Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KCS Daily Strategy

148


"Technology Play"

 

KCS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways Up" ต้าน 1377/1380 จุด รับ 1363/1355 จุด ผลประชุม Fed ล่าสุดเป็นโทน Neutral ถึง Dovish อ่อนๆ สอดคล้องกับ MUFG คาด โดย FED คงดอกเบี้ยที่ 5.25-5.5% และรอพัฒนาการด้านเงินเฟ้อเพิ่มเติม แต่งปิดโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น รวมถึงให้มุมมองว่าความเสี่ยงโอกาสเกิด "Stagflation" ที่ตลาดกังวลมีน้อย แต่ปัจจัยชี้นำเศรษฐกิจสะท้อน "Soft Landing" มากกว่า ขณะที่ประกาศทำ QT Tapering เริ่ม มิย 2024 โดยลด QT เหลือ 6หมื่นล้านเหรียญฯ(เดิม 9.5หมื่นล้านเหรียญฯ) ลดแรงกดดันต่อ US Bond Yield ในระยะถัดจะค่อยๆลดลง ภาวะ Search for Yield น่าจะหนุน Fund Flow น่าเข้าสู่ตลาดพันธบัตรที่ Yield พีคไปแล้ว และหุ้น Asia ที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ทำให้ SET ที่ Forward PER24F 14.3X+/- อยู่ในระดับ –1.0 S.D. และงบ 1Q24 ออกมาเชิงบวก(ADVANC รายงานล่าสุด ดีกว่าคาด 24%) และสัญญาณ FDI เร่งตัว หลัง Microsoft ประกาศลงทุน Data Center ในไทย เป็น S-curve ใหม่ มองหุ้นเด่น 1) กลุ่มเกาะกระแส Microsoft 2) กลุ่มที่ภาพ Yield พีคหนุน 3) กลุ่มอิงภาคบริการกำลังซื้อภายใน วันนี้แนะนำ  ADVANC, TRUE, INSET เด่น

 Daily outlook: "Sideways Up" ต้าน 1377/1380 จุด รับ 1363/1355 จุด

What happened around the world ?

•(*/+) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐแกว่งตัว  Dow Jones +0.23%, S&P500 -0.34% Nasdaq +0.06% โดย Sector ในดัชนี S&P500 กลุ่มที่ Outperform คือ Utillities, Communication Services และ Materials ส่วนกลุ่มที่ Underperform ได้แก่ Energy, ICT และ Consumer Staples  หุ้นที่เคลื่อนไหวเด่น อาทิ  AMZN +2.29% รับผลประกอบการที่ดีกว่าคาดมาก หุ้นที่ปรับลงแรงนำโดบ Starbucks -15.88%, NVIDIA -3.89%, Micron Technology -2.89%

•  (*) US Earning : บริษัทจดทะเบียนสหรัฐรายงานงบ 1Q24 ออกมารวม 338 บริษัทจาก 500 บริษัท (+99  บริษัท)  กำไรออกที่ออกมาดีกว่าคาด Positive Surprise 9.25% และโต 5.11%y-y (หุ้นที่งบดีกว่าคาด คือ  Alphabet, AMD, EBAY, MGM)

• (*/+) FOMC Meeting: ผลประชุม Fed ล่าสุดดราประเมินเป็นโทน Neutral ถึง Dovish อ่อนๆ กล่าวคือ ที่ประชุม FOMC มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในกรอบ 5.25 – 5.5% ตามเราและตลาดคาด โดยคุณ Jerome Powell แถลงหลังการประชุมว่ายังเห็นแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังมีอยู่สูง ทำให้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ตามได้ให้ความเห็นประกอบด้วยว่าจะยังไม่มีการพิจารณาถึงการปรับดอกเบี้ยขึ้นจากระดับปัจจุบันในระยะสั้นเช่นกัน และยังไม่เห็นความเสี่ยงภาวะ "Stagflation" ทำให้ลดความกังวลใน 2 เรื่องของตลาดระยะสั้น-กลางออกไป นอกจากนี้ FOMC ได้ตัดสินใจเริ่มลดมูลค่าของการออกพันธบัตรเพื่อดึงสภาพคล่องออกจากระบบจากระดับปัจจุบันเดือนละ 9.5หมื่นล้านเหรียญ ลงสู่ 6 หมื่นล้านเหรียญ โดยจะเริ่มในเดือน มิ.ย. นี้

•  (*/-) US Econ: สัญญาณเศรษฐกิจสหรัฐฯ เม.ย. 24 ส่วนใหญอ่อนตัวลง 1) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Conf Board) อยู่ที่ 97.0 จุด ต่ำกว่าคาด ปรับตัวลงจาก prev. ที่ 103 จุด ขณะที่เป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ ส.ค. 22  2) PMI ภาคผลิต เม.ย. 24 (ISM) อยู่ที่ 49.2 จุด อ่อนตัวลงจาก prev. ที่ 50.3 จุด  3) ยอดจ้างงานนอก-คเกษตร (ADP) เม.ย. 24 อยู่ที่ +1.92 แสนตำแหน่ง สูงกว่าคาดเล็กน้อย แต่อ่อนตัวลงจาก prev. ที่ 2.08 แสนตำแหน่ง

•(*/+) EU GDP: GDP ยูโรโซน งวด 1Q24 (รายงานครั้งแรก) ขยายตัว +0.4%y-y ดีกว่าคาด และเร่งขึ้นจากงวด 4Q23 ที่ +0.1%y-y ผสาน ภาพช่วงถัดไป คาดเร่งขึ้นได้ต่อ ทั้งจากอานิสงส์การฟื้นตัวเศรษฐกิจจีนที่เริ่มมีความต่อเนื่อง และกลางปีที่จะมีการจัดงานโอลิมปิคที่ฝรั่งเศส และฟุตบอลยูโรที่เยอรมัน มองบวกต่อหุ้นที่มีฐานรายได้ในยุโรป อาทิ MINT (50% ของรายได้), SHR (40% ของรายได้), IVL (22% ของรายได้), CRC (6% ของรายได้) และ PTTGC (6% ของรายได้) เน้น MINT

•(+) China Econ: PMI จีน เม.ย. 24 อยู่ในระดับขยายตัวต่อเนื่อง (>50 จุด) PMI ภาคผลิตเดือน เม.ย. ระดับ 50.4 จุด ขยายตัวดีกว่าคาดที่ระดับ 50.3 จุด โดยชะลอลงจากเดือนก่อนเล็กน้อย ขณะที่ PMI ภาคบริการอยู่ที่ระดับ 51.2 จุด ยังขยายตัว ชะลอลงจากเดือนก่อนที่ระดับ 53.0 จุด นอกจากนี้สำนัก Caixin รายงานดัชนี PMI ภาคผลิต เดือน เม.ย. (สำรวจธุรกิจขนาดกลางเล็ก) ออกมาอยู่ที่ระดับ 51.4 จุด สูงกว่าคาดที่ระดับ 51.0 จุด และสูงกว่างวดก่อนที่ระดับ 51.1 จุด มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิงจีน เน้น SCGP และ IVL

•(+) S.Korea Export: ยอดส่งออก เม.ย. 24 เกาหลีใต้ เติบโต +13.8%y-y ดีกว่าคาเล็กน้อย เร่งขึ้นจาก prev. +3.1%y-y ทั้งนี้ เรามองเป็นสัญญาณชี้นำทางบวกต่อโอกาสเห็นยอดส่งออกไทยระยะถัดไปเช่นกัน และจิตวิทยาบวกต่อหุ้นส่งออกชิ้นส่วนฯ เน้น HANA, KCE

•(*) To monitor :  ฝั่งสหรัฐติดตาม 3 พ.ค. การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน เม.ย. คาด 2.5 แสนตำแหน่ง vs prev. 3.03 แสนตำแหน่ง และอัตราว่างงาน ตลาดคาด 3.8% ทรงตัว

•  (*) US Bond & Dollar :  US Bond เป็นภาพแกว่งตัวลงวานนี้ หลังปรับขึ้นก่อนผลการประชุม FOMC โดยอายุ 10 ปี -4 bps ปิดที่ 4.63% เช่นเดียวกับ 2 ปีแกว่งลงและยังติดแนวต้าน 5% อยู่ที่ 4.96% มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มการเงิน เน้น MTC กลุ่มโรงไฟฟ้า เน้น GULF, GPSC  กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์เน้นตั้งรับ HANA  ขณะที่ Dollar Index แกว่งตัวอ่อนค่า 105.5+/- จุด

•(*/-) Oil : น้ำมันดิบ Brent -3.35%d-d ปิดที่ US$ 83.44/barrel น้ำมันดิบ West Texas  -3.58%d-d ปิดที่ US$ 79.06/barrel หลังจากสต๊อคน้ำมันดิบสหรัฐฯ ออกมาสูงกว่าคาดมาก สะท้อนอุปสงค์อ่อนแอ จิตวิทยาลบต่อกลุ่มพลังงานต้นน้ำ อาทิ PTTEP, PTT


What happened in Thailand ?.
•  (+) SET: ตลาดหุ้นวันทำการสุดท้ายเดือน เม.ย. ปรับตัวขึ้น +5.98 จุด  +0.44% ปิดเดือนที่ 1367.95 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มค้าปลีก (CPALL, CPAXT, CRC, HMPRO) จากสัญญาณการบริโภคภายในที่จะดีขึ้นเป็นลำดับ โดยมีพัฒนาการล่าสุด คือ งบประมาณปี 2024 ที่มีผลบังคับใช้เข้ามาช่วยเสริม กลุ่มอาหาร/เครื่องดื่ม (CPF, CBG, BTG) ตามภาพราคาเนื้อสัตว์ที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ส่วนเครื่องดื่มมองแรงหนุนฤดูร้อนที่ร้อนจัดจนทำลายสถิติความร้อนต่อเนื่อง กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มสื่อสาร (TRUE) มองลดสถานะหุ้นที่ Outperform ปีนี้ออกไปยังกลุ่มที่ยัง Underperform กว่าและเริ่มมีปัจจัยเร่ง ผสาน ลดความเสี่ยงก่อนรายงานกำไร 1Q24F เริ่มจาก ADVANC ช่วงเย็น กลุ่มปิโตรเคมี (PTTGC)

• (+) Flow : เงินทุนต่างประเทศเป็นภาพไหลเข้า ซื้อหุ้น +26.3 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร +122.6 ล้านเหรียญฯ TFEX เปิดสถานะ Net Long 7,867 สัญญา ค่าเงินบาททรงตัว 37 +/- บาท

• (+) Microsoft x Thailand: ในงาน "AI Day" ที่จัดขึ้นโดย Microsoft วานนี้ ประธานกรรมการบริหารและ CEO ของ Microsoft  ประกาศตั้ง Data Center แห่งแรกในประเทศไทย โดยจะขยายธุรกิจ Hyperscale Data Center และบริการ AI ซึ่งจะแผนจะเสริมทักษะด้าน AI กว่า 100,000 คน

เรามองบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่จะมีแรงหนุน FDI ระยะกลาง-ยาว เพราะโดยปกติการลงทุน Data Center มักต่อเนื่องยาวนานหลายเฟส และหุ้นในหลากหลายกลุ่ม 1) อุตสาหกรรมนิคม เน้น WHA 2) โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (ตามนโยบาย Microsoft เน้นใช้พลังงานสะอาดสำหรับ Data Center) เน้น GULF 3) ผู้ให้บริการมือถือที่มีความพร้อมเป็น Partner ช่วย Microsoft ในการขยายธุรกิจในไทย เน้น ADVANC 4) ผู้รับเหมางาน Data Center เน้น INSET 5) ผู้ให้บริการ Digital Tech ที่กระแส Digital Transformation จะเร่ง และปัญหาบุคลากรระยะกลาง-ยาวจะดีขึ้น เน้น BE8  

• (*/+) TH Tourism: นักท่องเที่ยวสัปดาห์ล่าสุด 22-28 เม.ย. เป็นบวกอยู่ที่ 6.5 แสนคน +13.9% นักท่องเที่ยวเด่น คือ จีนอยู่ที่ 1.47 แสนคน +23%w-w สูงกว่าค่าเฉลี่ยรายสัปดาห์ไม่รวม Week ตรุษจีน YTD ที่ 1.28 แสนคน ภาพรวมเป็นการกลับมาเร่งขึ้นอีกรอบหลังอ่อนตัวช่วงสงกรานต์ และคาดเร่งขึ้นต่อสัปดาห์หน้าที่เป็นช่วง Golden Week นักท่องเที่ยวเอเชียตะวันออก โดยรวมนักท่องเที่ยว 1-27 เม.ย. สูง 2.57 ล้านคน มองทั้งเดือน 2.8 +/- ล้านคน เท่ากับ 88% ของ Pre-COVID นักท่องเที่ยว 2024YTD อยู่ที่ 11.9 ล้านคน มอง 4M24 > 12 ล้านคน หนุนทั้งปีเดินหน้าสู่ 36 +/- ล้านคน เชิงกลยุทธ์ นักท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวเร็ว หลังอ่อนตัวจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ ผสาน ภาพสัปดาห์หน้าเร่งขึ้นและทั้งปียังอยู่ในเกณฑ์ดีมาก เรามองเป็นบวกต่อ SET และหนุนหุ้นกลุ่มอิงภาคบริการ/บริโภค เน้น AOT, MINT, CPALL, CPAXT, OSP, ICHI

• (*) Minimum Wage:  รมว.แรงงาน เผย ข่าวดีรัฐบาลเตรียมประกาศปรับค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวันทุกอาชีพทั่วประเทศ 1 ต.ค. นี้ หวังผลักดันไปสู่ค่าจ้างขั้นต่ำ 600 บาทในปี 2027 ทั้งนี้ KCS ประเมินค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นทุก 10% จากฐานปัจจุบันที่ 328-354 บาท จะมีผลต่อ 1) เงินเฟ้อทั่วไปราว +0.2 pp  2) กำไรตลาดจะอยู่ราว -3% ถึง -4%  โดยไม่รวมผลบวกอำนาจซื้อที่เพิ่มขึ้น

จิตวิทยาลบกลุ่มที่มีสัดส่วนค่าแรงต่อต้นทุนสูงๆ อาทิ รับเหมา สถานีบริการน้ำมัน ร้านอาหาร โรงแรม 3) กลุ่มที่กระทบสูง คือ รับเหมาฯ ร้านอาหาร สถานีบริการน้ำมัน โรงแรม และอสังหาริมทรัพย์ จะกระทบกำไร -6.2%, -5.1%, -3.2%, -2.9% และ -1.9%  ส่วนกลุ่มที่มีโอกาสได้ประโยชน์ทางบวก มองกลุ่มค้าปลีก เน้นกลุ่มฐานราก CPALL, CPAXT, DOHOME, GLOBAL กลุ่มเช่าซื้อ กลุ่มติดตามหนี้ และกลุ่มเครื่องดื่มชูกำลัง OSP

• (*/+) SET 1Q24 Earnings  : รายงานผลประกอบการงบ 1Q24  วานนี้ จำนวนบริษัทที่รายงานกำไรแล้วอยู่ที่ 28 แห่ง หุ้นที่มีคาดการณ์กำไรกำไรดีกว่าคาด +3.3% -7.1%y-y ในกลุ่มหุ้นที่รายงานกำไรล่าสุด สรุปได้ดังนี้ กลุ่มที่สูงกว่าตลาดคาด คือ ADVANC (+25%y-y, +21%q-q),  กลุ่มที่ใกล้เคียงตลาดคาด คือ HMPRO (+6%y-y, +2%q-q) ขณะที่กลุ่มที่ต่ำกว่าตลาดคาด คือ -

ส่วนวันนี้ติดตามรายงานกำไร 1Q24 ของ ITC (ตลาดคาด +72%y-y, -4.9%q-q)

 
Daily Strategy :  ADVANC, TRUE, INSET เด่น
ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways Up" มองผลประชุม Fed ที่เป็นภาพ Neutral – Dovish อ่อนๆ จะหนุน US Bond Yield 10 ปีที่น่าจะผ่านจุดพีคกรอบ 4.7-4.8% ไปแล้ว หนุนภาวะลงทุน Search for Yield กลับมา โดยไทยมีแรงขับเคลื่อนมากขึ้น กำไร 1Q24 ที่ทยอยรายงานเป็นกลาง-บวก และสะท้อนภาพการผ่านจุดต่ำสุด 4Q23 ไปแล้ว และยังมีแรงขับเคลื่อนเพิ่มเติมจากงบประมาณเดินหน้า ภาคบริการ บริโภคยังมีโมเมนตัมทางบวก และการประกาศลงทุน Microsoft จะเสริมภาพ New S-Curve ระยะกลาง-ยาว 1) กลุ่มเกาะกระแส Microsoft นิคม เน้น WHA Green Energy เน้น GULF สื่อสาร เน้น ADVANC ผู้รับเหมา ICT เน้น INSET กลุ่ม Digital Tech เน้น BE8 2) กลุ่มที่ภาพ Yield พีคหนุน อาทิ เช่าซื้อ โรงไฟฟ้า เน้น GPSC หนี้สูง เน้น MINT 3) กลุ่มอิงภาคบริการกำลังซื้อภายใน,ได้ประโยชน์ฤดูร้อนจัด เน้น AOT, MINT, CPALL, CPAXT, BJC, OSP

     หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด (IVL, PTTGC, SJWD, MENA, WICE, PTT)
    หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว (CPALL, CPAXT, BJC, OSP, ICHI, ILM, AOT, AAV, MINT)
    กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC,  CPALL, TRUE, MINT,  BE8, WARRIX, MTC)
    กลุ่ม Dividend Plays (AP, MC, SC, SIRI)
    กลุ่มได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ฤดูร้อน (ICHI, OSP, CPALL, CPAXT, AOT, AAV, MINT)
    กลุ่มที่คาดกำไร 1Q24F จะดี (AOT, CPALL, CPAXT, ICHI, OSP, BGRIM, OR, GFC)

 
• MAY24 Best Picks: MINT, CPALL, MTC, IVL, ICHI, BJC, OSP
• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

Tactical & Investment Idea
 • Strategy Update : War Tension

Fact  : สถานการณ์ความตึงเครียดตะวันออกกลางผันผวนสูงในช่วงเดือน เม.ย.2024  KCS ประเมินสถานการณ์สงครามเป็น  3 Scenario
1.)  Worst Case(ให้น้ำหนัก 10%): สงครามรุนแรงและขยายวงกว้างกลายเป็นสงครามในภูมิภาค (ประเทศพันธมิตรของทั้ง 2 ฝั่งเข้าร่วมรบ) ประเมินราคาน้ำมันดิบทะลุ 100 เหรียญฯ มอง SET Index มีโอกาสปรับฐาน โซนแนวรับสำคัญ 1210 จุด(ใกล้ Low ปี 2557 และ อิง PER 2024F 13เท่า ลดลงจากปัจจุบันไปอีก -1.5X) 〽️กลยุทธ์แนะหุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันขึ้น PTTEP, PTT, TOP, SPRC เน้น PTTEP,  TOP

2.)Base Case (ให้น้ำหนัก 60%) : สงครามยืดเยื้อแต่ไม่รุนแรง, ไม่ขยายวงกว้าง ประเมินราคาน้ำมันดิบจะค่อยๆแกว่งตัวลง วางแนวต้านของน้ำมันที่ 92 เหรียญฯ มองแนวรับ 85/80 เหรียญ   SET ประเมินจะแกว่งตัวออกข้าง แนวรับโซน 1340-1300+- น่าจะประคองอยู่ (อิง PER 14.3-14X ซึ่งเป็นกรอบ ERP เกือบแตะ +1SD หรือ 3.7-4% สะท้อน Value Zone ที่น่าลงทุนกลางยาวมากๆ ถูกสุดตั้งแต่ Covid 2019)  ส่วนแนวต้านสั้น 1365/1380จุด จนกว่าสถานการณ์จะคลาย Upside จะกว้างขึ้น    〽️กลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นอิงบริโภคและบริการ เน้น BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP

3.)Best Case(ให้น้ำหนัก 30%)  : สงครามจบไว ไม่ขยายวงกว้าง ประเมินราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับลง ต่ำ 83.6 เหรียญฯ SET Index  มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นเหนือแนวต้าน 1400 จุด ได้ไว ใน 1 สัปดาห์  〽️กลยุทธ์แนะลงทุนหุ้นที่ลงแรงและพื้นฐานดี ได้ประโยชน์น้ำมันลงเน้น  BJC, ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, OSP, GPSC, IVL, SCGP  AAV,HANA, MTC
 
• Strategy Update : SET50/100 2H24 Second update
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงเกณฑ์สภาพคล่องเพื่อคัดเลือกหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 (เปิดรับฟังช่วงระหว่าง 11-26 เม.ย.) เพื่อให้ดัชนีสะท้อนการเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์และมีผลตอบแทนตามวัตถุประสงค์ของการจัดทำดัชนี และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะทำการเปลี่ยนจากการกำหนดค่าเริ่มต้นของสภาพคล่อง  จากเดิม (Trading Value 50%, Turnover Ratio 2%) และปรับลดระดับลงมาเพื่อให้ได้หุ้นครบจำนวน 105 หุ้น เป็น การใช้เกณฑ์ขั้นต่ำ (Trading Value ไม่น้อยกว่า 25%, Turnover Ratio ไม่น้อยกว่า 1%) ซึ่งผลลัพธ์ของหุ้น SET50-100 ย้อนหลัง 10ปี ไม่ต่างจากเดิมมากนัก ทำให้ KCS คาดว่ามีโอกาสสูงที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะนำเกณฑ์ดังกล่าวมาใช้ในการคัดเลือกหุ้นเข้าและออกดัชนี SET50-SET100 ในรอบ 2H24 นี้ทันที ดังนั้นเราจึงจัดทำคาดการณ์รายชื่อหุ้นเข้า/ออก SET50-SET100 สำหรับรอบ 2H24 อีกครั้ง ก่อนที่ตลาดจะประกาศการคัดเลือกหุ้นเข้าออกรอบนี้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย. 2024 และมีผลเริ่มใช้ 1 ก.ค. 2024 โดยสำหรับผลการคำนวนในรอบนี้ใช้ข้อมูลตั้งแต่ 1 พ.ค. 2023 – 17 เม.ย. 2024 (ยังเหลือข้อมูลราว 6 สัปดาห์) ผลของการคาดการณ์น่าจะมีความใกล้เคียงสูงในส่วนของ SET50 แต่อาจคาดเคลื่อนในบางส่วนในชุดหุ้น SET100 ซึ่งคาดว่าบทวิเคราะห์ฉบับนี้จะช่วยให้นักลงทุนเตรียมตัวสำหรับการลงทุนในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้าได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

 + หุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 รอบนี้มี 4 บริษัท คือ BJC (โอกาสเข้า 100% กรณีปรับเกณ์), BCP (โอกาสเข้า 90%), TIDLOR (โอกาสเข้า 90%) และ ITC (โอกาสเข้า 70%)

- หุ้นคาดว่าจะหลุด SET50 รอบนี้ 4 บริษัท คือ BANPU, (โอกาสหลุด 70%), SAWAD (โอกาสหลุด 70%), KCE (โอกาสหลุด 90%) และ COM7 (โอกาสหลุด 90%)

+ หุ้นที่คาดเข้า SET100 รอบนี้มี 7 บริษัท คือ BJC, BA, MBK, CKP, QH, SKY, JAS

- หุ้นที่คาดว่าจะหลุด SET100 รอบนี้ 7 บริษัท คือ AURA, FORTH, MOSHI, ORI, RCL, SNNP, TKN

กลยุทธ์ :แนะนำ เก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะเข้า SET50 โดย เราชอบ BJC, BCP และ ITC ส่วน SET100 เราแนะนำเก็งกำไร BA

 
• Strategy Update : Summer Play
Fact : กรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนในปี 2024 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 เดือน ก.พ. 24 โดยคาดหมายว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติและปี 2023 ราว 1 องศา ทีมกลยุทธ์ KCS ประเมินเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มโรงแรม

Key Ideas : อิงผลการศึกษา 8 ปีย้อนหลัง หากซื้อก่อนเข้าสู่หน้าร้อน 1 เดือน หุ้นกลุ่มโรงแรม เครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก มักให้ผลตอบแทนเด่น เฉลี่ย +2.5%  +2.2% และ +1.6% vs SET +0.5%

ทั้งนี้ หากซื้อวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายหลังจากนั้น 1 เดือน หุ้นโรงแรม เครื่องดื่ม และค้าปลีกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเด่น +3.5% +3.9% และ 1.9% vs SET +1.5%

Strategy : การลงทุนที่ดีที่สุดในการลงทุนก่อนเข้าสู่หน้าร้อน คือ แนะนำซื้อหุ้นในธีม Summer Play  ก่อน 1 เดือน และถือจนเข้าสู่หน้าร้อน คาดจะได้รับผลตอบแทนเป็นบวกสูงที่สุด โดยอิงภาพทางพื้นฐานปี 2024F ประกอบ เราแนะนำ เครื่องดื่ม เน้น ICHI ค้าปลีก เน้น CPALL CPAXT ท่องเที่ยว+โรงแรม เน้น AOT AAV MINT

• Strategy Update: Dividend Plays
Fact :  ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค.2024  จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2023 ของบริษัทจดทะเบียน   ทีมกลยุทธ์ KCS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2023F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H23F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KCS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 2.0% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1-2 เดือนแรกของปี ใน "Theme 2H23F Dividend Play"

Key Ideas:
    KCS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.97%, เดือน ก.พ. บวก 8 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.91%
    SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q)  ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ใน 10 ปี  เฉลี่ย +1.47%)

Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ KCS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น 2H23F ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ 1) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล 2023F/2H23F สูงกว่า 2%  2) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโตหรือกระแสเงินสดมั่นคง หรืออยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KCS ปี 2024 อาทิ Theme ดอกเบี้ยผ่านจุดพีคไปแล้ว กลุ่มหุ้นที่หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2024F ฟื้นตัวมากกว่าศักยภาพ 3.0% ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ พบว่ามีหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัท คือ

หุ้น Big Cap ได้แก่ AP(TP-15.5,Yield 2H23F-5.7%)  LH(TP-9.5,Yield 2H23F-4.9%) SAWAD (TP-53,Yield 2H23F-4.3%) TIDLOR(TP-30,Yield 2H23F-2.8%) WHA(TP-6.4,Yield 2H23F-2.4%)INTUCH(TP-85, Yield 2H23F-2.4%) ADVANC(TP-264, Yield 2H23F-2.0%)

 
หุ้น Mid Cap ได้แก่ MC(TP-16,Yield 2H23F-6.3%) NER(TP Con-6.1,Yield 2H23F-4.5%)  SC (TP-4.5, 2H23F-4.34%) SIRI(TP-2.2,Yield 2H23F-3.8%)

โดยทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปั  พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก   โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ TIDLOR +5.4%, ADVANC +3.7%,  INTUCH +2.2%, ส่วน WHA, AP,SIRI, MC, NER ผลตอบแทนอยู่ในช่วง + 1.2 -1.5% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายๆครั้งนักลงทุนจะได้รับเงินปันผลฟรี


 Research Highlight
 • ADVANC (Buy, TP*260): เรามอง "บวก" ต่อกำไรปกติ 1Q24 ที่ 8.65 พันลบ.ทำจุดสูงสุดในรอบ 8 ปี  โดยคาดราคาหุ้นในวันนี้จะปรับขึ้นสะท้อนกำไรปกติที่สูงกว่าเราและตลาดคาดมาก +14%/+24% เพราะค่าใช้จ่ายหลายรายการต่ำกว่าคาดทั้ง GPM ขายเครื่อง, %ค่าการตลาดต่ำและดอกเบี้ยจ่ายขึ้นน้อย ทั้งนี้ กำไรปกติโต +29%y-y, +23%q-q ตามรายได้บริการขาขึ้นและต้นทุนดำเนินงานลง   ทั้งนี้ เรายังคงกำไรปกติปี 24F ปรับขึ้น +4% โดยที่คาด EBITDA จะเติบโต +9%(vs เป้าบริษัท +14-16%) อย่างไรก็ดี เรายอมรับว่า มีโอกาสเกิด upside จากการคุม SG&A/sales ปี 24F ที่เราคาด 13.1% (vs 1Q24 ที่ 11.1%) ทั้งนี้ ทุก  -50 bpsที่ต่ำลงจะมีผลต่อกำไรขึ้น +3%  ส่วน valuation ยัง laggard ซื้อขาย EV/EBITDA ปี 24F 7.7x (vs TRUE 8x)  แถมมีปันผล 4.3%  คงแนะนำ "BUY" เลือกเป็นหุ้นเด่นกลุ่ม

• INSET (Buy, TP*3.2): แม้เรามอง Slightly Negative ต่อกำไร 1Q24F ที่ 18.6 ล้านบาท ยัง -24%y-y ผลกระทบหลัก คือ งาน Hyperscale Data Center ที่ได้ต้นปี เพิ่งเริ่มงานช่วงปลายไตรมาส ทำให้ยังส่งมอบได้ไม่มาก อย่างไรก็ตาม ช่วงที่เหลือของปีการส่งมอบงานนี้จะเร่งหนุนกำไร ผสาน สัญญาณการประมูลงาน Data Center จากนี้เข้าสู่รอบใหญ่ ปัจจุบันผู้ประกอบการระดับโลกหลายรายทยอยลงทุนเฟสแรกไปแล้ว ทำให้จะเป็นภาพสลับลงทุนกันแต่ละปี และล่าสุดยังมี Microsoft ประกาศลงทุนในไทยเพิ่ม ผสาน งานภาครัฐฯที่จะเป็นแรงหนุนอีกด้าน ทำให้ช่วงที่เหลือของปี INSET จะเด่นทั้งกำไรและการรับงานใหม่ หุ้นอ่อนตัวลงจากจุดสูงของปี -29% PER24F เหลือ 12.4 เท่า เป็นโอกาสสะสม

• AAV (Buy, TP*2.82): เรามอง Positive ต่อแนวโน้มกำไรปกติ 1Q24F ฟื้นโดดเด่นเป็น 1,205 ลบ. (+1,028% y-y +35% q-q) จากผู้โดยสารยังแน่นและราคาตั๋วโดยสารเฉลี่ยยังสูงต่อเนื่อง แนวโน้มกำไร 2Q24F ยังโตจากฐานต่ำ แต่ลดลง q-q ตามฤดูกาล เราปรับราคาเป้าหมาย (TP24F) ขึ้นเป็น 2.82 บาท (เดิม 2.40 บาท) สะท้อนกำไรปกติฟื้นดีกว่าคาด คงคำแนะนำ Buy

• BA (Buy, TP*28.25): เรามอง Positive ต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q24F ฟื้นเด่นเป็น 1,103 ลบ. (+26% y-y ฟื้นจากขาดทุน -346 ลบ. q-q) ตามการฟื้นของอุตฯ การบิน และมี Upside จากการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี แนวโน้มกำไร 2Q24F อ่อนตัว q-q ตามฤดูกาล เราปรับราคาเป้าหมาย (TP24F) ขึ้นเป็น 24.25 บาท (เดิม 18.90 บาท) และเลือกเป็นหุ้น Top pick กลุ่มฯ


 2Q24F Equity Outlook :      Entering into "Search of Yield", Standby for Asia & Thailand Recovery
·        Stock Best Picks :     AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU
·        Mid-Small Cap Play :   OSP, WARRIX, SJWD, STEC

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
ADVANC (TP24F-260)  S: 196/194.5 R: 201/204 (Stop Loss: <194)
        
    Theme: Technology Plays
    Earnings outlook:              เรายังคงกำไรปกติปี 24F ที่ 2.95 หมื่นลบ. ปรับขึ้น +4%y-y โดยที่คาด EBITDA จะปรับขึ้น +9%(vs เป้าบริษัท +14-16%) อย่างไรก็ดี เรายอมรับประมาณการกำไรปี 24F มีโอกาสเกิด upside จากการคุม SG&A/sales ในช่วงที่เหลือ โดยปัจจุบันเราคาดทั้งปี 24F ที่ 13.1% ของรายได้ (vs 1Q24 ที่ 11.1%) ทั้งนี้ ทุก -50 bps ที่ต่ำลง จะมีผลต่อกำไรปรับขึ้นอีก +3%
    Valuation: ซื้อขาย EV/EBITDA24F ราว 7.6 เท่า ต่ำกว่าช่วงเด่นซื้อขาย 10-12 เท่า
    Catalyst: กำไร 1Q24 ออกมาดีกว่าคาด หนุนทั้งรายได้และต้นทุนเด่น มองเป็นผลบวกที่ทยอยเกิดขึ้นจากอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันลดลง ผสาน จิตวิทยาบวก Micorsoft ประกาศลงทุน Data Center ในไทย มองมีโอกาสสร้าง Upside ระยะถัดไป เช่น การสร้างและให้บริการ Data Center ให้ Microsoft  

TRUE(TP24F-7.7) S:  7.55/7.4 R: 8/8.2 (Stop Loss: <7.35)
    Theme:   Technology Plays
    Earnings outlook:  เราคาด TRUE รายงานขาดทุนสุทธิ 1Q24F ที่ -2.37 พันลบ. แย่ลง y-y  แต่ดีขึ้น    q-q ผันตามรายการพิเศษ โดย 1Q24F มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนและตั้งด้อยค่าทรัพย์สินเพิ่มเติมราว -1.8 พันลบ. (vs 1Q23 +1.36 พันลบ. , 4Q23 -9.48 พันลบ.) ทั้งนี้ หากไม่รวม one time เราคาดขาดทุนปกติจะเหลือ -570 ลบ. ดีขึ้นทั้ง y-y, q-q หนุนจาก i) รายได้ค่าบริการจะโตเร่งขึ้นเป็น +6%y-y,+1%q-q (vs 4Q23 +3%y-y และเป้าบริษัท +3-4%) ตามอัตราค่าบริการขาขึ้นทั้งกลุ่มมือถือเป็น 206 บ/เดือน (+6 y-y,+2 q-q) และเน็ตบ้านเป็น 505 บ./เดือน (+42 y-y, +11 q-q) และ ii) ต้นทุนการดำเนินงานลดลงทั้งจากการทำ single grid
    Valuation:   :  ซื้อขาย EV/EBITDA24F ราว 7.6 เท่า ต่ำกว่าช่วงเด่นซื้อขาย 10-12 เท่า
    Catalyst: กำไร ADVANC งวด 1Q24 ออกมาดีกว่าคาด หนุนทั้งรายได้และต้นทุนเด่น มองเป็นผลบวกที่ทยอยเกิดขึ้นจากอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันลดลง จะดีต่อ TRUE เช่นกัน ผสาน จิตวิทยาบวก Micorsoft ประกาศลงทุน Data Center ในไทย มองมีโอกาสสร้าง Upside ระยะถัดไป เช่น การสร้างและให้บริการ Data Center ให้ Microsoft  

INSET (TP24F-3.2):  S:  1.96/1.91 R: 2.06/2.1 (Stop Loss: <1.9)
    Theme :   Technology Plays
    Earnings outlook : คาดการณ์กำไร 1Q24F ที่ 18.6 ล้านบาท ยัง -24%y-y ผลกระทบหลัก คือ งาน Hyperscale Data Center ที่ได้ต้นปี เพิ่งเริ่มงานช่วงปลายไตรมาส ทำให้ยังส่งมอบได้ไม่มาก อย่างไรก็ตาม ช่วงที่เหลือของปีการส่งมอบงานนี้จะเร่งหนุนกำไร
    Valuation:  ซื้อขาย PER 2024F ราว 12.4 เท่า ราคาหุ้นที่ปรับลงจากจุดสูงสุด -29% สะท้อนกำไร 1Q24F ที่อ่อนตัวระยะสั้นไปแล้ว
    Catalyst: สัญญาณการประมูลงาน Data Center จากนี้เข้าสู่รอบใหญ่ ปัจจุบันผู้ประกอบการระดับโลกหลายรายทยอยลงทุนเฟสแรกไปแล้ว ทำให้จะเป็นภาพสลับลงทุนกันแต่ละปี และล่าสุดยังมี Microsoft ประกาศลงทุนในไทยเพิ่ม ผสาน งานภาครัฐฯที่จะเป็นแรงหนุนอีกด้าน ทำให้ช่วงที่เหลือของปี INSET จะเด่นทั้งกำไรและการรับงานใหม่ หุ้นอ่อนตัวลงจากจุดสูงของปี -29% PER24F เหลือ 12.4 เท่า เป็นโอกาสสะสม
Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(KCS)


Strategist Team
Suwat Wattanapornprom,AISA: Analyst Registration (No.044015)
Fundamental Investment Analyst on Securities
Suwat. Wattanapornprom @krungsricapital.com 02-081-2871
Takit Chardcherdsak,AISA: Analyst Registration (No.087636)
Fundamental Investment Analyst on Capital Market and Technical
Takit.Chardcherdsak@krungsricapital.com 02-081-2873
Thian Kanokpongsak
Assistant Analyst

 

ณภัค ภัทรสุปรีดิ์

: เรียบเรียง โทร : 02-276-5976 อีเมล์ : reporter@hooninside.com ที่มา : สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ต่างชาติ ลุยซื้อหุ้นไทย By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็นนักลงทุนต่างชาติ กลับมาซื้อหุ้นไทย วานนี้ จัดไป เกือบ 3,600 ล้านบาท ส่วนในประเทศ พร้อมใจขายอย่าง...

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้