท่าตัว q-q)

ส่วนวันนี้ติดตามรายงานกำไร 1Q24 ของ IRPC (ไม่มีคาดการณ์ตลาด ส่วนเราคาด พลิกกำไร y-y, q-q) SPRC (ไม่มีคาดการณ์ตลาด ส่วนเราคาด พลิกกำไรสูง y-y, q-q), THCOM (ตลาดคาด 71.5%y-y, -5%q-q), DOHOME (ตลาดคาด -8%y-y, 21%q-q), INSET (ไม่มีคาดการณ์ตลาด ส่วนเราคาด -24%y-y, +103%q-q), MTC (ตลาดคาด 26.5%y-y, 0.2%q-q), TIDLOR (ตลาดคาด 5.5%y-y, 11.8%q-q)

 

Daily Strategy : CPAXT, GPSC, TRUE เด่น

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways Up" มอง US Bond Yield อายุ 10ปี ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องรวม -10 bps ช่วงไทยหยุดยาว จากตัวเลขภาคแรงงานที่อ่อนตัวลง จะช่วยคลายแรงกดดันสินทรัพย์เสี่ยงรวม ขณะที่คาดเริ่มนำมาสู่ภาพ Search for Yield มองมีโอกาสเห็น Flow เป็นภาพหนุน SET ซึ่งเริ่มมีภาพบวกกำไร 1Q24F ส่งสัญญาณฟื้นตัว q-q ผ่านจุดต่ำสุดได้ในระยะถัดไป มองหุ้นนำวันนี้ 1) กลุ่มที่ภาพ Yield พีคหนุน อาทิ เช่าซื้อ ชิ้นส่วนฯ โรงไฟฟ้า เน้น GPSC หนี้สูง เน้น MINT, TRUE 2) กลุ่มอิงกำลังซื้อภายในที่สัญญาณฟื้น (กำไร 1Q24 ดี, เงินเฟ้อไทยพลิกบวกครั้งแรกใน 7เดือน) เน้น CPALL, CPAXT, BJC

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด + เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวหนุนอุตสาหกรรมทยอยเข้าสู่ Upgrade Cycle (IVL, HANA, SSCGP, GLOBAL, DOHOME)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว ฤดูร้อน (CPALL, CPAXT, BJC, OSP, ICHI, ILM, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BE8, WARRIX, MTC)
กลุ่มที่คาดกำไร 1Q24F จะดี / กลุ่มที่รายงานแล้วคาดกำไรมีโมเมนตัมบวกต่อ (AOT, ADVANC, CPALL, CPAXT, ICHI, OSP, BGRIM, OR, GFC)
กลุ่มได้ประโยชน์ Microsoft ลงทุน Data Center ในไทย (ADVANC, TRUE, INSET, WHA, BE8)

• MAY24 Best Picks: MINT, CPALL, MTC, IVL, ICHI, BJC, OSP

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : War Tension

Fact : สถานการณ์ความตึงเครียดตะวันออกกลางผันผวนสูงในช่วงเดือน เม.ย.2024 KCS ประเมินสถานการณ์สงครามเป็น 3 Scenario

1.) Worst Case(ให้น้ำหนัก 10%): สงครามรุนแรงและขยายวงกว้างกลายเป็นสงครามในภูมิภาค (ประเทศพันธมิตรของทั้ง 2 ฝั่งเข้าร่วมรบ) ประเมินราคาน้ำมันดิบทะลุ 100 เหรียญฯ มอง SET Index มีโอกาสปรับฐาน โซนแนวรับสำคัญ 1210 จุด(ใกล้ Low ปี 2557 และ อิง PER 2024F 13เท่า ลดลงจากปัจจุบันไปอีก -1.5X) กลยุทธ์แนะหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันขึ้น PTTEP, PTT, TOP, SPRC เน้น PTTEP, TOP

2.)Base Case (ให้น้ำหนัก 60%) : สงครามยืดเยื้อแต่ไม่รุนแรง, ไม่ขยายวงกว้าง ประเมินราคาน้ำมันดิบจะค่อยๆแกว่งตัวลง วางแนวต้านของน้ำมันที่ 92 เหรียญฯ มองแนวรับ 85/80 เหรียญ SET ประเมินจะแกว่งตัวออกข้าง แนวรับโซน 1340-1300+- น่าจะประคองอยู่ (อิง PER 14.3-14X ซึ่งเป็นกรอบ ERP เกือบแตะ +1SD หรือ 3.7-4% สะท้อน Value Zone ที่น่าลงทุนกลางยาวมากๆ ถูกสุดตั้งแต่ Covid 2019) ส่วนแนวต้านสั้น 1365/1380จุด จนกว่าสถานการณ์จะคลาย Upside จะกว้างขึ้น ️กลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นอิงบริโภคและบริการ เน้น BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP

3.)Best Case(ให้น้ำหนัก 30%) : สงครามจบไว ไม่ขยายวงกว้าง ประเมินราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลง ต่ำ 83.6 เหรียญฯ SET Index มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นเหนือแนวต้าน 1400 จุด ได้ไว ใน 1 สัปดาห์ กลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นที่ลงแรงและพื้นฐานดี ได้ประโยชน์น้ำมันลงเน้น BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP AAV,HANA, MTC

 

• Strategy Update : SET50/100 2H24 Second update

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงเกณฑ์สภาพคล่องเพื่อคัดเลือกหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 (เปิดรับฟังช่วงระหว่าง 11-26 เม.ย.) เพื่อให้ดัชนีสะท้อนการเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์และมีผลตอบแทนตามวัตถุประสงค์ของการจัดทำดัชนี และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำการเปลี่ยนจากการกำหนดค่าเริ่มต้นของสภาพคล่อง จากเดิม (Trading Value 50%, Turnover Ratio 2%) และปรับลดระดับลงมาเพื่อให้ได้หุ้นครบจำนวน 105 หุ้น เป็น การใช้เกณฑ์ขั้นต่ำ (Trading Value ไม่น้อยกว่า 25%, Turnover Ratio ไม่น้อยกว่า 1%) ซึ่งผลลัพธ์ของหุ้น SET50-100 ย้อนหลัง 10ปี ไม่ต่างจากเดิมมากนัก ทำให้ KCS คาดว่ามีโอกาสสูงที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำเกณฑ์ดังกล่าวมาใช้ในการคัดเลือกหุ้นเข้าและออกดัชนี SET50-SET100 ในรอบ 2H24 นี้ทันที ดังนั้นเราจึงจัดทำคาดการณ์รายชื่อหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 2H24 อีกครั้ง ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ก.ค. 2024 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 พ.ค. 2023 – 17 เม.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 6 สัปดาห์) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงสูงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในบางส่วนในชุดหุ้น SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

 

➕ หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)

 

➖หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)

➕หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS

➖ หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN

กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดย เราชอบ BJC, BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA

 

• Strategy Update : Summer Play

Fact : กรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนในปี 2024 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 เดือน ก.พ. 24 โดยคาดหมายว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติและปี 2023 ราว 1 องศา ทีมกลยุทธ์ KCS ประเมินเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มโรงแรม

Key Ideas : อิงผลการศึกษา 8 ปีย้อนหลัง หากซื้อก่อนเข้าสู่หน้าร้อน 1 เดือน หุ้นกลุ่มโรงแรม เครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก มักให้ผลตอบแทนเด่น เฉลี่ย +2.5% +2.2% และ +1.6% vs SET +0.5%

ทั้งนี้ หากซื้อวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายหลังจากนั้น 1 เดือน หุ้นโรงแรม เครื่องดื่ม และค้าปลีกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเด่น +3.5% +3.9% และ 1.9% vs SET +1.5%

Strategy : การลงทุนที่ดีที่สุดในการลงทุนก่อนเข้าสู่หน้าร้อน คือ แนะนำซื้อหุ้นในธีม Summer Play ก่อน 1 เดือน และถือจนเข้าสู่หน้าร้อน คาดจะได้รับผลตอบแทนเป็นบวกสูงที่สุด โดยอิงภาพทางพื้นฐานปี 2024F ประกอบ เราแนะนำ เครื่องดื่ม เน้น ICHI ค้าปลีก เน้น CPALL CPAXT ท่องเที่ยว+โรงแรม เน้น AOT AAV MINT

 

• Strategy Update: Dividend Plays

Fact : ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค.2024 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2023 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KCS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2023F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H23F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KCS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 2.0% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1-2 เดือนแรกของปี ใน "Theme 2H23F Dividend Play"

Key Ideas:

KCS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.97%, เดือน ก.พ. บวก 8 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.91%
SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ใน 10 ปี เฉลี่ย +1.47%)
Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ KCS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น 2H23F ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ 1) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล 2023F/2H23F สูงกว่า 2% 2) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโตหรือกระแสเงินสดมั่นคง หรืออยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KCS ปี 2024 อาทิ Theme ดอกเบี้ยผ่านจุดพีคไปแล้ว กลุ่มหุ้นที่หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2024F ฟื้นตัวมากกว่าศักยภาพ 3.0% ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ พบว่ามีหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัท คือ

 

หุ้น Big Cap ได้แก่ AP(TP-15.5,Yield 2H23F-5.7%) LH(TP-9.5,Yield 2H23F-4.9%) SAWAD (TP-53,Yield 2H23F-4.3%) TIDLOR(TP-30,Yield 2H23F-2.8%) WHA(TP-6.4,Yield 2H23F-2.4%)INTUCH(TP-85, Yield 2H23F-2.4%) ADVANC(TP-264, Yield 2H23F-2.0%)

 

หุ้น Mid Cap ได้แก่ MC(TP-16,Yield 2H23F-6.3%) NER(TP Con-6.1,Yield 2H23F-4.5%) SC (TP-4.5, 2H23F-4.34%) SIRI(TP-2.2,Yield 2H23F-3.8%)

 

โดยทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปั พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ TIDLOR +5.4%, ADVANC +3.7%, INTUCH +2.2%, ส่วน WHA, AP,SIRI, MC, NER ผลตอบแทนอยู่ในช่วง + 1.2 -1.5% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายๆครั้งนักลงทุนจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

 

• TRUE (Buy, TP*10.3): Concern of loss in 1Q24 capped the shar price over past few months will unlock from surprise announcement of the first-ever core profit of 767m in 1Q24. Lower SG&A expense from synergy benefit and subsided competition caused the surprise. Since our view is benign competition going forward, the lower SG&A expense looks sustained. Hence, we revised up earnings in 2024-25 by 70%. TRUE is buy on turnaround theme with higher TP Bt10.3 from Bt9.3.

• Soft Commodity (Neutral): • สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาถั่วเหลืองเพิ่มขึ้น +0.40%w-w เพราะภาวะน้ำท่วมในบราซิลทำให้ผลผลิตถั่วเหลืองเสียหายและแนวโน้มความต้องการในสหรัฐเพิ่มขึ้น ราคายางพาราเพิ่มขึ้น +0.13%w-w เพราะการยางแห่งประเทศไทยเริ่มเปิดประมูลยางตามมาตรฐาน EUDR ซึ่งเป็นราคาสูงกว่าราคายางปกติ อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันปาล์มลด -1.84%w-w เพราะรายงานตัวเลขส่งออกน้ำมันปาล์มมาเลเซียเดือนเมย.ลดลง m-m ราคาน้ำตาลลดลง -0.22%w-w เพราะบริษัทวิจัย Conab คาดผลผลิตน้ำตาลบราซิลปี 24/25 จะเพิ่ม 1.3% จากการเพิ่มพื้นที่ปลูกอ้อย +4% ชดเชยกับผลผลิตต่อไร่ลดลง

• อุตสาหกรรมเนื้อสัตว์ ราคาไก่ทรงตัวที่ 43.50 บาท(ต้นทุน 37-38 บาท) ราคาสุกร +1.71% มาที่ 71.5 บาท (ต้นทุน 72-75 บาท) เพราะอากาศร้อนสุกรโตช้า ราคาสุกรเวียดนาม -0.27% มาที่ 61,666 ดองหรือ 86.3 บาท เพราะการบริโภคลดลง ราคาสุกรจีน -0.27% มาที่ 14.98 หยวนหรือ 74.9 บาท เพราะผู้บริโภคมีสต๊อกเนื้อหมูเพียงพอ จึงชะลอการซื้อ

• คาดวันประกาศงบ 8 พค (TU) 9 พค (GFPT NER STA) 13 พค (CPF)

คาดวันประชุมนักวิเคราะห์ 9 พค (TU GFPT) 10 พค (NER) 14 พค (CPF) 28 พค (STA)

เราให้น้ำหนักกลุ่มฯ NEUTRAL เราให้ Top pick = TU (TP 17.5) เพราะแนวโน้มการเติบโตของทูน่ากระป๋อง และต้นทุนทูน่าลดลง GFPT (TP 13.4) แนวโน้มการส่งออกไก่ฟื้นตัว และราคาไก่เพิ่มขึ้น ต้นทุนอาหารสัตว์ลดลง

 


2Q24F Equity Outlook : Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery

· Stock Best Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU

· Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไต่เส้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองดูหุ้นไทยไต่เส้น แถว 1370 +/- แบบพยาบามฝ่าด่าน 1380 จุด โดยเช้านี้ พี่ DELTA..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้