Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KCS Daily Strategy

199

 


"Global Manufacturing Recovery Plays"

 

KCS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "Sideways" ต้าน 1385/1390 จุด รับ 1374/1368 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ S&P500 ปรับตัวลดลง -0.2% ถ่วงจาก US Bond Yield อายุ 10ปี เร่ง +13 bps สู่ 4.33% เศรษฐกิจสหรัฐฯแข็งแกร่ง จาก PMI ภาคผลิต (ISM) มี.ค. 24 สูง 50.3 จุด ขยายตัวครั้งแรกในรอบ 17 เดือน ทำให้ผลสำรวจ CMEเริ่มลดความคาดหวังต่อการปรับลดดอกเบี้ยช่วง มิ.ย. ด้วยความเป็นไปได้ต่ำกว่า 50% ถ่วงเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าสู่ 36.6 +/- บาท โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาลบต่อสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ด้วยระดับ Equity Risk Premium (ส่วนต่าง Earnings Yield และ Bond Yield) ของ EM Asia อาทิ จีน ไทย ที่ยังเป็นบวก vs สหรัฐฯที่ติดลบ ทำให้เชื่อว่า SET จะพอประคอง Sideways ได้ โดยมีกลุ่มนำตลาดวันนี้ คือ กลุ่มภาคผลิตโลกฟื้นตัว +เงินบาทอ่อนค่าหนุน กลุ่มน้ำมัน (คาดราคาน้ำมันยังเคลื่อนไหวบวกก่อนประชุม OPEC+ 3 เม.ย.) กลุ่มธนาคาร วันนี้แนะ IVL, HANA, TU เด่น

 


Daily outlook: "Sideways" ต้าน 1385/1390 จุด รับ 1374/1368 จุด

What happened around the world ?

• (*)US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลงต่อรับตัวเลข PMI สหรัฐออกมาแกร่ง เดือน มี.ค.และ Fed Powell ให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่เร่งลดอัตราดอกเบี้ย Dow Jones -0.6%, S&P500 -0.2% Nasdaq +0.11% โดยสำหรับ Sector ในดัชนี S&P500 ที่เคลื่อนไหวนำตลาดได้แก่ ICT, Energy, IT ส่วนกลุ่มที่ Underperform คือ Real estate, Health care, Industrials, Consumer staples ฯลฯ

• (*/+) US Econ : 1.) ISM Manufacturing เดือน มี.ค. ดีกว่าคาดและขึ้นแรงที่ 50.3 จุด (เหนือ 50 จุดครั้งแรกในรอบ 17 เดือน PMI > 50 สะท้อนภาคการผลิตขยายตัว) หลักๆมาจาก Production ฟื้นและยอดคำสั่งซื้อใหม่มาแต่ต้นทุนปรับขึ้นตามน้ำมัน

•(*/+) S.korea Export : ยอดส่งออกเกาหลีใต้เดือน มี.ค. 24 อยู่ที่ $56.5 พันล้านเหรียญ +3.1%y-y แต่ต่ำกว่าที่ตลาด +5.2% prev. +4.8% โดยยอดส่งออกรายสินค้า หลักๆคือ 1.) ชิป +35.7% เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และสูงสุดนับตั้งแต่ มี.ค.22 2.)ยอดส่งออกจอแสดงผล 16.2%) และคอมพิวเตอร์ +24.5% ตามลำดับ KCS ประเมินภาพวงจรการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไทยฟื้นตัวตาม มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ DELTA, KCE, HANA

•(*/+)China Econ : จีนรานงานตัวเลข PMI ภาคผลิต (Caixin) ปรับเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 2 เดือนและทำ New high ในรอบ 1 ปั 2 เดือน อยู่ที่ 51.1 จุด สัญญานบวกจาก PMI ของจีนดังกล่าว มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิงจีน แนะนำหุ้น PTTGC, IVL, SCGP, HANA ส่วนนักลงทุนที่อยากกระจายการลงทุนในตลาดหุ้นจีน แนะนำการลงทุนผ่านKCS iFund แนะนำกองทุนดังนี้KFACHINA-A (A-shares)TMBCOF (H-Shares) K-CHINA-A(A) (All shares

• (*/+) World Banks : ธนาคารโลกคาด GDP Growth เอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ปี 2024 โต 4.6% เร่งขึ้นจากปี 2023 ที่ 4.4% และคาด GDP Growth จีน ปี 2024 +4.5% ในปีนี้ จากปี 2023 ที่ 5.2% KCS ประเมินแต่ถือว่าเด่นเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว อาทิ ฝรั่งเศส, เยอรมัน คาดโตพียง 2.6% หรือ สหรัฐโตราว 2.1% ทำให้ประเมินมีโอกาสที่ Fund Flow มีโอกาสจะไหลเข้ามากลุ่มประเทศเอเชีย รวมถึง จีน ทำให้คำแนะนการลงทุนเน้นลงทุนผ่าน KCS iFund กองทุนหุ้นเอเซีย (KF-ORTFLEX, B-ASIA) จีน (KFCSI300 ,KFACHINA-A, MEGA10CHINA-A) กองทุนเวียดนาม(KFVIET-A, PRINCIPAL VNEQ-A)

• (*) To monitor : ฝั่งจีน 3 เม.ย. PMI บริการ (Caixin) ตลาดคาด 52.7 จุด vs prev. 52.5 จุด ฝั่งสหรัฐ 1 เม.ย PMI ภาคผลิต (ISM) มี.ค. ตลาดคาด 48.4 จุด vs prev. 47.8 จุด 3 เม.ย. PMI ภาคบริการ (ISM) มี.ค. ตลาดคาด 52.8 จุด vs prev. 52.6 จุด 3 เม.ย. การจ้างงานสำนัก ADP เดือน มี.ค. คาด 1.5 แสนราย vs prev. 1.4 แสนราย, 5 เม.ย. การจ้างงานนอกภาคเกษตร มี.ค. คาด 2.0 แสนราย vs prev. 2.75 แสนราย อัตราว่างงาน มี.ค. ตลาดคาด 3.9% ทรงตัวจาก prev. 3 เม.ย. ติดตามการประชุมระหว่างชาติสมาชิก OPEC+ KCS คาดยังคงระดับการปรับลดกำลังผลิตที่ 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

• (*) US Bond & Dollar : US Bond ปรับขึ้นแรง รับตัวเลข PMI สหรัฐออกมาแกร่ง เดือน มี.ค. โดยอายุ 10 ปี +13 bps และปิดที่ 4.33% เช่นเดียวกับ 2 ปี ปรับขึ้น +13 bps อยู่ที่ 4.72% ,เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารและประกันชีวิตวันนี้ขณะที่ Dollar Index แข็งค่าแรง104.7+/- จุด

•(*)Oil : น้ำมันดิบ Brent +0.48%d-d ปิดที่ US$ 87.42/barrel น้ำมันดิบ West Texas +0.26%d-d ปิดที่ US$ 83.93/barrel

 

 

What happened in Thailand ?

• (*/+) SET: SET Index ปรับตัวขึ้น +0.11% ปิดที่ 1379.5 จุด มูลค่าการซื้อขายยังเบาบางเพียง 2.74 หมื่นล้านบาท กลุ่มหนุน คือ กลุ่มปิเตรเคมี (IVL, PTTGC) หนุนจาก PMI ผลิตจีน มี.ค. 24 กลับมาขยายตัวครั้งแรกในรอบ 6 เดือน และสูงสุดใน 1ปี ผสาน PMI ไทยเป็นภาพบวกไปในทิศทางเดียวกัน กลุ่มสื่อสาร (TRUE) จิตวิทยาบวกความเชื่อมั่นวงจรดอกเบี้ยขาลงเพิ่มขึ้น หนุนหุ้นหนี้สูง + ตลาดประเมินผลประกอบการ 1Q24F ขาดทุนลดลง กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP) มองพักตัว หลังก่อนหน้าเก็งกำไรขึ้นตามราคาน้ำมันก่อนประชุม OPEC+ ขณะที่ตลาดโภคภัณฑ์ปิดทำการปลายสัปดาห์ก่อน และกลุ่มค้าปลีก (CRC, CPAXT) ยังถูกขายทำกำไรต่อเนื่อง จากหุ้นที่ขึ้นมาแรงช่วงก่อน ขณะที่ SSSG ช่วงมี.ค.ที่บวก y-y อ่อนลง แต่ยังมองเป็นจังหวะน่าทยอยสะสมหุ้น SSSG ยังบวกได้ต่อเนื่อง CPAXT

• (*/+) Flow : เงินทุนต่างชาติไหลเข้า ซื้อหุ้น +24.7 ล้านเหรียญฯ ซื้อพันธบัตร +2.2 ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net Long 13,310 สัญญา เงินบาทอ่อนค่าสู่ 36.6 +/-บาท

• (+) TH PMI: PMI ภาคผลิตไทย มี.ค. 24 เร่งขึ้นสู่ 49.1 จุด แม้ยังไม่เป็นระดับขยายตัว แต่สูงสุดในรอบ 9 เดือน เพิ่มขึ้นชัดเจนจากเดือนก่อนหน้าที่ 45.3 จุด มองบวกต่อหุ้นอิงภาคผลิต เน้น IVL และ HANA

• (+) TH Tourism: จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 25-31 มี.ค. 24 อยู่ที่ 6.44 แสนราย -1.1%w-w หนุนงวด 1Q24 นักท่องเที่ยวต่างชาติสูง 9.37 ล้านคน คิดเป็น 86.8% ของช่วง pre-COVID โดยจุดเด่นรายสัปดาห์ยังอยู่ที่นักท่องเที่ยวจีนล่าสุด 1.27 แสนราย สูงกว่าค่าเฉลี่ยรายสัปดาห์ (ไม่รวมตรุษจีน) ที่ 1.25 แสนราย มองเป็นบวกต่อหุ้นภาคบริการที่อิงฐานนักท่องเที่ยวจีน อาทิ AOT, AAV, MINT, CPAXT, BJC เน้น AOT, MINT, CPAXT, BJC

• (*/+) Government Spending: กรมบัญชีกลางในส่วนคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐได้กำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อให้การดำเนินงานมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น โดยลดระยะเวลาการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างในปีงบประมาณปี 2024 มองจิตวิทยาบวกต่อกลุ่มหุ้นอิงงานเชื่อมโยงรัฐฯ อาทิ STEC BE8

• (*/+) Motor Show : ยอดขายรถยนต์ในงาน Motor Show ครั้งที่ 45 ล่าสุดรวม 7 วัน อันดับ 1 คือ Toyota – 3,896 คัน อันดับ 2 Honda – 1,926 คัน อันดับ 3 MG – 1,477 คัน แต่ยอดขายรถ EV เพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ คือ ยี่ห้อ ChangAn ขึ้นมาอันดับที่ 5 อยู่ที่ 1,048 คัน VS. 3 วันแรกอยู่ที่ 203 คัน ( 5 เท่า) เป็นจิตวิทยาบวกต่อ ASAP, ยี่ห้อ Aion ขึ้นมาอันดับที่ 11 ที่ 794 คัน VS. 3 วันแรกอยู่ที่ 201 คัน (3 เท่า) เป็นจิตวิทยาบวกต่อ COM7 และ Zeekr อันดับที่ 18 อยู่ที่ 195 คัน VS. 3 วันแรกอยู่ที่ 60 คัน (3 เท่า), XPENG อันดับที่ 20 อยู่ที่ 68 คัน VS. 3 วันแรกอยู่ที่ 24 คัน ) เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้น MGC ร่วมทุนกับบริษัทลูก PTT และเป็นตัวแทนจำหน่าย

• (*) To Monitor: 5 เม.ย. ติดตามเงินเฟ้อ CPI มี.ค. คาด -0.4%y-y vs prev. -0.77% ส่วน Core CPI ตลาดคาด +0.4%y-y เท่า prev. ภายใต้คาดการณ์ดังกล่าว จะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Yield) จะเป็นบวกต่อเนื่อง 12 เดือน และกระแสเก็งกำไรหุ้นได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง อาทิ เช่าซื้อ เน้น MTC, JMT ชิ้นส่วนฯ เน้น HANA, KCE High Growth เน้น BE8 และหนี้สูง เน้น MINT จะเกิดขึ้นช่วงสัปดาห์นี้

 

Daily Strategy : IVL, HANA, TU

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "Sideways" คาดตลาดจะเคลื่อนไหวแกว่งตัวรอติดตามทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังวานนี้ PMI ภาคผลิต (ISM) สหรัฐฯ แข็งแกร่ง ขยายตัวได้ครั้งแรกในรอบ 17 เดือน ทำให้ตลาดกลับมาไม่แน่ใจว่าการปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐฯครั้งแรกจะเกิดขึ้นใน มิ.ย. 24 หรือไม่ ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯที่ Equity Risk Premium ติดลบตึงแกว่งลง ส่วน SET เรามองพอประคองได้ จาก Equity Risk Premium เป็นบวก โดยมีหุ้นนำ 1) กลุ่มอิงภาคผลิตโลกฟื้นตัวทางเดียวกัน เน้น HANA, KCE, TU, IVL 2) กลุ่มพลังงาน PTT, PTTEP ลุ้นผลประชุม OPEC+ 3 เม.ย. 3) กลุ่มธนาคาร มองฟื้นสั้นๆ ตอบรับ Yield เร่งขึ้น+เศรษฐกิจไทยฟื้น เน้น KTB, TTB

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด (IVL, PTTGC, HANA, SJWD, MENA, WICE, TU, HANA)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว (CPALL, CPAXT, BJC, AOT, AAV, MINT, TKN)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BE8, WARRIX, MTC)
กลุ่ม Dividend Plays (AP, MC, SC, SIRI)
กลุ่มได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ฤดูร้อน (ICHI, OSP, CPALL, CPAXT, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ค่าระวางเรือ Container ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง (TU, GFPT, STA ,NER SCGP, KCE, HANA)

• APR24 Best Picks: AOT, CPAXT, ICHI, IVL, OSP, HANA, MINT

• 2Q24Stock Picks : AOT, BJC, HANA, HMPRO, IVL, JMT, MINT, MTC, SCGP, TU Mid-Small Cap Play : OSP, WARRIX, SJWD, STEC

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน KCS ได้เข้าร่วมงานสัมมนา "Understanding China's 2024 "Two Sessions: Target & Implication" "

· ทางการจีนตั้งเป้าการเติบโตของ GDP ปีนี้ระดับ 5% เท่ากับปีก่อน โดยมีการเปิดเผยตัวเลขเป้าหมายเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆประกอบได้แก่ การขาดดุลงบประมาณระดับ 3% ของ GDP เท่ากับปีก่อน, การออกพันธบัตรพิเศษสำหรับรัฐบาลท้องถิ่นมูลค่ารวม 3.9 ล้านล้านหยวน สูงกว่าปีก่อนที่ 3.8 ล้านล้านหยวน, ออกพันธบัตรอายุยาวพิเศษ (Ultra-long-term special treasury bonds) มูลค่า 1 ล้านล้านหยวน, เป้าหมายเงินเฟ้อระดับ 3%, งบประมาณการลงทุนส่วนกลาง 7 แสนล้านหยวน เพิ่มจากปีก่อนระดับ 6.8 แสนล้านหยวน, และตั้งเป้าอัตราการว่างงานเขตเมืองไม่เกินระดับ 5.5% ด้วยการสร้างงานใหม่ 12 ล้านตำแหน่ง

· จากการคำนวณของ MUFG ตัวเลขเป้าหมายการเติบโตของแต่ละเมืองและมณฑลในปี 2024 นี้ Implied เป็นเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจจีนโดยรวมระดับ 5.3% ต่ำกว่าปีก่อนที่การคำนวณดังกล่าวสะท้อนเป้าการเติบโตรวม 5.6% แต่ยังสูงกว่าเป้าหมายที่ระดับเป้าหมายของชาติ 5.0%

· ในเชิงรายละเอียด MUFG พบประเด็นที่น่าสนใจจากการแถลงของสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ดังนี้ 1) ทางการจีนตั้งเป้าไปที่การปรับโครงสร้างมากกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเดียว 2) จีนให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยี 3) สนับสนุนกิจการของภาคเอกชน 4) พยายามสร้างสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจเพื่อดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ 5) สร้างความร่วมมือและการสื่อสารกับภาคเอกชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 6) สนับสนุนการพัฒนาอสังริมทรัพย์ในรูปแบบใหม่ (New Model) และ 7) เร่งแก้ปัญหาหนี้ระดับรัฐบาลท้องถิ่น

· แนวทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ของจีนมีหลักการคือยังเน้นไปที่การมองบ้านเป็นที่อยู่อาศัย มิใช่เครื่องมือที่ใช้ในการเก็งกำไร

· ปัจจัยที่ MUFG มองเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน 1) ภาวะอุปสงค์อ่อนแอ 2) ภาคเอกชนอ่อนแอ 3) หนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นอยู่ในระดับสูง 4) กิจกรรมของภาคอสังหาริมทรัพย์ยังชะลอ 5) ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์กับสหรัฐ และ 6) ความเชื่อมั่นต่ำ

· MUFG มองเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวขึ้นในเชิงเปรียบเทียบ ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีนแนวโน้มอ่อนแอลงในช่วงครึ่งหลังจะทำให้ค่าเงิน USDCNY มีแนวโน้มแข็งค่าสู่ระดับ 6.8 ช่วงสิ้นปีนี้

Strategy: ฝ่ายวิจัย KCS มองบวกต่อโอกาสการเติบโตของจีนที่น่าจะมี นโยบายการเงินและการคลังทยอยออกมามากขึ้น (MUFG คาดราว มิ.ย. 2024) โดยแนะนำลงทุนกองทุนหุ้นจีน ผ่าน KCS iFund แนะนำกองทุนดังนี้ KFACHINA-A (A-shares), TMBCOF(H-Shares), K-CHINA-A(A) (All shares) และ หุ้นไทยที่อิงจีน IVL(TP@26.5), PTTGC (TP@39.0), SCGP(TP@38.5), DOHOME(TP@12.8)

 

• Strategy Update : Summer Play

Fact : กรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนในปี 2024 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 เดือน ก.พ. 24 โดยคาดหมายว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติและปี 2023 ราว 1 องศา ทีมกลยุทธ์ KCS ประเมินเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มโรงแรม

Key Ideas : อิงผลการศึกษา 8 ปีย้อนหลัง หากซื้อก่อนเข้าสู่หน้าร้อน 1 เดือน หุ้นกลุ่มโรงแรม เครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก มักให้ผลตอบแทนเด่น เฉลี่ย +2.5% +2.2% และ +1.6% vs SET +0.5%

ทั้งนี้ หากซื้อวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายหลังจากนั้น 1 เดือน หุ้นโรงแรม เครื่องดื่ม และค้าปลีกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเด่น +3.5% +3.9% และ 1.9% vs SET +1.5%

Strategy : การลงทุนที่ดีที่สุดในการลงทุนก่อนเข้าสู่หน้าร้อน คือ แนะนำซื้อหุ้นในธีม Summer Play ก่อน 1 เดือน และถือจนเข้าสู่หน้าร้อน คาดจะได้รับผลตอบแทนเป็นบวกสูงที่สุด โดยอิงภาพทางพื้นฐานปี 2024F ประกอบ เราแนะนำ เครื่องดื่ม เน้น ICHI ค้าปลีก เน้น CPALL CPAXT ท่องเที่ยว+โรงแรม เน้น AOT AAV MINT

 

• Strategy Update: Dividend Plays

Fact : ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค.2024 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2023 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KCS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2023F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H23F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KCS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 2.0% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1-2 เดือนแรกของปี ใน "Theme 2H23F Dividend Play"

Key Ideas:

KCS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.97%, เดือน ก.พ. บวก 8 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.91%
SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ใน 10 ปี เฉลี่ย +1.47%)
Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ KCS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น 2H23F ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ 1) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล 2023F/2H23F สูงกว่า 2% 2) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโตหรือกระแสเงินสดมั่นคง หรืออยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KCS ปี 2024 อาทิ Theme ดอกเบี้ยผ่านจุดพีคไปแล้ว กลุ่มหุ้นที่หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2024F ฟื้นตัวมากกว่าศักยภาพ 3.0% ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ พบว่ามีหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัท คือ

 

หุ้น Big Cap ได้แก่ AP(TP-15.5,Yield 2H23F-5.7%) LH(TP-9.5,Yield 2H23F-4.9%) SAWAD (TP-53,Yield 2H23F-4.3%) TIDLOR(TP-30,Yield 2H23F-2.8%) WHA(TP-6.4,Yield 2H23F-2.4%)INTUCH(TP-85, Yield 2H23F-2.4%) ADVANC(TP-264, Yield 2H23F-2.0%)

 

หุ้น Mid Cap ได้แก่ MC(TP-16,Yield 2H23F-6.3%) NER(TP Con-6.1,Yield 2H23F-4.5%) SC (TP-4.5, 2H23F-4.34%) SIRI(TP-2.2,Yield 2H23F-3.8%)

 

โดยทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปั พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ TIDLOR +5.4%, ADVANC +3.7%, INTUCH +2.2%, ส่วน WHA, AP,SIRI, MC, NER ผลตอบแทนอยู่ในช่วง + 1.2 -1.5% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายๆครั้งนักลงทุนจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

 

• Energy Weekly (Neutral): ฝั่งต้นน้ำ (น้ำมันดิบ) +1% w-w ราคาน้ำมันดิบได้ปัจจัยหนุนต่อเนื่องจาก ความคาดหวัง demand น้ำมันจีนฟื้นตัวและกังวล supply ตึงตัวจากการคุมกำลังการผลิตของ OPEC+ คาดเดือน เม.บ. 24 น้ำมันดิบ ฟื้น m-m ได้แรงหนุนคาดหวังการคุม supply ของ OPEC+ และความต้องการใช้น้ำมันจีนคาดฟื้นราว 2% m-m รวมถึงความต้องเร่งตาม supply ใหม่โรงกลั่น

ฝั่งโรงกลั่น ค่าการกลั่นสิงคโปร์ -11% w-w ตาม spread ของ Gasoil ที่ -13% w-w และ Jet -17% w-w ได้รับผลกระทบการส่งออกน้ำมันของจีน และตลาดคลายความกังวลหลังรัสเซียมีแนวโน้มไม่คุมส่งออก Gasoil คาด เม.ย. 24 ค่าการกลั่น ลดลง m-m จากความต้องการใช้ช่วงฤดูหนาวลดลง และ supply ใหม่เข้ามาเต็มที่

ฝั่งปิโตรเคมี ส่วนใหญ่ฟื้น w-w i) สายโอเลฟินส์ PE/PP spread +1% w-w ฟื้นเล็กน้อยได้ราคา feedstock มาชดเชย demand ที่ชะลอหลังผ่านช่วง re-stock ของจีน ii) สายอะโรเมติกส์ +2-5% w-w supply บางส่วนยังเปิดซ่อม iii) สายโพลีเอสเตอร์ (PET) ทรงตัว w-w ได้ราคา feedstock มาชดเชยราคาที่ปรับลงจาก demand ที่ยังชะลอ คาดเดือน เม.ย. 24 spread ปิโตรเคมี สาย PET เด่นสุด ฟื้น m-m ตาม demand ที่เร่งตัวจากเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน (high season)

ภาพสัปดาห์ ไม่มีตัวเด่น มองโรงกลั่นมีปัจจัยลบจากค่าการกลั่นปรับฐาน มองแนวโน้ม 2Q24F กลุ่มพลังงานฯ ไม่มีตัวเด่น (IVL ยังต้องติดตามการฟื้นตัวของ PET spread) โดยโรงกลั่น แม้แนวโน้มกำไร 1Q24F ฟื้น q-q ตาม stock gain และค่าการกลั่น แต่ 2Q24F จะกลับมาลด q-q จากค่าการกลั่นปรับฐาน ส่วน IVL ที่มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากการฟื้นของ PET มากสุด เรามองยังต้องติดตามการฟื้นของ PET spread ในช่วง เม.ย. 24 หากยังต่ำกว่าระดับ 170 $/ton เรามองแนวโน้ม 2Q24F ผลประกอบการจะยังอยู่ในระดับต่ำทำให้ความน่าสนใจในการเก็งกำไรลดลง


1Q24/2024F Equity Outlook : Between Clouds & Fog or Silver Lining, Our Base Case is Soft Landing of DMs, 2024Year of EM Asia

· Stock Best Picks : GPSC, IVL, PTTGC, CPALL, AOT, AMATA, SCGP, SCC, MINT

· Mid-Small Cap Play : SJWD, DOHOME, BE8, SPA, PLANB

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ไต่เส้น By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ มองดูหุ้นไทยไต่เส้น แถว 1370 +/- แบบพยาบามฝ่าด่าน 1380 จุด โดยเช้านี้ พี่ DELTA..

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้