ภาวะตลาด : SET Index วันศุกร์ปิดลดลง 6.58 จุดที่ 1381.04 การอ่อนค่าของเงินบาทลดแรงจูงใจนักลงทุนลงทุนต่างชาติ ประกอบกับภายในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ และกังวลปัญหาภูมิรัฐศาสตร์มากขึ้น หลังยูเครนโจมตีโรงกลั่นรัสเซีย และมีเหตุการณ์ระเบิดในกรุงมอสโค ต่างชาติขายสุทธิ 627 ลบ.
ปัจจัยต่างประเทศ
+ สหรัฐ : ไบเดนลงนามกฎหมายงบประมาณ 1.2 ล้านล้านUS$ ท าให้รัฐบาลมีเงินสนับสนุนไปได้ถึง 1 ต.ค.และช่วยหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์
• สหรัฐ : ติดตามรายงานตัวเลขดัชนี PCE ซึ่งเฟดใช้เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อ; เครื่องมือFedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่าโอกาสราว 71% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิ.ย. (เพิ่มขึ้นจาก 56% ในต้นสัปดาห์ก่อน)
- ติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลาง และเหตุการณ์ความไม่สงบระหว่างยูเครน-รัสซีย ซึ่งอาจมีน้ำหนักลบมากขึ้น
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขยายเวลาเทรดช่วงบ่ายเร็วขึ้น 30 นาทีวันแรก (25 มี.ค.)
• ร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 67 ผ่านความเห็นชอบวาระ 2-3 จากสภาผู้เทนราษฎรแล้ว รอการพิจารณาและลงมติของของวุฒิสภาต่อไป
• ปลัดคลังคาดจะประชุมบอร์ดดิจิตอลชุดใหญ่ก่อนสงกรานต์นี้
• ติดตามตัวเลขส่งออกเดือนก.พ.ของไทย ซึ่งตลาดคาดว่าจะขยายตัว YoY ได้ต่อ
ปัจจัยติดตาม : โครงการดิจิตอลวอลเล็ต & แลนด์บริดจ์, สถานการณ์ตะวันออกกลาง, รายงาน GDP 4Q23 ของสหรัฐในวันพฤหัสฯ, ดัชนี PCE สหรัฐในวันศุกร์ 29 มี.ค.นี้
กลุยทธ์: ไม่ควรหลุด 1380 อีก ถ้าหลุดรอรับเก็งกำไรที่ 1373-1370 และ 1363-1360...ระยะสั้นไม่ควรหลุดต่ำกว่า 1380 อีก หากหลุดต่ำกว่าตีความว่าการปรับตัวขึ้นช่วงที่ผ่านมาเป็นเพียงการรีบาวด์สั้น แนวรับถัดไปอยู่ที่ 1373-1370 / 1363-1360 ที่จะท าให้มีช่วงชะลอการลง และการหลุดต่ำกว่าแนวรับ 1363-1360 จะแกว่งตัวลงทดสอบจุดต่ำสุดเดิม 1350 หรือต่ำกว่า หุ้นเด่นทางเทคนิควันนี้เป็น MAJOR, SAMART
หุ้นพื้นฐานแนะนำลงทุน : GFPT แนวโน้ม 1Q24F คาดกำไรสุทธิขยายตัว YoY จากรายได้มาร์จิ้น และส่วนแบ่งกำไรบ.ร่วมสูงขึ้น แม้ว่าจะมีค่าขนส่งไปยุโรปเพิ่มขึ้นจากปัญหาทะเลแดง แต่ปริมาณการส่งออกไปยุโรปเพิ่มขึ้น เพราะลูกค้าเร่งสั่งซื้อสินค้า รวมถึงส่งออกไปญี่ปุ่นและจีนดีขึ้นด้วย คาดปริมาณส่งออก 1Q24F จะเพิ่มเป็นกว่า 8 พันตัน จาก 6.9 พันตันใน 1Q23 และ 7.7 พันตันใน 4Q23 นอกจากนั้นยังได้อานิสงค์จากเงินบาทอ่อนใน1Q24 ด้วย สำหรับทั้งปี 24F-25F คาด Core profit เติบโต 15% เป็น 1.49 ล้านบาท และ 11% เป็น 1.66 พันล้านบาท ณ ราคาปัจจุบันมี P/BV ปีนี้ 0.8เท่า ขณะที่แนวโน้มกำไรดีขึ้น แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 14.30 บาท อิงกับ P/E ปีนี้ที่12 เท่า
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@th.dbs.com : Tel 02 587 7829