Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี พัฒนสิน : KCS Daily Strategy

304

 


"Selective Plays"

KCS Daily Strategy : คาด SET วันนี้ "ฟื้นตัว" ต้าน 1393/1396 จุด รับ 1380/1374 จุด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวระยะสั้น จากแรงหนุนหุ้นเทคฯ ที่มีกระแส Apple เจรจากับ Google เพื่อนำ AI ที่ชื่อ Gemini มาใช้ใน iPhone สะท้อน Smartphone กำลังพัฒนาสู่ยุค AI ขณะที่ราคาน้ำมันดิบโลกขึ้น +1.9%d-d สูงสุดใน 4 เดือน หลังรายงานยอดส่งออกอิรักและซาอุฯลดลง ผสาน เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวดีกว่าตลาดคาด ปัจจัยดังกล่าวน่าจะหนุนกลุ่มชิ้นส่วนฯ และ น้ำมัน+โรงกลั่น วันนี้เด่น และให้ติดตามการประชุม BOJ หากยุตินโยบายผ่อนคลาย คาดเม็ดเงินมีโอกาสสลับเข้าตลาดหุ้นเอเชียอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่เศรษฐกิจกำลังฟื้น และราคา Laggard อาทิ จีนและไทย คาดกลุ่มชิ้นส่วนฯ กลุ่มน้ำมัน+โรงกลั่น กลุ่มอิงงบปรมาณรัฐฯ นำตลาเ วันนี้แนะนำ HANA, PTTEP, GULF (แผน PDP ใหม่ฉบับปี 2024 จะเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนสู่ 50% คาดประกาศใช้ ก.ย. ต่อยอดระยะกลาง-ยาว)

 

 

Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1393/1396 จุด รับ 1382/1378 จุด

What happened around the world ?

• (*/+) US Stocks : ตลาดหุ้นสหรัฐปรับฟื้นตัว Dow Jones +0.49%, S&P500 +0.63% Nasdaq +0.82% โดย Sector ในดัชนี S&P500 ปรับขึ้นเกือบทุก Sector กลุ่มที่ปรับขึ้นหลักคือ ICT, Consumer staple, Consumer Discretionary, IT ฯลฯ กลุ่มที่ปรับลง คือ Health care, Real estate ฯลฯ โดยหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นคือ Alphabet +4.4% หนุนจากข่าวบริษัท Appleกำลังเจรจากับ Google เพื่อนำ AI ที่ชื่อ Geminiมาใช้ใน iPhone, Tesla +6.3%รับข่าวปรับขึ้นราคารถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Model Y ในบางประเทศของยุโรป ฯลฯ

•(*/+) China Econ : รายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีน เดือน ก.พ. ยังเห็นสัญญาณบวกต่อเนื่อง อาทิ 1.) Industrial Production +7.0%y-y ดีกว่าคาดที่ +5.2%y-y 2.)Fixed Asset Investment Ex Rural +4.2%y-y ytd สูงกว่าคาดที่ +3.2%y-y ytd เล็กน้อย 3.) Retail Sales +5.5%y-y ใกล้เคียงคาดที่ +5.6%y-y แต่ตัวเลขอสังหายังไม่ฟื้น Property Investment) -9.0%y-y ytd หดตัวสูงกว่าคาดที่ -8.0%y-y ytd ตัวเลขโดยส่วนใหญ่มีสัญญาณที่ดีขึ้น ฝ่ายวิจัย KCS มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นอิงจีน แนะนำหุ้น IVL, SCGP, PTTGC และกองทุน แนะนำการลงทุนผ่าน KCS iFund แนะนำกองทุน KF-CHINA และ KFACHINA-A (A-shares)

•(*) Vietnam Stocks : ตลาดหุ้นเวียดนาม อิง Hochimin stock Index ปรับลงเป็นวันที่ 3 ล่าสุด -1.6% ลงมากสุดในรอบ 4 เดือน แรงกดดัน 1.) การเมืองภายใน 21 มี.ค. รัฐบาลของเวียดนามจะมีการประชุมวิสามัญ โดยประเด็นสำคัญคือ 1.1)การปรับเปลี่ยนผู้นำระดับสูง 1.2)การลาออกของประธานาธิบดี= นาย Vo Van Thoug 2.)Broker ในเวียดนามบางบริษัทเข้มงวดในการให้ยืมMargin เพิ่ม KCS ประเมินตลาดหุ้นเวียดนาม มองเป็นเพียงการ "พักตัว"คำแนะนำเรายังวางกลยุทธ์ให้น้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามเป็น Slightly Overweight มองเป็นจังหวะทยอยสะสม ตลาดหุ้นเวียดนาม แนะนำลงทุนในกองทุนผ่าน KCS Ifund แนะนำกองทุน PRINCIPALVNEQ-A (VN Equity)

• (*)BOJ Meeting : วันนี้การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รู้ผล บ่าย 1.30 น. MUFG มองว่า 1.) ตลาดเตรียมพร้อมสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ BoJ แล้ว สะท้อนจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย OIS ที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น 2.)ประเมินจะเห็นการกลับนโยบายการเงินเป็นตึงตัวในการประชุมวันนี้ หรืออย่างช้าคือ รอบ เม.ย.2024 3.)การปรับขึ้นค่าแรงเฉลี่ย 5%(ครั้งแรกในอรบ 25ปี) จะหนุน เงินเฟ้อของ ญี่ปุ่น ยืนเหนือ 2%+/- ต่อเนื่องในปี 2024-2025 พร้อมระดับการเติบโตของ GDP ที่จะสะดุดสั้นๆ ใน 1Q24 -0.4%q-q ก่อนเร่งตัว 0.8-1.1% ในอีก 4ไตรมาสถัดไป ทีมกลยุทธ์ KCS กำลังอยู่ในช่วงประเมินน้ำหนักการลงทุนหุ้นญี่ปุ่นใหม่ในระยะถัดไป หลังจากได้ปรับมุมมองเป็น Slightly Underweight 11 มีค 2024

• (*/+) EU CPI : เงินเฟ้อยุโรป เดือน ก.พ. ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง 3 เดือน อยู่ที่ 2.6% สอดคล้องกับ Core CPI เป็นขาลงและทำ New low ในรอบ 2 ปี ( ถือว่าใกล้เคียง VS. ECBคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อปี 2024-2025 ลงเหลือ 2.3%y-y จากเดิม 2.7%) KCS ประเมินศทางเงินเฟ้อในยุโรปที่เป็นทิศทางขาลง มองบวกต่อทิศทางเศรษฐกิจในยุโรปปี 2024 บวกต่อหุ้นทีมีรายได้ในยุโรป อาทิ XO (70%ของรายได้รวม), MINT(50%) SHR(40%), IVL (22%) CRC(6%) เน้นลงทุน MINT, IVL

• (*) US Bond & Dollar : แนวโน้มยังเป็นขาขึ้น อายุ 10 ปีปรับขึ้นติดต่อกัน 6 วันเมื่อวาน +3 bps และปิดที่ 4.34% สูงสุดในรอบ 1 เดือน เช่นเดียวกับ 2 ปี ปรับขึ้นติดต่อ 6 วัน + 1 bps อยู่ที่ 4.73% บวกต่อกลุ่มประกันชีวิต และธนาคาร มองเก็งกำไรระยะสั้น ขณะที่ Dollar Index แนวโน้มยังแข็งค่าขึ้นมา 103.2 +/- จุด

• (*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ ยอดขายบ้านใหม่ ก.พ. คาด +7.4%m-m 21 มี.ค. ยอดขายบ้านมือสอง ก.พ. คาด -2.0%m-m 21 มี.ค. (เช้า 22 มี.ค. ไทย) ผลการประชุม Fed เดือน มี.ค. ตลาดให้โอกาส 99% Fed คงดอกเบี้ยนโยบาย โดยคาดตลาดให้ความสำคัญต่อ Dotplot ใหม่ ฝั่งจีนติดตามรายงายดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจจีนเดือน ก.พ. 1) ยอดผลิตภาคอุตสาหกรรม คาด 5.2%ytd y-y, 2) ยอดค้าปลีก คาด +5.0%y-y, 3) การลงทุนในสินทรัพย์คงทน คาด +3.2%ytd y-y, 4) การลงทุนภาคอสังหา คาด -8%y-y

•(*/+) Oil : ราคาน้ำมันดิบยังเป็นขาขึ้นระยะสั้น Brent +1.82%d-d ปิดที่ US$ 86.89/barrel (สูงสุดในรอบ 4 เดือน), น้ำมันดิบ West Texas +1.97%d-d ปิดที่ US$ 82.73/barrel แรงหนุนมาจาก 1.)ฝั่ง Supply ที่ลดลงจากกลุ่มประเทศ OPEC+ หลังรายงานยอดส่งออกน้ํามันดิบจากอิรักและซาอุดิอาระเบียแนวโน้มยังเป็นขาลง 2.)ฝั่ง Demand ฟื้นตัวหลังตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือนก.พ. เมื่อวาน ภาคการบริโภคและอุตสาหกรรมดีกว่าคาดยังสะท้อนถึงการเติบโต ทั้ง Industrial Production, Fixed Asset Investment Ex Rural ฯลฯโดยรวมเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นพลังงาน อาทิ PTT, PTTEP, TOP

 

What happened in Thailand ?

• (*) SET: SET Index ปิดลบตามต่างประเทศ -0.01% ปิดที่ 1385.94 จุด กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (PTT, GULF, BCP) กลุ่มน้ำมัน+โรงกลั่น กดดันจากราคาน้ำมัน ค่าการกลั่นพักตัว ส่วนโรงไฟฟ้า กดดันจาก US Bond Yield เร่งขึ้นก่อนประชุม Fed กลุ่มขนส่ง (AOT) รายงานผู้ใช้บริการสนามบินสัปดาห์ล่าสุดอ่อนตัวลงเล็กน้อยตามฤดูกาล กลุ่มหนุน คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA) มองราคาหุ้นตอบรับความเสี่ยงผลประกอบการอ่อนตัวไปมากแล้ว ขณะที่ระยะสั้นมีภาพบวกเงินบาทอ่อนค่าเร็วหนุน กลุ่มสื่อสาร (ADVANC, TRUE) ตลาดเก็งภาพบวก Upside รายได้จากการผู้เล่นในอุตสาหกรรมลดลง ผสาน ต้นทุนลุ้นลดลงในส่วนกำหนดการประมูลคลื่นเดิมที่มีในมือกลับมาใหม่ระยะถัดไป

• (*) Flow : เงินทุนต่างชาติไหลออก ขายหุ้น -8.25 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -167.3 ล้านเหรียญฯ TFEX สถานะ Net Long 12,733 สัญญา เงินบาททรงตัว 35.9 +/-บาท

• (*/+) TH Tourism: ผู้ใช้บริการสนามบิน AOT ไป ตปท. 1-16 มี.ค. ยังอยู่ในเกณฑ์ดี สูง 86.6% ของ Pre COVID โดย 10-16 มี.ค. แผ่วลงตามฤดูกาล 85.2% (vs สัปดาห์แรก มี.ค. 88%) แต่สูงใกล้เคียง ก.พ. 24 ที่ 86.6% และสูงกว่า ม.ค. 24 ที่ 82% โดยรวมเรายังคาดยอดนักท่องเที่ยว มี.ค. 24 สูงเกิน 3.0 ล้านคน ผสาน 2M24 ที่มีนักท่องเที่ยวราว 6.38 ล้านคน ยังเชื่อว่านักท่องเที่ยวปี 24F ยังอยู่ในกรอบที่เราประเมิน 36 +/- ล้านคน (vs ตลาดคาด 34 +/- ล้านคน) เชิงกลยุทธ์ หุ้นอิงภาคบริการหากอ่อนตัวลง เรามองน่าสะสม เน้น AOT, MINT, CPALL, BJC

• (*/-) TH Politic:เลขา กกต.ยื่นคำร้อง 'ยุบพรรคก้าวไกล' คดีล้มล้างการปกครอง ปมยื่นแก้ไข ม.112 ผ่านระบบ E-filling ถึงมือสำนักงานศาล รธน.แล้ว ลุ้นที่ประชุมตุลาการฯ 20 มี.ค.นี้ พิจารณารับ/ไม่รับคำร้อง มองจิตวิทยาลบเล็กๆต่อตลาด จากความไม่แน่นอนการเมือง ทั้งนี้ กรณีรับคำร้องเราคาดต้องใช้เวลาวินิจฉัยราว 1-2 เดือน ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวอาจกลับมาเป็นประเด็นตลาดกลับมาระมัดระวังอีกครั้ง ส่วนระยะสั้นก่อนทราบกำหนดการวินิจฉัยคาด SET เคลื่อนไหวตามภาพทางพื้นฐาน

• (*/+) New PDP: สนพ. เปิดเผยถึงความคืบหน้าการปรับปรุงแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan 2024) ปี 2024-37 ว่า จะสามารถประกาศใช้ได้ในเดือนก.ย. 24 นี้ โดยต้นเดือนเม.ย. 24 ซึ่งเบื้องต้นแผน PDP จะต้องมีพลังงานหมุนเวียนกว่า 50% ในปี 24 มองเป็น sentiment บวกต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า จากความคืบหน้าของการทำแผน PDP ฉบับใหม่ ที่สนับสนุนพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น (ต้องการเพิ่มสัดส่วนเป็น 50% ภายในปี 2037) vs. ปัจจุบันที่มีสัดส่วนราว 18% จากกำลังการผลิตทั้งหมด 49,514 MW สะท้อนว่าความต้องการกำลังการผลิตใหม่พลังงานหมุนเวียนเพิ่มจากแผนเดิม (10,193 MW) จะมีไม่ต่ำกว่าราว 13,000 MW ในระยะยาว เพื่อให้บรรลุเป้าดังกล่าว และจะส่งให้รัฐเปิดประมูลพลังงานหมุนเวียนต่อเนื่อง ซึีงเป็นประโยชน์โดยตรงต่อ GULF, BGRIM, GPSC ที่มีโอกาสประมูลเพิ่ม ตามลำดับ

• (*/+) To Monitor: 20-21 มี.ค. ติดตามขั้นตอน ส.ส. พิจารณาร่างงบประมาณ 2024 วาระ2 และ 3 มองหนุนมีภาพแรงเก็งกำไรกลุ่มได้ประโยชน์ต่อเนื่อง อาทิ รับเหมาก่อสร้าง+ICT เน้น STEC, BE8 หุ้นในกลุ่มเหล็ก และค้าปลีกที่จำหน่ายเหล็ก อาทิ GLOBAL, DOHOME

 

 

Daily Strategy : GULF, PTTEP, HANA

ระยะสั้น วันนี้มองภาพตลาด "ฟื้นตัว" มอง SET มีโอกาสฟื้นตัวได้ แรงขับเคลื่อน Sector หลักๆวันนี้ค่อนข้างชัด กลุ่มน้ำมัน+โรงกลั่น หนุนจากราคาน้ำมันทำระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน กลุ่มชิ้นส่วนฯ ลุ้นโอกาสเติบโตรอบใหม่ของ Smartphone หลัง Apple เตรียมจับมือใช้ AI ของ Google นอกจากนี้ กลุ่มอื่นที่จะเด่นต่อวันนี้ คือ กลุ่มลุ้นความคืบหน้างบประมาณรัฐปี 2024 ใกล้คืบหน้า

 

หุ้นได้ประโยชน์ภาคผลิตโลกผ่านจุดต่ำสุด (IVL, PTTGC, HANA, SJWD, MENA, WICE)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรการภาครัฐฯ บริโภค ท่องเที่ยว (CPALL, CPAXT, BJC, AOT, AAV, MINT, TKN)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงนับจากปี 2024 (GULF, GPSC, CPALL, TRUE, MINT, BBIK, BE8, PLANB)
กลุ่ม Dividend Plays (AP, MC, SC, SIRI)
กลุ่มได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ฤดูร้อน (ICHI, CPALL, CPAXT, AOT, AAV, MINT)
กลุ่มได้ประโยชน์ค่าระวางเรือ Container เริ่มปรับตัวลดลง (TU, GFPT, STA ,NER STGT, HANA)
หุ้นอิงกระแสจีนแถลงเป้าหมาย GDP > ตลาดคาด และลุ้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ (IVL, PTTGC, DOHOME, GLOBAL)

• MAR24 Best Picks: CPALL, BJC, IVL, ICHI, MINT, MTC, OSP

• 1Q24/2024 Stock Picks : GPSC, IVL, PTTGC, CPALL, AOT, AMATA, SCGP, SCC, MINT Mid-Small Cap Play : SJWD, DOHOME, BE8, SPA, PLANB

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

• Strategy Update : ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน KCS ได้เข้าร่วมงานสัมมนา "Understanding China's 2024 "Two Sessions: Target & Implication" "

ทางการจีนตั้งเป้าการเติบโตของ GDP ปีนี้ระดับ 5% เท่ากับปีก่อน โดยมีการเปิดเผยตัวเลขเป้าหมายเศรษฐกิจสำคัญอื่นๆประกอบได้แก่ การขาดดุลงบประมาณระดับ 3% ของ GDP เท่ากับปีก่อน, การออกพันธบัตรพิเศษสำหรับรัฐบาลท้องถิ่นมูลค่ารวม 3.9 ล้านล้านหยวน สูงกว่าปีก่อนที่ 3.8 ล้านล้านหยวน, ออกพันธบัตรอายุยาวพิเศษ (Ultra-long-term special treasury bonds) มูลค่า 1 ล้านล้านหยวน, เป้าหมายเงินเฟ้อระดับ 3%, งบประมาณการลงทุนส่วนกลาง 7 แสนล้านหยวน เพิ่มจากปีก่อนระดับ 6.8 แสนล้านหยวน, และตั้งเป้าอัตราการว่างงานเขตเมืองไม่เกินระดับ 5.5% ด้วยการสร้างงานใหม่ 12 ล้านตำแหน่ง
จากการคำนวณของ MUFG ตัวเลขเป้าหมายการเติบโตของแต่ละเมืองและมณฑลในปี 2024 นี้ Implied เป็นเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจจีนโดยรวมระดับ 5.3% ต่ำกว่าปีก่อนที่การคำนวณดังกล่าวสะท้อนเป้าการเติบโตรวม 5.6% แต่ยังสูงกว่าเป้าหมายที่ระดับเป้าหมายของชาติ 5.0%
ในเชิงรายละเอียด MUFG พบประเด็นที่น่าสนใจจากการแถลงของสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ดังนี้ 1) ทางการจีนตั้งเป้าไปที่การปรับโครงสร้างมากกว่ากระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเดียว 2) จีนให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนผ่านด้านเทคโนโลยี 3) สนับสนุนกิจการของภาคเอกชน 4) พยายามสร้างสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจเพื่อดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ 5) สร้างความร่วมมือและการสื่อสารกับภาคเอกชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น 6) สนับสนุนการพัฒนาอสังริมทรัพย์ในรูปแบบใหม่ (New Model) และ 7) เร่งแก้ปัญหาหนี้ระดับรัฐบาลท้องถิ่น
แนวทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ของจีนมีหลักการคือยังเน้นไปที่การมองบ้านเป็นที่อยู่อาศัย มิใช่เครื่องมือที่ใช้ในการเก็งกำไร
ปัจจัยที่ MUFG มองเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน 1) ภาวะอุปสงค์อ่อนแอ 2) ภาคเอกชนอ่อนแอ 3) หนี้ของรัฐบาลท้องถิ่นอยู่ในระดับสูง 4) กิจกรรมของภาคอสังหาริมทรัพย์ยังชะลอ 5) ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์กับสหรัฐ และ 6) ความเชื่อมั่นต่ำ
MUFG มองเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวขึ้นในเชิงเปรียบเทียบ ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐมีนแนวโน้มอ่อนแอลงในช่วงครึ่งหลังจะทำให้ค่าเงิน USDCNY มีแนวโน้มแข็งค่าสู่ระดับ 6.8 ช่วงสิ้นปีนี้
Strategy: ฝ่ายวิจัย KCS มองบวกต่อโอกาสการเติบโตของจีนที่น่าจะมี นโยบายการเงินและการคลังทยอยออกมามากขึ้น (MUFG คาดราว มิ.ย. 2024) โดยแนะนำลงทุนกองทุนหุ้นจีน ผ่าน KCS iFund แนะนำกองทุนดังนี้ KFACHINA-A (A-shares), TMBCOF(H-Shares), K-CHINA-A(A) (All shares) และ หุ้นไทยที่อิงจีน IVL(TP@26.5), PTTGC (TP@39.0), SCGP(TP@38.5), DOHOME(TP@12.8)

• FTSE Rebalance : FTSE ประกาศทบทวนดัชนีรายไตรมาส มีผลบังคับใช้ ราคาปิดวันที่ 15 มี.ค.24

Large Cap หุ้นเข้า : ไม่มี หุ้นออก: CPF, HMPRO, IVL, SCGP

Mid Cap หุ้นเข้า CPF, HMPRO, IVL, SCGP หุ้นออก : ไม่มี

ทั้งนี้ หุ้นที่หลุดจากFTSE large cap เข้า Mid cap เนื่องจาก FTSE ALL World คือ Large Cap & Mid Cap ฉะนั้น จะไม่มีเงินเข้า-ออก แต่จะเป็นการปรับระหว่างทาง (ยกเว้นกรณีที่หลุดออกจาก Mid Cap)

Small Cap หุ้นเข้า : ไม่มี หุ้นออก : KEX, RABBIT, RAM, SAMART, WORK

Micro Cap หุ้นเข้า : BOFFIC, BTSGIF, CIMBT, COCOCO, IMPACT, KCG, KEX, LHFG, MALEE, PIN, PSP, RABBIT, SAMART, SAV, SEAOIL, SKY, SCAP, WPH, WORK หุ้นออก : AKS, B, BIG, BKD, CEN, CMR, CWT, DDD, ECL, FSX, GGC, GRAND, HYDROGEN, IRC, IT, KBSPIF, LPH, MSC, MST, NWR, PAP, PEACE, RBF, SCM, SO, SQ, SVT, TEGH, TFM, TH, TK, TRITN, TRUBB, VNG, WICE

 

• Strategy Update : Summer Play

Fact : กรมอุตุนิยมวิทยาเปิดเผยว่า ไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อนในปี 2024 ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 4 เดือน ก.พ. 24 โดยคาดหมายว่าอุณหภูมิจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติและปี 2023 ราว 1 องศา ทีมกลยุทธ์ KCS ประเมินเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากอากาศร้อน อาทิ กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มโรงแรม

Key Ideas : อิงผลการศึกษา 8 ปีย้อนหลัง หากซื้อก่อนเข้าสู่หน้าร้อน 1 เดือน หุ้นกลุ่มโรงแรม เครื่องดื่ม กลุ่มค้าปลีก มักให้ผลตอบแทนเด่น เฉลี่ย +2.5% +2.2% และ +1.6% vs SET +0.5%

ทั้งนี้ หากซื้อวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน และขายหลังจากนั้น 1 เดือน หุ้นโรงแรม เครื่องดื่ม และค้าปลีกจะให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเด่น +3.5% +3.9% และ 1.9% vs SET +1.5%

Strategy : การลงทุนที่ดีที่สุดในการลงทุนก่อนเข้าสู่หน้าร้อน คือ แนะนำซื้อหุ้นในธีม Summer Play ก่อน 1 เดือน และถือจนเข้าสู่หน้าร้อน คาดจะได้รับผลตอบแทนเป็นบวกสูงที่สุด โดยอิงภาพทางพื้นฐานปี 2024F ประกอบ เราแนะนำ เครื่องดื่ม เน้น ICHI ค้าปลีก เน้น CPALL CPAXT ท่องเที่ยว+โรงแรม เน้น AOT AAV MINT

 

• Strategy Update: Dividend Plays

Fact : ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค.2024 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2023 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KCS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2023F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H23F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KCS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 2.0% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1-2 เดือนแรกของปี ใน "Theme 2H23F Dividend Play"

Key Ideas:

· KCS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.97%, เดือน ก.พ. บวก 8 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.91%

· SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ใน 10 ปี เฉลี่ย +1.47%)

Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ KCS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น 2H23F ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ 1) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล 2023F/2H23F สูงกว่า 2% 2) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโตหรือกระแสเงินสดมั่นคง หรืออยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KCS ปี 2024 อาทิ Theme ดอกเบี้ยผ่านจุดพีคไปแล้ว กลุ่มหุ้นที่หนุนเศรษฐกิจไทยปี 2024F ฟื้นตัวมากกว่าศักยภาพ 3.0% ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ พบว่ามีหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัท คือ

 

หุ้น Big Cap ได้แก่ AP(TP-15.5,Yield 2H23F-5.7%) LH(TP-9.5,Yield 2H23F-4.9%) SAWAD (TP-53,Yield 2H23F-4.3%) TIDLOR(TP-30,Yield 2H23F-2.8%) WHA(TP-6.4,Yield 2H23F-2.4%)INTUCH(TP-85, Yield 2H23F-2.4%) ADVANC(TP-264, Yield 2H23F-2.0%)

 

หุ้น Mid Cap ได้แก่ MC(TP-16,Yield 2H23F-6.3%) NER(TP Con-6.1,Yield 2H23F-4.5%) SC (TP-4.5, 2H23F-4.34%) SIRI(TP-2.2,Yield 2H23F-3.8%)

 

โดยทีมกลยุทธ์ KCS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 11 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปั พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ TIDLOR +5.4%, ADVANC +3.7%, INTUCH +2.2%, ส่วน WHA, AP,SIRI, MC, NER ผลตอบแทนอยู่ในช่วง + 1.2 -1.5% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลายๆครั้งนักลงทุนจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

 


1Q24/2024F Equity Outlook : Between Clouds & Fog or Silver Lining, Our Base Case is Soft Landing of DMs, 2024Year of EM Asia

Stock Best Picks : GPSC, IVL, PTTGC, CPALL, AOT, AMATA, SCGP, SCC, MINT
Mid-Small Cap Play : SJWD, DOHOME, BE8, SPA, PLANB

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

หมดแรง By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ เห็นตลาดหุ้นไทย ไร้ปัจจัยบวก ไร้แรงกระตุ้น ก็หมดเวลาได้ไปต่อ ด้วย งบบจ.แจ้งผลงานไตรมาสแรก....

มัลติมีเดีย

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

APO มาเหนือเฆม - สายตรงอินไซด์ - 2 เม.ย.67

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้