AT THE OPEN (#ATO)
SET คาดแกว่งตามกรอบ 1400+/-10 จุด
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่กำไรมีแนวโน้มเติบโต
Market Strategy
SET Index การปรับขึ้นแรงเราประเมินมาจาก 2 ส่วน 1) การตอบรับเชิงบวกต่อผลการประชุม ครม. ที่มีความคืบหน้าต่อโครงการ/มาตรการกระตุ้นต่างๆ อาทิ มาตรการภาคอสังหาฯ ขยายกรอบวงเงินงบประมาณปี 68 (มาที่ 3.75ล้านล้านบาทจากเดิม 3.6 ล้านล้านบาท) และให้คลังศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมความเป็นไปได้ในการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร และ 2) การ Cover Short ของนักลงทุนสะท้อนจาก Outstanding Short Position วานนี้ที่คาดลดลงราว 1.5 พันล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลให้แรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติวานนี้ทำระดับสูงสุดของปีที่ 6 พันล้านบาท
สำหรับวันนี้คาด SET Index แกว่งตามกรอบ 1400 +/-10 จุด โดยความผันผวนทั้งบวก/ลบ จะเป็นไปตามความชัดเจนของ 2 ประเด็นสำคัญในวันนี้ คือ 1) โครงการ Digital Wallet ต่อแหล่งที่มาเงินลงทุนของโครงการ หากสร้างความชัดเจนและไม่ได้เพิ่มความกังวลต่อสถานะการคลังในระยะยาว เชื่อว่าตลาดมีโอกาสตอบรับในเชิงบวกนำโดยหุ้นกลุ่ม Domestic Consumption โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีก 2) ผลการประชุม กนง. และการส่งสัญญาณดำเนินนโยบายการเงินในระยะถัดไป โดย Bloomberg Consensus คาดว่าจะคงดอกเบี้ย 2.5% หากเป็นไปตามคาด เรามองจะลดแรงกดดันต่อการอ่อนค่าของเงินบาท
สำหรับปัจจัยอื่นๆ วันนี้ติดตามรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯเดือน มี.ค. ตลาดคาดขยายตัว 3.4%YoY หากออกมาตามคาดเชื่อว่าความกังวลต่อการปรับลดดอกเบี้ยฯ FED จะลดลงและตลาดจะเคลื่อนย้ายความสนใจไปที่การรายงานงบ 1Q67

Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 25.53 จุด Outperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยเป็นการปรับขึ้นเกือบทุกอุตสาหกรรม โดยกลุ่มที่บวกเด่น นำโดยกลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ +6% โดยหลักๆ มาจาก DELTA+5.8% ตามด้วยกลุ่มบรรจุภัณฑ์ที่ SCGP +5% จากการงบ 1Q67 มีแนวโน้มฟื้นตัว QoQ และ YoY รวมถึงกลุ่มอสังหาฯ +2.8% จาก ครม.เห็นชอบมาตรการกระตุ้น นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 6 พันล้านบาท

ATO Daily Stock Picks
แนะนำ CPALL ITC

ITC แนวโน้มกำไรอยู่ในเกณฑ์ดี
งบ 1Q67 มีแนวโน้มทำจุดต่ำสุดของปีนี้ ตาม Seasonal effect แต่จะแฝงไปด้วยพัฒนาการบวกทั้งด้าน Sales volume (End of destocking และยอดคำสั่งซื้อใหม่ที่เชื่อว่าเพิ่มขึ้นหนุนจากผลิตภัณฑ์ระดับ Premium) ซึ่งสอดรับไปกับยอดส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงเดือน ก.พ. ขยายตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
นอกจากนี้มีปัจจัยบวก Product margins จากราคาต้นทุนทูน่าที่ลดลงรวมถึงประโยชน์จากเงินบาทมีที่อ่อนค่า 5.8% ในงวด 1Q67 ทําให้กำไรอาจสร้าง Positive Surprise เกิดขึ้น
ขณะที่ 2Q67 แนวโน้มยอดขายยังขยายตัว YoY และ QoQ ตามคำสั่งซื้อลูกค้าและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่หักล้างผลจากการรับรู้ค่าเสื่อมเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 2Q67 ที่ 62 ล้านบาทต่อไตรมาส
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 22.0 บาท

CPALL กำไร 1Q67 คาดโตแกร่ง
แนวโน้มกำไร 1Q67 ทำได้ระดับ 5 พันล้านบาท ชะลอลง QoQ จากผลของฤดูกาล แต่จะขยายตัวสูงกว่า 20% YoY หนุนจาก SSSG ที่ขยายตัวจาก แม็คโคร โลตัส ส่วน 7-11 ดีทั้ง SSSG และ GPM นอกจากนี้ยังได้ผลบวกจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงหลัง CPAXT รีไฟแนนซ์ดอกเบี้ยหนี้สกุลดอลลาร์ตั้งแต่ เม.ย. 66
ขณะที่ 2Q67 โมเมนตัมกำไรยังเชื่อว่าจะดีหนุนจากสินค้าอาหารและเครื่องดื่มเย็นมี Margin ที่เข้าหน้าร้อนเต็มตัว รวมถึงการได้ประโยชน์จากการเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ทั้งนี้กำไรทั้งปี 67E เราคาดเติบโต 12%YoY โดยราคาหุ้นซื้อขายบน PER67E 24.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี เกือบ -2 S.D ขณะที่ Upside ต่อประมาณการจะเกิดขึ้นทันทีหากสามารถผลักดันโครงการ Digital Wallet เกิดขึ้น
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 75.00 บาท

KEY FACTOR
ตลาดหุ้นไทยในวันนี้น่าจะให้น้ำหนักกับปัจจัยภายในประเทศต่อเนื่อง 1) การประชุม กนง. ซึ่ง Bloomberg Consensus ล่าสุด (สัดส่วนประมาณ 70%) คาดว่าจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 2.5% 2) นายกฯ มีกำหนดการประชุมคณะกรรมการโครงการ Digital Wallet เริ่มต้นตั้งแต่เวลาประมาณ 11.30 ซึ่งคาดว่าน่าจะมีรายละเอียดเพิ่มเติมจากล่าสุด ที่เปลี่ยนแหล่งที่มาของเงินจากเดิมที่จะออก พ.ร.บ. เงินกู้ เป็นการใช้งบประมาณทั้งปี 67-68 รวมถึงใช้เงินจาก ธ.ก.ส. ซึ่งคาดว่าจะช่วยสร้าง sentiment บวกทั้งในมุมของการกระตุ้นเศรษฐกิจและคลายความกังวลจากภาระทางการคลังที่เพิ่มขึ้น

Eyes on
10 เม.ย. ประชุม กนง., แถลงความคืบหน้า Digital Wallet, เงินเฟ้อสหรัฐฯ, รายงานการประชุม Fed
11 เม.ย. ประชุม ECB, เงินเฟ้อจีน
12 เม.ย. การค้าระหว่างประเทศจีน

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ